Monday, 23 June 2025
ค้นหา พบ 48981 ที่เกี่ยวข้อง

งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังไม่เป็นผล!! ประชาชนเริ่ม ส่ายหน้า เสื่อมศรัทธา รัฐบาล ไทยเดินหน้า ‘คาสิโน’ แต่ ‘เวียดนาม’ เตรียมเป็นผู้ผลิต ‘เซมิคอนดักเตอร์ชิป’ รายใหญ่

(2 ก.พ. 68) ผลการเลือกตั้ง นายก อบจ. 47 จังหวัด ประกาศครบถ้วนไปแล้ว พรรคการเมืองครอบครองพื้นที่ไหน คงมีหลายๆ สื่อนำเสนอไปแล้ว แต่คงพอให้เห็นความนิยมบางอย่าง ที่เปลี่ยนแปลงจากเวทีใหญ่

ภาพใหญ่จากความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่แจกเฟส 2 ก่อนสนามการเมืองระดับท้องถิ่น เหมือนจะสร้างความเชื่อมั่นไม่ได้มาก เพราะตั้งแต่แจกเงินเฟสแรก เศรษฐกิจไทย ก็ยังไม่กระเตื้องขึ้น แถมใช้เม็ดเงินงบประมาณเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากนับรวมเฟส 3 ที่จะแจกประชาชนทั่วไปอายุ 16-60 ปี ประมาณ 16 ล้านคน จะใช้งบประมาณราว 334,500 ล้านบาท มากกว่างบประมาณรวมจากหลายๆ โครงการ ที่อาจเป็นรูปธรรมมากกว่า 

บริษัทจากประเทศญี่ปุ่น เริ่มทยอยเพลี้ยงพล้ำ ถอนธุรกิจจากประเทศไทย ล่าสุด Z.Com ยุติให้บริการโบรกเกอร์ในไทย เริ่มปิดบัญชีลูกค้า 3 มีนาคม นี้  ทั้งค่ายรถยนต์ ที่เจอคู่แข่งรถไฟฟ้าสัญชาติจีน โรงงานผลิตชิ้นส่วนอีกหลายแห่ง ที่จำเป็นต้องซาโยนาระ (ลาก่อน) จากประเทศไทย

แถมมีข่าว 7-11 ญี่ปุ่น ทาบทาม 'เครือซีพี' ของไทย ร่วมลงทุนในดีลใหญ่ ซื้อหุ้นคืน 9 ล้านล้านเยน สู้ศึกเทกโอเวอร์จากกลุ่มแคนาดา ศักยภาพผู้นำเศรษฐกิจในไทยยังคงแข็งแกร่ง ส่วนผู้นำอุตสาหกรรมโลก เห็นภาพชัดว่าจีน แข็งแกร่งมากเพียงใด 

แต่รัฐบาลไทย กลับจะปั้นเศรษฐกิจประเทศด้วย “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘คาสิโน’ แทนที่จะเร่งต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน และส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ที่ตอนนี้ กลายเป็น ‘เวียดนาม’ เตรียมขึ้นแท่นก้าวเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชิปรายใหญ่ของโลก

กำลังซื้อยังไม่ฟื้น ถึงจะแจกเงินดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ประชาชนยังคงมีรายได้จำกัด ยังตกงานอีกเป็นจำนวนมาก เลือกตั้งการเมืองท้องถิ่น อาจเป็นภาพเล็กๆ ที่สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชน เริ่มมีความไม่เชื่อมั่นทีมการเมืองจากพรรคแกนนำรัฐบาล

ฝุ่นพิษ PM 2.5 กรุงเทพ ก็ยังไม่ลด ผู้นำที่เคยขายภาพฝัน ‘ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่า’ ยังแก้ไขอะไรไม่ได้ ปริมาณฝุ่นลดลง 2 วัน ฝ่ายรัฐบาลเคลมทันที ว่าเป็นเพราะนโยบายขึ้นรถไฟฟ้า-รถเมลล์ ฟรี โดยใช้งบประมาณ 140 ล้านบาท ทั้งที่เป็นเพราะมีลมมรสุมพัดเข้ามา แถมเตรียมของบประมาณเพิ่มเป็น 329 ล้านบาท ดันนโยบายต่อ!!  

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เร่งศึกษาตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 3 แสนล้านบาท ซื้อคืนทรัพย์สินเดินรถของเอกชน ผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สำหรับการลงทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์การเดินรถในส่วนที่เอกชนเป็นผู้ลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้

เม็ดเงินที่จะใช้เพื่อตรึงราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า ก็น่าจะใช้งบประมาณอุดหนุนใส่กองทุนค่อนข้างมาก เอกชนหรือประชาชน จะสนใจการลงทุนนี้ไหม เพราะหากมีเพียงโครงการรถไฟฟ้า ภาพขาดทุนแทบจะชัดเจน เพราะกว่าที่จะเพิ่มยอดผู้โดยสารได้ถึงจุดคุ้มทุน ก็น่าจะอีกหลายปี 

แต่ละนโยบาย แต่ละโครงการ ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก คงได้แต่หวังว่า งบประมาณที่จัดเก็บภาษีในแต่ละปีจะเพียงพอ หวังว่าประชาชนผู้เสียภาษีรายได้ส่วนบุคคล จะไม่ท้อไปซะก่อน 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติตีแผ่ 5 กลลวงมิจฉาชีพ หลอกทำงานชายแดน สุดท้ายตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์

(2 ก.พ. 68) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติบริเวณแนวชายแดนอย่างเป็นรูปธรรม โดยในห้วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่ามีพี่น้องประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางผ่านบริเวณแนวชายแดนเพื่อไปทำงานในองค์กรอาชญากรรม ซึ่งมีทั้งผู้ที่เดินทางไปโดยสมัครใจและผู้ที่ถูกหลอกลวง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอตีแผ่ 5 กลลวงมิจฉาชีพที่หลอกลวงพี่น้องประชาชนให้ไปทำงานในองค์กรอาชญากรรมบริเวณแนวชายแดน ดังนี้
1. เงินเดือนสูง ไม่ต้องมีประสบการณ์ - คนร้ายจะเสนอเงินเดือนที่สูงผิดปกติ เช่น 30,000-50,000 บาท สำหรับงานทั่วไป โดยไม่ต้องมีประสบการณ์หรือคุณวุฒิการศึกษา
2. ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า - อ้างว่าต้องจ่ายค่าดำเนินการ เช่น ค่าตั๋วเดินทาง ค่าวีซ่า หรือค่าประกันงานก่อน พร้อมใช้ข้ออ้างว่าจะได้เงินคืนเมื่อเริ่มงาน
3. รีวิวประสบการณ์ปลอม - ลงรับสมัครงานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยใช้บัญชีปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ พร้อมรีวิวประสบการณ์ทำงานปลอม อ้างว่ามาจากผู้ที่เคยทำงาน
4. ทำให้ดูเร่งด่วน - บอกว่าเป็นโอกาสพิเศษที่ต้องตัดสินใจทันที เช่น “รับสมัครด่วน จำนวนจำกัด” พร้อมกดดันเหยื่อให้รีบตัดสินใจโดยไม่มีเวลาคิด
5. หลอกว่าทำงานกาสิโนหรือสถานบันเทิง - อ้างว่าเป็นงานในกาสิโนหรือสถานบันเทิงที่ถูกกฎหมาย แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ทำงานในแก๊ง Call Center

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่หลอกลวงให้เดินทางไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะท่านอาจถูกบังคับให้กระทำความผิดและตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ และหากท่านพบเบาะแสการหลอกลวงให้เดินทางไปทำงาน หรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้ช่วย ผบ.ตร.และคณะ ให้กำลังใจตำรวจไทยโชว์ศักยภาพในการแข่งขัน UAE SWAT CHALLENGE 2025 ณ นครดูไบ

วันแรกทำคะแนนเยี่ยมเป็นลำดับที่ 4 พร้อมใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ 

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวม 9 นาย เดินทางเข้าร่วมชมการแข่งขัน UAE SWAT CHALLENGE 2025 ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อให้กำลังใจนักกีฬาตำรวจไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้ง 3 ทีม ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งการแข่งขัน UAE SWAT CHALLENGE 2025 เป็นเวทีสำคัญที่แสดงถึงความสามารถของตำรวจไทยในการปฏิบัติภารกิจยุทธวิธีในระดับสากล พร้อมทั้งเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านความมั่นคงกับหน่วยงานตำรวจนานาชาติ 

วานนี้ (1 กุมภาพันธ์ 2568) เป็นการแข่งขันในวันแรก โดยก่อนการแข่งขันคณะผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้กำลังใจนักกีฬา โดยทีมตำรวจไทย 2 ทีมที่แข่งขันในช่วงเช้า ได้แก่ ทีม C (ทีมตำรวจหญิง) ลงแข่งเป็นลำดับที่ 9 , ทีม A ลงแข่งเป็นลำดับที่ 13 และทีม B ลงแข่งขันในช่วงบ่าย จากนั้นคณะเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน UAE SWAT CHALLENGE 2025 โดยมีผู้บัญชาการตำรวจดูไบเป็นประธาน ผลการแข่งขันวันที่ 1 ตำรวจไทยทำผลงานน่าประทับใจ โดย Stage 1 : Assault Event (สถานการณ์โจมตี) จากทั้งหมด 105 ทีมที่เข้าร่วม ปรากฏว่าทีมตำรวจไทย ทีม B คว้าอันดับที่ 4 ทำเวลา 1.43.61 นาที , ทีม C (ตำรวจหญิง) คว้าอันดับที่ 32 ทำเวลา 2.19.15 นาที , ทีม A คว้าอันดับที่ 34 ทำเวลา 2.25.32 นาที 

นอกจากนี้ พล.ต.ท.สำราญฯ และคณะ ยังได้พบกับ พล.ท.อับดุลลาห์ คาลิฟา อัล มาร์รี (Lieutenant General Abdullah Khalifa Al Marri) ผู้บัญชาการตำรวจนครดูไบ พร้อมเยี่ยมชม สถานีตำรวจอัจฉริยะ (Smart Police Station) ในย่าน Al Seef ซึ่งเป็นสถานีตำรวจไร้เจ้าหน้าที่ ซึ่งเปิดให้ประชาชนแจ้งเหตุและดำเนินการต่าง ๆ ผ่านระบบตู้คีออส (kiosk) และในช่วงบ่าย คณะได้เดินทางไปให้กำลังใจทีม B ที่ลงแข่งขัน และพบกับ Mr. Andrew Kamarchevakul เจ้าหน้าที่ประสานงานจาก NYPD ประจำนครดูไบ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านความร่วมมือทางการบังคับใช้กฎหมาย ก่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำตามคำเชิญของ น.ส.นิภา นิรันดร์นุต กงสุลใหญ่ ณ นครดูไบ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการหารือประเด็นความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยเฉพาะการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าและค้ายาเสพติด รวมถึงการค้ามนุษย์ในลักษณะถูกหลอกมาค้าประเวณี โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ เพื่อยกระดับมาตรฐานความมั่นคงของประเทศให้ทัดเทียมระดับสากล

สมุทรปราการ-ครอบครัวพาณิชย์พิศาล ร่วมกับชมรมโฮปฯ จัดตั้งโรงทาน แจกข้าวสารช่วยเหลือผู้ยากไร้

(2 ก.พ. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าของวันนี้ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ครอบครัวพาณิชย์พิศาล โดย นายอัครนันท์ พร้อมด้วย นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล นายธนิตพงษ์ นางทิพย์ประภา วรัณวงศ์เจริญ และนางสาวปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา

เดินทางไปยังศาลเจ้าไต้ฮงกง ถนนท้ายบ้าน อ.เมือง สมุทรปราการ เพื่อกราบสักการะขอพรองค์หลวงปู่ไต้ฮงกงเพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ ทางครอบครัวพาณิชย์พิศาลยังได้มีการจัดตั้งโรงทาน ด้วยการนำไอศครีม และก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ ร้านเฮง เฮง 168 ข้างโรงพยาบาลเมืองสมุทร นำมาแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมากราบขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ รวมถึงประชาชนในระแวกใกล้เคียงได้กินฟรีอีกด้วย 

จากนั้น ในช่วงบ่ายนางสาวปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา นำคณะเจ้าหน้าที่โฮปฯ เดินทางไปยังวัดหัวลำภูทองสิบสองธันวาราม ถนนสุขุมวิท ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ เพื่อนำข้าวสารและน้ำดื่มไปมอบให้กับผู้สูงอายุ และประชาชนในชุมชนคลองหัวลำภู จำนวน 200 คน เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ยากไร้ในชุมชนแห่งนี้ โดยมีทางคณะกรรมการชุมชนร่วมให้การต้อนรับและร่วมกันแจกจ่ายข้าวสาร พร้อมด้วยน้ำดื่มให้แก่ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ภายในชุมชนแห่งนี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ปมกล่าวหาส่งกลุ่มต้านกลับไปถูกฆ่า ยันมีเสรีภาพนับถือศาสนา พร้อมย้ำชัด การรื้ออัลกุรอาน-ภาษาอาหรับ ไม่เป็นจริง

สถานทูตจีน สวนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โกหกใส่ร้ายจีนรื้ออัลกุรอาน-ฆ่ากลุ่มต้านลั่นพลเมืองมีเสรีภาพนับถือศาสนา กล่าวหารื้ออัลกุรอาน-ภาษาอาหรับ ไม่จริง

เมื่อวันที่ (1 ก.พ. 68) เพจ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน (Chinese embassy in Bangkok) ได้โพสต์ถึงกรณีกรรมการสิทธิมนุษยชนไทย ได้มีการพาดพิงถึงประเทศจีน มีเนื้อหาดังนี้

คำกล่าวของโฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย

ตามรายงานของสื่อไทยเมื่อวันที่ 29 มกราคม มีกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย ได้มีคำกล่าวอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาในซินเจียงของจีน และการส่งผู้ที่เข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมายกลับประเทศจีน สถานทูตจีนประจำประเทศไทยจึงต้องคัดค้านอย่างหนักและแสดงจุดยืนดังต่อไปนี้:

1. “ทางประเทศเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชน” “พลเมืองจีนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา” และ “ทางประเทศปกป้องกิจกรรมทางศาสนาตามปกติ” สิ่งเหล่านี้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญจีนและเป็นนโยบายของรัฐบาลจีนด้วย เสรีภาพในการนับถือศาสนาของชาวมุสลิมในซินเจียงของจีนได้รับการรับประกันอย่างสมบูรณ์ คำกล่าวที่ว่า “ปัจจุบันรัฐบาลจีนรื้ออัลกุรอานและภาษาอาหรับออกทั้งหมด” นั้นไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงอย่างเด็ดขาด

2. เมื่อ 10 กว่าปีก่อน มีพลเมืองจีนบางส่วนถูกยุยงและหลอกลวงโดยกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มกำลังต่อต้านจีนในต่างชาติ และลักลอบเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ที่ถูกส่งกลับประเทศจีนนั้นได้รับการจัดการตามกฎหมาย สิทธิตามกฎหมายของพวกเขา ได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างสมบูรณ์ และพวกเขาส่วนใหญ่ก็ได้กลับคืนสู่สังคม และดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข คำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของพวกเขา เชื่อว่าถูกฆ่าตายไปแล้วทั้งหมด” เป็นการกลับเท็จเป็นจริง ปั้นน้ำเป็นตัว และเป็นคำโกหกอันชั่วร้ายและน่าอับอาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top