Friday, 20 June 2025
ค้นหา พบ 48914 ที่เกี่ยวข้อง

แฟนคลับ เป็นปลื้ม!! ‘พี่ตุ๋ย พีระพันธุ์’ เปิดงาน ‘เทศกาลแห่งความรักสีสันจังหวัดตรัง’ เดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ด!! เป็นพยานรัก ‘LGBTQ+’ จดทะเบียนสมรสที่ ‘เกาะกระดาน’

(15 ก.พ. 68) แฟนคลับโพสต์เกี่ยวกับท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีใจความว่า …

สีสันวันแห่งความรัก....พี่ตุ๋ย - พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สวมเสื้อสีชมพูตามธีมของเทศกาล ไปเป็นประธานเปิดงานเทศกาลแห่งความรักสีสันจังหวัดตรัง (เทศกาลวิวาห์ใต้สมุทร 2025) ที่จังหวัดตรัง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารภาคเอกชน และ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมให้การต้อนรับ ก่อนเดินทางด้วยเรือสปีดโบ๊ดไปยังสถานที่จัดกิจกรรม “รักที่สุด กลางสมุทรอันดามัน” ซึ่งเป็นการจดทะเบียนสมรสที่เกาะกระดาน ชายหาดที่ดีที่สุดในโลก และในปีนี้ยังมีคู่รัก LGBTQ+ ร่วมจดทะเบียนสมรสด้วย

เทศกาลนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวตรังและของประเทศไทยซึ่งจัดต่อเนื่องมากว่า 28 ปี และเคยได้รับการบันทึกเป็นสถิติโลกใน Guinness World of Record เพราะนอกจากจะเป็นการฉลองเทศกาลแห่งความรักแล้ว กิจกรรมนี้ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่าของจังหวัดตรังและของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริม Soft Power ของไทย ที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมในภาคใต้ด้วย

สำหรับการจัดงานปีนี้ ทางจังหวัดตรังได้บูรณาการร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมรณรงค์ให้ชาวตรังใส่เสื้อสีชมพูในช่วงเทศกาล นอกจากจะมีการจัดงานวิวาห์ใต้สมุทรแล้ว ยังมีกิจกรรมเดินขบวนพาเหรด LGBTQ+ การสนับสนุนสินค้า OTOP การให้ส่วนลดค่าที่พัก และส่วนลดค่าอาหาร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดอีกด้วย โดยการจัดงาน จะมี 2 รูปแบบ ได้แก่ “วิวาห์ใต้สมุทร” ซึ่งเป็นการดำน้ำจดทะเบียนสมรสบริเวณหินก้อนเดียว หน้าถ้ำมรกต และ “รักที่สุด กลางสมุทรอันดามัน” ซึ่งเป็นการจดทะเบียนสมรสที่เกาะกระดาน 

‘ลิซ่า’ ยกทีมนักแสดง White Lotus ร่วมโปรโมทที่ประเทศไทย สุดภูมิใจ!! แต่งผ้าไหมสีชมพูกลีบบัวรับ ‘วาเลนไทน์’

(15 ก.พ. 68) หลังจากที่ ลิซ่า ได้เดบิวต์เต็มตัวในฐานะนักแสดงประเดิมซีรีส์สุดโด่งดัง The White Lotus ซีซัน3 ที่ถ่ายทำกันที่เกาะสมุย ประเทศไทย

ล่าสุดก็ได้ฤกษ์ดีวันวาเลนไทน์จัดงานโปรโมทสุดยิ่งใหญ่ที่แดนสยาม โดยมีนักแสดงนำมาร่วมงานคับคั่งทั้ง ไมค์ ไวท์ ผู้เขียนบท แพทริก ชวาสเนกเกอร์, เจสัน ไอแซค, นาตาชา รอธเวลล์, เทม ทับทิมทอง, ดอม เหตระกูล, ภัทราวดี มีชูธน ฯลฯ

นอกจากนั้นบังมีบรรดาเซเลบของไทยเข้าร่วมงานอีกมากมายทั้ง แอน ทองประสม, อนันดา เอเวอร์ริงแฮม,ไบรท์ วชิรวิทย์, แต้ว ณฐพร, อร สมฤทัย, กวาง เดอะเฟซ, โยชิ รินรดา ฯลฯ

ลิซ่า ปรากฏตัวในชุดที่สั่งทำขึ้นพิเศษโดยเฉพาะจากแบรนด์ Louis Vuitton เป็นผ้าไหมสีชมพูกลีบบัว โดยมีกิมมิคเป็นข้อมือพวงมาลัยสีชมพูและที่ติดผมเป็นรูปดอกบัวเล็ก ๆสีชมพู ต่างหูทับทิมจาก Bvlgari

เรียกได้ว่าโดดเด่นทุกครั้งที่เดินพรมแดงเพราะใส่ใจทุกรายละเอียด

นอกจากนั้นยังมีคนตาดีเห็น เฟเดอริก อาร์โนลต์ มาร่วมให้กำลังใจ ลิซ่า ด้วย

‘สหรัฐฯ’ หยุดจ่ายเงิน!! ‘BBC’ หันมาชม!! ‘จีน’

(15 ก.พ. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘ลึกชัดกับผิงผิง’ โพสต์ข้อความระบุว่า …

หลายวันก่อน อีลอน มัสก์ปิดองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID)โดยตรง มิเพียงแต่เลิกจ้างพนักงานทั่วโลกจำนวนกว่าหมื่นคนเท่านั้น และยังตัดงบประมาณที่มียอดกว่า 50,000ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี 

เรื่องนี้ทำให้ BBC โกรธมาก และหันมาชมจีนอย่างเต็มที่ ทีมงานของอีลอน มัสก์เปิดโปงว่าแต่ละปี สื่อจำนวนมากของสหรัฐอเมริกาและยุโรปล้วนได้เงินไม่น้อยจาก USAID ส่วน BBC ที่บอกว่าตัวเองเป็นสื่ออิสระและเป็นกลางนั้น ก็มีค่าตอบแทนเช่นกัน โดยแต่ละปีจะได้รับจากUSAIDหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อ 1 เดือนก่อน สารคดีของ BBC ส่วนใหญ่บอกว่าจีนแย่แล้ว จีนจะพังแล้ว แต่หลังจากวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่อีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว ทำให้ BBC โกรธมาก จึงเร่งพนักงานผลิตสารคดีเรื่อง 'โครงการเมดอินไชน่า 2025' ภายในเวลาไม่กี่วัน และออกอากาศด้วย 

สารคดีเรื่องนี้ชมจีนอย่างเต็มที่ อย่างเช่นโดรนทันสมัยนำหน้าของจีน รถยนต์พลังงานใหม่ของ BYD โครงการโซลาร์เซลล์ และ Deepseek เป็นต้น โดยไม่มีคำตำหนิใส่ร้ายใด ๆ มีแต่พูดเรื่องดี ๆ เท่านั้น 

สุดท้าย พิธีกรได้คำสรุปว่า 'โครงการเมดอินไชน่า 2025' ของจีนประสบความสำเร็จอย่างบริบูรณ์ สาเหตุคือ ระบบของจีน ความอดทนและการวางแผนระยะยาวของรัฐบาลจีน 

BBC ชอบรายงานจีนในเชิงลบ กระทั่งสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับจีน อย่างเช่นเหตุการณ์ผ้าฝ้ายซินเจียง แต่หลังจากอีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว BBC เปลี่ยนท่าทีจากผู้ต้านจีนมาเป็นผู้สนิทกับจีนทันที 

ดิฉันคิดว่า BBC ทำสารคดีดังกล่าว คงไม่ใช่สนิทกับจีนจริง ๆ แต่เป็นการเตือนสหรัฐฯ ว่า ถ้าไม่จ่ายเงินต่อ วันหลังก็จะไม่ทำตามคำสั่งอีกแล้ว ทีมงานของอีลอน มัสก์โพสต์ข้อความและยืนยันว่า USAIDให้เงินสนับสนุนแก่ผู้สื่อข่าวจำนวนกว่า 6,200 คน สื่อ 707 แห่ง และองค์การภาคเอกชน 279 แห่งของ 30 ประเทศ

‘ไทยออยล์’ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 2,767 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น!! จากไตรมาสก่อน

(15 ก.พ. 68) นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า “ในไตรมาส 4/2567 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 2,767 ล้านบาทปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซลกับราคาน้ำมันดิบดูไบจากกิจกรรมการท่องเที่ยวที่สูงขึ้นในช่วงสิ้นปี ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันสำหรับผลิตความร้อนในช่วงฤดูหนาว แม้ว่า Crude Premium จะปรับเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้จากความกังวลต่อความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางก็ตาม สำหรับกำไรขั้นต้นจากธุรกิจอะโรเมติกส์ปรับลดลงจากส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนกับราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่ลดลง เนื่องจากอุปสงค์เสื้อผ้าและสิ่งทอไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ประกอบกับกำไรของธุรกิจปลายน้ำ เช่น สารพีทีเอ ที่ยังถูกกดดันรวมถึงส่วนต่างราคาสารเบนซีนกับราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่ปรับลดลงจากปริมาณสารเบนซีนคงคลังของจีนที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี ตลอดจนการกลับมาดำเนินการผลิตของโรงผลิตสารเบนซีนหลังปิดซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ กำไรขั้นต้นจากธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนอุปสงค์ที่ฟื้นตัวหลังสิ้นสุดฤดูมรสุม เช่นเดียวกับ กำไรขั้นต้นจากธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ปรับเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้ที่ฟื้นตัวหลังผ่านฤดูฝนและอุปทานที่ตึงตัวอย่างต่อเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกลุ่มที่ 1 ในเกาหลีใต้ ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 4/2567 ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 3/2567 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันลดลงตามเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์ขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 2,010 ล้านบาท     

สำหรับภาพรวมปี 2567 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขายที่ 455,857 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9,959 ล้านบาท กำไรลดลงจากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักจากกำไรขั้นต้นจากการกลั่นปรับลดเนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันอากาศยาน น้ำมันดีเซลกับราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลง จากอุปทานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก โรงกลั่นใหม่เริ่มดำเนินการ ขณะที่ด้านราคาน้ำมันดิบในปี 2567 เทียบกับปี 2566 ปรับลดลง จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์รับรู้ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 5,913 ล้านบาท

ทั้งนี้ กลุ่มไทยออยล์ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี ตามหลักการ ESG (Environment, Social, and Governance) อย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากการได้รับรางวัลด้านความยั่งยืน จำนวน 9 รางวัล และได้รับการรับรองเป็นสมาชิก DJSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12  

นายบัณฑิตฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับภาพรวมธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 คาดว่าตลาดน้ำมันจะอ่อนตัวลงเนื่องจากอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากการทยอยเปิดดำเนินการของโรงกลั่นขนาดใหญ่ในจีน เม็กซิโก ไนจีเรีย และโอมาน ถึงแม้ว่าตลาดจะได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ลดลงจากสภาพอากาศหนาวเย็นในสหรัฐฯ ส่งผลให้โรงกลั่นหลายแห่งต้องหยุดดำเนินการ ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์ มีแนวโน้มฟื้นตัวโดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของพาราไซลีนที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากคำสั่งซื้อโพลิเอสเตอร์ในจีนหลังเทศกาลตรุษจีนมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงความต้องการขวดบรรจุภัณฑ์ (PET) ที่จะปรับสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานมีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากแรงกดดันของอุปทานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดจากโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 ในอินเดีย”

ไทยออยล์ยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงแสวงหาโอกาสสร้างรายได้เพื่อให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันโครงการพลังงานสะอาดให้เดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุด ตลอดจนแสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ เมกะเทรนด์เพื่อมุ่งเติบโตเป็นองค์กร 100 ปี อย่างมั่นคง ภายใต้วิสัยทัศน์ สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน”

‘รัฐบาลจีน’ ดึง ‘แจ๊ก หม่า - เหลียง เหวินเฟิง’ ร่วมประชุม ส่งสัญญาณ!! รัฐหนุนภาคเอกชน

(15 ก.พ. 68) จีนเชิญแจ๊ก หม่า (Jack Ma) ผู้ร่วมก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) และเหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ผู้ก่อตั้งดีปซีก (DeepSeek) เข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารระดับสูงที่อาจจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วยเช่นกัน

ตารางนัดหมายการประชุมยังถูกปกปิดเป็นความลับและยังไม่มีความชัดเจนจนถึงปัจจุบัน แต่การพบปะกันระหว่างสี จิ้นผิง และแจ๊ก หม่า ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะมีการสนับสนุนภาคเอกชนมากขึ้น หลังปล่อยให้เผชิญความระส่ำระสายมานานหลายปี

แจ๊ก หม่า นักธุรกิจรายใหญ่ของจีนผู้ซึ่งกล้าพูดตรงไปตรงมา กลายเป็นเหยื่อรายสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามภาคอสังหาฯเมื่อปี 2020 ของสี จิ้นผิง เมื่อรัฐบาลจีนช็อกผู้คนทั่วโลกด้วยการสกัดแผน IPO ของแอนท์ กรุ๊ป (Ant Group) ฟินเทคยักษ์ใหญ่ของแจ๊ก หม่า ซึ่งทำให้แจ๊ก หม่า สูญเงิน 35,000 ล้านดอลลาร์ในพริบตา และต้องหายจากหน้าสื่อไปหลายเดือน 

ทั้งนี้ สารสนเทศของคณะมุขมนตรีจีน (State Council Information Office) ไม่ได้ตอบสนองต่อคำถามเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าวจากทางรอยเตอร์ เช่นเดียวกับตัวแทนของดีปซีกและอาลีบาบา

ปัจจุบัน รัฐบาลจีนดำเนินวิธีการที่ชวนวิวาทน้อยลง หลังเศรษฐกิจจีนเติบโตชะลอตัวและบริษัทต่าง ๆ อย่างอาลีบาบาปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวทางการผลักดันทางปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของสี จิ้นผิง

ขณะที่ เหลียง เหวินเฟิง กลายเป็นผู้นำด้านเอไอเพียงคนเดียวที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมวงประชุมเปิดระหว่างผู้ประกอบการกับผู้มีอำนาจสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศอย่าง หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ในวันที่ 20 มกราคม 2025 ด้านแจ๊ก หม่า ก็เริ่มค่อย ๆ ปรากฏตัวในที่สาธารณะมากขึ้น ได้มอบสุนทรพจน์เกี่ยวกับเอไอแก่พนักงานแอนท์ กรุ๊ป เมื่อเดือนธันวาคม 2024


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top