Friday, 20 June 2025
ค้นหา พบ 48927 ที่เกี่ยวข้อง

คาดเศรษฐกิจไทยปี 68 เวิลด์แบงก์เชื่อจีดีพีโต 2.9% แม้หนี้ครัวเรือนพุ่ง-ส่งออกชะลอตัว

(14 ก.พ.68) ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโต 2.9% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการลงทุนภาครัฐ ขณะที่การท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 ภายในกลางปี นอกจากนี้ นโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ส่งผลให้ระดับความยากจนลดลง 8.29% ในปี 2567 อย่างไรก็ตาม จีดีพีของไทยยังคงต่ำ และยังต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก 

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า รายงาน *Thailand Economic Monitor* ฉบับล่าสุด คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตจาก 2.6% ในปี 2567 เป็น 2.9% ในปี 2568  

การลงทุนที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะภาครัฐ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่เพิ่มขึ้น และการเดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน การบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวยังมีบทบาทสำคัญ โดยคาดว่าภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในกลางปี 2568  

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก โดยนวัตกรรม ผู้ประกอบการ และธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีความยืดหยุ่นและพลวัตสูง จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน  

"ประเทศไทยมีกรรมเก่า คือ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง แต่ก็ยังมีบุญเก่า คือ เสถียรภาพเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้กลับมาเป็นบวกจากการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง ขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ต่ำกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด" นายเกียรติพงศ์กล่าว พร้อมเสริมว่า แม้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะดีกว่าที่คาด แต่จีดีพีของไทยยังคงต่ำกว่าระดับศักยภาพ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2569 จีดีพีจะเติบโตที่ 2.7%  

ความท้าทายสำคัญที่ไทยต้องเผชิญ ได้แก่ การลดระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน และการสร้างความยั่งยืนทางการคลัง ท่ามกลางความต้องการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สังคมผู้สูงอายุ สงครามการค้า และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก  

ธนาคารโลกระบุว่า ประเทศไทยควรเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางการคลังผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ การใช้งบประมาณอย่างมีกลยุทธ์ การขยายฐานภาษี และการให้ความสำคัญกับการลงทุนที่กระตุ้นการเติบโตในภาคโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความยั่งยืนระยะยาว  

นางเมลินดา กูด ผู้อำนวยการธนาคารโลก ประจำประเทศไทยและเมียนมา เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และโครงการแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล ส่งผลให้อัตราความยากจนลดลงจาก 8.5% ในปี 2566 เหลือ 8.29% ในปี 2567  

“ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างโดดเด่นตลอด 5 ทศวรรษที่ผ่านมา การปลดล็อกศักยภาพการเติบโตในอนาคต จำเป็นต้องมีการตัดสินใจที่กล้าหาญ ควบคู่ไปกับการลงทุนในระบบนิเวศนวัตกรรม การพัฒนาทักษะสำหรับอนาคต และการปรับปรุงกฎระเบียบที่เอื้อต่อการเติบโต ซึ่งจะช่วยให้คนไทยสามารถปรับตัวต่อความท้าทายระดับโลกและเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต” นางเมลินดากล่าว

บิ๊กหวาน สั่งรวบผู้ต้องหาชาวญี่ปุ่นหลอกนักศึกษา ทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์ พร้อมเพิกถอนวีซ่า ขึ้นแบล็คลิส ส่งกลับ ดำเนินคดี

สืบเนื่องจากกรณีเยาวชนชาวญี่ปุ่นถูกหลอกให้ไปทำงานขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 17 ม.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาได้มีการประสานงานกับทางการญี่ปุ่น จนสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายกลับประเทศญี่ปุ่นได้แล้ว

วันนี้(13 ก.พ.68) เวลา 20.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม ,พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม. ,พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. ,พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.ปรท.บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ชย  พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. เปิดเผยกรณีจับกุมผู้ต้องหาชาวญี่ปุ่นหลอกลวงเหยื่อเด็กมัธยมสัญชาติเดียวกันข้ามฝัง ไปทำงานขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา 

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ สตม. โดย บก.สส.สตม. สืบสวนกรณีดังกล่าว จนสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ คือ คือ MR.TOM FUJINUMA หรือ นาย ทอม ฟูจินุมะ สัญชาติ ญี่ปุ่น อายุ 29 ปี หมายเลขหนังสือเดินทาง TT5861637 เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. จึงได้ทำหนังสือเพิกถอนการอยู่ต่อในราชอาณาจักร ลงวันที่ 13 ก.พ.68 และได้ตรวจสอบข้อมูลของนายทอมฯ พบว่า เป็นผู้มีหมายจับจากทางการญี่ปุ่นในข้อหา “ ลักพาตัวโดยใช้กำลังเพื่อแสวงหากำไร ,การกักขังที่ผิดกฎหมาย ,การบุกรุกเข้าไปในที่พักอาศัย ทำร้ายบุคคลในที่เกิดเหตุ และปล้นทรัพย์ ” ต่อมาทราบว่า ผู้ต้องหาจะเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย จากประเทศเมียนมา มาลงที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง จึงได้เข้าตรวจสอบพร้อมแจ้งการเพิกถอนการอยู่ต่อในราชอาณาจักร(ตม.83)ให้ผู้ต้องหาทราบ และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เตรียมผลักดันส่งกลับประเทศญี่ปุ่นต่อไป

จตช. กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับคนต่างด้าวที่กระทำผิด หรือมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดและผลักดันออกนอกประเทศ รวมทั้งลงบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยทุกราย   

ศูนย์ฝึกทหารใหม่ จัดพิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 4/67 มุ่งหวังสร้างทหารกองประจำการที่มีคุณค่าต่อประเทศชาติ และกองทัพเรือ

(13 ก.พ.68) น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ฯ โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา , ข้าราชการ , ครูฝึก และครูหมวดวิชา เข้าร่วมพิธี ณ ลานสวนสนาม ศฝท.ยศ.ทร. ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

กองทัพเรือ โดยกรมยุทธศึกษาทหารเรือ มอบหมายให้ ศฝท.ยศ.ทร. รับการรายตัวทหารใหม่ ผลัดที่ 4/67 ระหว่างวันที่ 1 - 2 ก.พ.68 เพื่อเข้าสู่การฝึกอบรมฯ เป็นเวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ นั้น บัดนี้ทหารใหม่ จำนวน 2,894 นาย ผ่านขั้นตอนทางธุรการ การคัดกรองสุขภาพด้านร่างกายและจิตใจ เรียบร้อยแล้ว มีความพร้อมในการรับการฝึกอบรมฯ เพื่อหล่อหลอมให้เป็นทหารกองประจำการที่เป็น “สุภาพบุรุษทหารเรือ” ที่เข้มแข็ง องอาจ ก่อนเข้าปฏิบัติงานในหน่วยงานของกองทัพเรือ โดยมีหัวข้อการฝึก ประกอบด้วย
- การฝึกบุคคลท่ามือเปล่า และบุคคลท่าอาวุธ
- การฝึกสวนสนาม
- การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- การอบรมวิชาการเรือ , วิชาการอาวุธ , วิชาข้อบังคับ , วิชาสังคมและมนุษยศาสตร์ และการป้องกันความเสียหาย

โอกาสนี้ ผบ.ศฝท.ยศ.ทร. ได้มอบธงอันเป็นสัญลักษณ์ประจำหลักสูตร และให้โอวาทเพื่อเป็นแนวทางในการฝึกอบรมฯ ความว่า “...การที่ท่านได้เข้ามารับราชการทหารเรือ นั้น นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ของลูกผู้ชาย ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ประการหนึ่งแล้ว ยังถือว่าท่านเป็นผู้ที่มีความเสียสละอย่างยิ่ง ที่ต้องห่างจากบ้าน และครอบครัวอันเป็นที่รัก เพื่อมารับใช้ประเทศชาติ ในห้วงการฝึกหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา 2 เดือนนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับสถานะ จากพลเรือนให้เป็นทหารเรือ ที่เข้มแข็ง องอาจ สง่างาม มีเกียรติ และศักดิ์ศรี มีความพร้อมที่การปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ตลอดระยะเวลาการฝึกจะมีความเข้มงวด จริงจัง แต่จะอยู่ภายใต้กรอบของความเมตตา ความปรารถนาดี โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย  ดังนั้นจึงขอให้ท่านอุทิศตน อดทน ตั้งใจฝึกหัดศึกษาหาความรู้ ในส่วนของครูที่ทำหน้าที่ฝึก ก็จะเป็นผู้ที่สร้างความเชื่อมั่นดูแลทุกท่านด้วยความมุ่งมั่นเเละตั้งใจเป็นอย่างดี ดังนั้น ขอให้ทุกท่านแจ้งกับครอบครัวได้เลยว่า ไม่ต้องห่วงกังวล ตราบใดที่ท่านอยู่ในรั้วของ “ศูนย์ฝึกทหารใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง” และเราจะดูแลท่านอย่างดีที่สุด ผมขอยืนยันว่า ศูนย์ฝึกทหารใหม่ จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ เเละคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อสร้างทหารกองประจำการ ผลัดที่ 4/67 ที่มีคุณค่าต่อประเทศชาติ และกองทัพเรือ"

ทั้งนี้การฝึกฯ ของ ศฝท.ยศ.ทร. มีการเตรียมพร้อมทั้งครูฝึก สิ่งอำนวยความสะดวก และมาตรการด้านต่างๆ โดยอยู่ภายใต้กรอบความปลอดภัยสูงสุด เป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือที่กำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ "Navy-Safety 2025"

'รัฐมนตรี ทวี' เปิดหลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 16 ชู 'นวัตกรรมการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน'

(13 ก.พ.68) ที่วิทยาลัยการยุติธรรม สำนักงานกิจการยุติธรรม อาคารรัฐศาสนภักดี ชั้น 5 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ ถนนแจ้งวัฒนะ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 16,(ยธส.16) โดยมี พ.ต.ท.พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อํานวยการสํานักงานกิจการยุติธรรม พร้อมคณะผู้บริหารสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง บรรยายพิเศษในหัวข้อ นโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยระบุว่า ปัญหายาเสพติด การป้องกันเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้เราต้องเปลี่ยนบริบทการป้องกันปัญหายาเสพติดใหม่ ยาเสพติดไม่กลัวทหาร ยาเสพติดไม่กลัวตำรวจ ยาเสพติดกลัวแม่ ยาเสพติดกลัวครอบครัวที่อบอุ่น เราต้องให้การศึกษา ให้โอกาส และต้องช่วยกันไม่ให้ผู้ติดยาเสพติดกระทำผิดซ้ำ และที่สำคัญคือ พวกเราทุกคนต้องช่วยกันป้องกัน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กล่าวเพิ่มว่า  ภาวะผู้นำของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเราต้องพัฒนาและให้ความสำคัญกับคน บุคลากรในกระบวนการยุติธรรมต้องพึ่งกฎหมาย ต้องพึ่งกฎระเบียบ แต่คนที่ก่ออาชญากรรม ไม่ต้องพึงกฎระเบียบ เรื่องของกระบวนการยุติธรรม มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจัดให้มีการฝึกอบรม และถอดบทเรียน

ด้าน พ.ต.ท.พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อํานวยการสํานักงานกิจการยุติธรรม กล่าวว่า การพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมเป็นภารกิจหลักประการหนึ่ง ของสํานักงานกิจการยุติธรรม เนื่องจากตระหนักดีว่า บุคลากรเป็นผู้มีบทบาทสําคัญในการขับเคลื่อนงาน ด้านการอํานวยความเป็นธรรมให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรระดับสูง

ซึ่งถือเป็นผู้ที่มีส่วนในการกําหนดทิศทาง และขับเคลื่อนนโยบาย ของ หน่วยงานผลักดันและกำกับดูแล
ให้ผู้ใต้บังคับบัญชา สามารถนําไปปฏิบัติให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

ดังนั้น จึงมีความจําเป็นที่บุคลากรระดับสูงของกระบวนการยุติธรรม และผู้บริหารจากภาคเอกชนที่มีบทบาทสําคัญในสังคม จะต้องได้รับการเพิ่มพูนองค์ความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่ดี อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ และบริบททางสังคม ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะส่งเสริม ให้สามารถบริหารงานด้านการอํานวยความยุติธรรม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมระดับสูง จะประกอบด้วยข้าราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรม หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งนักบริหารภาคเอกชน รวมทั้งสิ้น 59 คน จาก 44 หน่วยงาน

ซึ่งการอบรมจะเน้นด้านการยกตัวอย่างกรณีศึกษา หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบริหารงานยุติธรรม การบูรณาการความร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างให้ มีวิสัยทัศน์การทํางานเชิงรุก ภายใต้ ความเป็นพลวัตของสังคม เศรษฐกิจการเมือง รวมถึงเทคโนโลยี ที่พัฒนาก้าวกระโดด ในปัจจุบัน และอนาคต สําหรับ ยธส. รุ่นที่ 16 นี้ จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 13 กุมภาพันธ์-12 มิถุนายน 2568 ฝึกอบรม วันพฤหัสบดี และวันศุกร์ รวมระยะเวลา 34 วันทําการภายใต้หัวข้อหลัก คือ “นวัตกรรมการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน” กําหนดวิธีการฝึกอบรมในลักษณะผสมผสานผ่านระบบออนไลน์ และฝึกอบรม ณ วิทยาลัยกิจการยุติธรรมแห่งนี้

'เชียงราย'ตม.จว.เชียงราย รับคนไทยพันโทษจากเมียนมาตรวจสอบพบหมายจับคดีสำคัญยาเสพติดและพยายามฆ่าของพื้นที่ภาคใต้ 4 ราย

(13 ก.พ.68) เวลาประมาณ 11.00 น. ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 อ.แม่สาย จว.เชียงราย โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.สราวุธ คนใหญ่ ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 สั่งการให้ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย , พ.ต.ท.หญิง ธาราทิพย์ จำรัส รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย , พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี้ยว รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย , พ.ต.ท.กฤษณ์ สมณาศักดิ์ สว.ตม.จว.เชียงราย, พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ ชูชื่น สว.ตม.จว.เชียงราย ร่วมกันรับตัวบุคคลสัญชาติไทย พ้นโทษตามคำพิพากษาศาลประเทศเมียนมา จากเจ้าหน้าที่ ตม.จว.ท่าขี้เหล็ก จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย
1. นายผกาเพชร (นามสมมุติ)อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา ต.ปรางหมู่ อ.เมืองพัทลุง จว.พัทลุง 
2. นายพินิจนัย (นามสมมุติอายุ 35 ปี ภูมิลำเนา ต.น้ำรึม อ.เมืองตาก จว.ตาก  
3. นายอรรถสิทธิ์ (นามสมมุติอายุ 31 ปี ภูมิลำเนา ต.กงรถ อ.ห้วยแถลง จว.นครราชสีมา     
4. นายคมสัน (นามสมมุติอายุ 22 ปี ภูมิลำเนา ต.ควนขนุน อ.ควนขนุน จว.พัทลุง

จากนั้น เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปราม และงานตรวจบุคคลและพาหนะ ตม.จว.เชียงราย ได้ร่วมกันนำตัวบุคคลสัญชาติไทยทั้ง 4 ราย เข้าสู่ขั้นตอนพิธีการคนเข้าเมือง ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 อ.แม่สาย จว.เชียงราย จากการตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ระบบสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(POLIS) ระบบสารสนเทศสถานีตำรวจ(CRIMES) และระบบศูนย์ข้อมูลอาชญากรรม(PDC) พบว่า เป็นบุคคล  มีหมายจับ จำนวน 3 ราย ดังนี้ 

1. นายผกาเพชร (นามสมมุติอายุ 30 ปี สัญชาติ ไทย  เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ในความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน    ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร และทำให้เสียทรัพย์” ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปรับตัว นายผกาเพชร ช่วยบำรุง ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดจังหวัดพัทลุง ให้ นายผกาเพชร ช่วยบำรุง ดูและรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับนี้จริง และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ควบคุมตัว เพื่อรอนำส่ง พงส.สภ.เมืองพัทลุง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2. นายพินิจนัย (นามสมมุติอายุ 35 ปี สัญชาติ ไทย  เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต” ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัด ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปรับตัว นายพินิจนัย คงเพชรนุ่น ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดจังหวัดพัทลุง ให้ นายพินิจนัย (นามสมมุติดูและรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับนี้จริง และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ควบคุมตัว เพื่อรอนำส่ง พงส.สภ.ควนขนุน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

3. นายอรรถสิทธิ์ (นามสมมุติอายุ 31 ปี สัญชาติ ไทย  เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง ในความผิดฐาน “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปรับตัว นายอรรถสิทธิ์ อุ้ยเกษมสุข ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดจังหวัดพัทลุง  ให้ นายอรรถสิทธิ์ อุ้ยเกษมสุข ดูและรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับนี้จริง และการรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ควบคุมตัว เพื่อรอนำส่ง พงส.สภ.เขาชัยสน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะนี้ทั้ง 3 คนอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อรอนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top