Tuesday, 24 June 2025
ค้นหา พบ 48986 ที่เกี่ยวข้อง

สระบุรี-พระราชินี เสด็จฯแทนพระองค์ ไปทอดพระเนตรการแสดง 'ราชวัลลภเริงระบำ' (Hop To The Bodies Slams) และกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2567

(31 ม.ค.68) เวลา 08.16 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี 'ราชวัลลภเริงระบำ' (Hop To The Bodies Slams) และกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2567และพระราชทานรางวัลแก่หน่วยทหารที่ชนะการแข่งขัน ณ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี      

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายอดล ไตรรงค์ทอง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรี พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก และพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น พลเอก ทรงวิทย์  หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลเชิญเสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ และทรงตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารประมณฑ์ผลาสินธุ์ ทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดเยี่ยม 

ต่อมาเสด็จพระราชดำเนินไปยังพลับพลาที่ประทับ ณ ลานการแสดง การฝึกทางทหารประกอบดนตรีฯ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ณ ที่นั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นายทหารและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ แล้วเสด็จขึ้นพลับพลาพิธีพระราชทานพระราชวโรกาสให้ พันเอก จิรวัฒน์ จุฬากาญจน์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 153 ทำหน้าที่ผู้บังคับกองผสม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เสร็จแล้ว พลโท รัฐพล  ธูปประสม เจ้ากรมสารบรรณทหาร เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรการจัดแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรีฯ จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมา และวัตถุประสงค์ของการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี ฯ พร้อมทั้งกราบบังคมทูลเชิญทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรีฯ โดยกำลังพลจากหน่วยที่ได้รับการคัดเลือก และจัดการแสดงสาธิตการฝึกของกองทัพไทย จำนวน 3 กรม ประกอบด้วย 

1.กรมทหารราบที่ 253 กองพลทหารราบที่ 15 
2. กรมทหารราบที่ 9 กองพลทหารราบที่ 9
3. กรมทหารต่อสู้อากาศยาน หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน 

โดยมีการแสดงฝึกทางการทหารประกอบดนตรีทั้งหมด 3 บท ประกอบด้วย 
บทที่ 1 บุคคลถ้าอาวุธและการปฎิบัติหน้าที่ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ประจำวันตลอดจนหน้าที่ทหารมหาดเล็กฯ ในพระราชพิธี 
บทที่ 2 กายบริหารประกอบอาวุธและพัฒนาเสริมสร้างทักษะและความแข็งแกร่งของร่างกาย ตลอดจนความแข็งแรงว่องไวโดยปฏิบัติพร้อมกับอาวุธประจำกายเพื่อให้ 'คน'กับ 'อาวุธ' เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  
บทที่ 3 พัฒนาและประยุกต์จากบทที่ 2 คือถ้าการใช้อาวุธฉับพลันไม่ว่าจะเป็นการยิงจากท่าต่างๆและการใช้อาวุธประจำกายในการต่อสู้ทำลายข้าศึกในระยะประชิด ตลอดจนการป้องกันตัว เช่นการใช้ท่ายิงอาวุธยาว อาวุธสั้น ตลอดจน การแทงปืน หรือ ใช้ ปืนยาว เป็น กระบอง ในการสู้รบ เป็นต้น    

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกราบบังคมทูลผลการแข่งขัน และเบิกผู้บังคับหน่วยที่ชนะเลิศการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ ได้แก่ กองบิน 4 โดย นาวาอากาศโท รัฐพล  ตรีธนะ ผู้บังคับกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 4 และรองชนะเลิศ ได้แก่ กองบิน 46 โดย นาวาอากาศโท ปกรณ์ ตันติทวีวัฒน์ ผู้บังคับกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 46 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานรางวัลชนะเลิศ และรางวัลรองชนะเลิศ ตามลำดับ
       
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระราชดำรัส ความว่า         

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในการพระราชทานรางวัลการแข่งขันการฝึกทางทหาร ประกอบดนตรี "ราชวัลลภเริงระบำ" และการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ ประจำปีพุทธศักราช 2567 พร้อมทั้งชมการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี "ราชวัลลกเริงระบำ" ในวันนี้ จากการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสฝึกฝน และปฏิบัติการแสดงราชวัลลภเริงระบำด้วยตนเองมาแล้วนั้น ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจและซาบซึ้งเป็นอย่างดีว่า ทุกท่านต้องผ่านการฝึกด้วยความอดทนมุ่งมั่นมากเพียงใด ทั้งยังต้องมีระเบียบวินัยอย่างสูง ประกอบกับใช้สมาธิ และทักษะเป็นอย่างมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้น เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะทำให้แต่ละคนมีความเข้มแข็ง ทั้งทางร่างกายและจิตใจแล้ว ยังสามารถนำท่วงท่าที่ได้ฝึกฝนเรียนรู้ ไปใช้ในการปฏิบัติงานถวายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ข้อสำคัญ กิจกรรมนี้นับเป็นการเสริมสร้างความสามัคคี ในหมู่ผู้บังคับบัญชาและกำลังพลได้อย่างพร้อมเพรียงเหนียวแน่น อันจะส่งเสริมการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน ในการเป็นหน่วยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ เพื่อความสำเร็จอุถ่างของการกิจใต้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอให้ทุกท่านมีควานมีความภูมิใจ ที่ได้ผ่านการฝึกฝนจนบรรลุถึงความสำเร็จในวันนี้ และหวังว่าท่านจะนำประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึกฝนการแสดงราชวัลลกเริงระบำนี้ ไปถ่ายทอดสู่ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนนำไปประยุกต์ใช้ในภารกิจต่างๆ ของหน่วย เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชนสืบต่อไป ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอแสดงความชื่มชมยินดี  ด้วยอย่างยิ่งกับทุกท่าน และขอให้ประสบแต่ความสุขสวัสดีโดยทั่วกัน”

สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ จากนั้น ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร
       
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานคู่มือการฝึกและแบบฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” หรือ Hop To The Bodies Slams เมื่อ พ.ศ. 2559 ให้นำไปดำเนินการฝึกกำลังพลของกองทัพไทย เป็นกิจกรรมส่งเสริมความสามัคคี ความมีวินัย ความเข้มแข็งความพร้อมเพรียง ความคล่องตัว ความว่องไว ความอ่อนตัว และความสวยงาม อีกทั้งยังเป็นการแสดงถึงขีดความสามารถในการใช้อาวุธของกำลังพล เพื่อให้คนและอาวุธเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในแต่ละเหล่าทัพ โดยมีลักษณะการปฏิบัติท่าฝึกทางทหาร ประกอบเข้ากับจังหวะของดนตรี ซึ่งจะทำให้ผู้รับการฝึกรู้สึกผ่อนคลาย รวมทั้งเป็นการฝึกร่วมกันระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นศรัทธา ความสมัครสมานสามัคคีในหมู่ทหาร ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในฐานะผู้บังคับกองผสมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ได้ทรงนำการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทอดพระเนตร จึงทรงเข้าพระราชหฤทัย ถึงความตั้งใจมุ่งมั่น อดทน ต้องใช้สมาธิและทักษะ ความมีระเบียบวินัยในการฝึกฝนเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีจิตใจที่เข้มแข็งแล้ว ยังสามารถนำท่าทางที่ได้เรียนรู้ไปปฏิบัติหน้าที่ถวายงานได้เป็นอย่างดีต่อไปด้วย อีกทั้งยังนำประโยชน์ของการแสดง “ราชวัลลภเริงระบำ” ถ่ายทอดไปสู่ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ของแต่ละหน่วย เพื่อให้เกิดความมั่นคงแก่ประเทศชาติสืบไป

สมุทรปราการ-ผู้ว่าฯสมุทรปราการ มอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา เพื่อเป็นกำลังใจในการทำความดีเพื่อสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ อ.เมือง สมุทรปราการ นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติเป็นประธานในการมอบใบประกาศเกียรติคุณ และเกียรติบัตรแก่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเป็นการขอบคุณหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

โดย นางสาวปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา นำคณะเจ้าหน้าที่ชมรมโฮปฯ เข้ารับมอบใบประกาศเกียรติคุณจาก นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเป็นการขอบคุณ

ที่ทางชมรมโฮปฯ นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้การสนับสนุนการปฎิบัติงานในการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยกับหน่วยงานราชการ กรณีเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้บ่อขยะที่ผ่านมา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่และการทำความดีเพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไป

นอกจากนี้ นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ยังได้มอบเกียรติบัตรแก่หน่วยงานของรัฐที่มีผลการเบิกจ่ายและใช้จ่ายในระดับดีเด่นตามเกณฑ์ไตรมาส 1 ประจำปีงบประมาณ 

อีกทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ยังได้มอบเกียรติบัตร กิจกรรมของทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ 'วัฒนธรรมวินิต' ประจำปี 2568 อีกด้วย 

โดยทางด้าน นางสาวปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา กล่าวว่า ทางชมรมโฮปฯ รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจเป็นอย่างยิ่งและต้องขอขอบคุณที่ทางจังหวัดสมุทรปราการ โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

ที่ได้มอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่ชมรมโฮปฯ ที่ได้ลงพื้นที่สนับสนุนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการเข้าระงับเหตุการณ์ไฟไหม้บ่อขยะที่ผ่านมา ซึ่งทางชมรมโฮปฯ จะขอทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือสังคมรวมถึงช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากอย่างเต็มที่ต่อไป

'ห่วงใย ดูแลกัน' กิจกรรมเดินเท้าเข้าบ้านตรวจเยี่ยมคุณภาพชีวิตของกำลังพลและครอบครัว

พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง คุณอริสรา ยุวนางกูร ประธานชมรมภริยาหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชา ชมรมภริยาหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และหน่วยแพทย์ กองพันพยาบาลหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมจัดกิจกรรมเดินเท้าเข้าบ้าน ตรวจเยี่ยมคุณภาพชีวิตของกำลังพลและครอบครัว ประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อเยี่ยมสำรวจภาวะสุขภาพ สิ่งแวดล้อมสุขาภิบาล 

โดยมอบกระเป๋าที่บรรจุพืชผักสวนครัว สิ่งของจำเป็นเบื้องต้น ให้กับครอบครัวของกำลังพล และรับฟังปัญหาข้อขัดข้องตามบ้านต่าง ๆ ณ บริเวณบ้านพักอาศัยข้าราชการ หมู่ที่ 1 และ หมู่ที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับกำลังพล อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกำลังพลให้สอดคล้องกับความต้องการของกำลังพล

'มาซาโตชิ อิโตะ' ต้นตระกูลเจ้าของยักษ์สะดวกซื้อ หลังมีข่าวผนึก CP สกัดค้าปลีกแคนาดาเทคโอเวอร์

(31 ม.ค.68) หนึ่งข่าวแวดวงธุรกิจช่วงนี้ที่ถูกกล่าวถึงกันมากคือ รายงานข่าวของสื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นที่ว่า ตระกูลอิโตะ (Ito)ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท 7-ELEVEN ญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ เซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ (Seven & i Holdings)เจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-ELEVEN มีสาขาทั่วโลก ติดต่อกลุ่มธุรกิจเครือ CP เจริญโภคภัณฑ์ ของเจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์ ให้ช่วยเหลือเพื่อกันไม่ให้บริษัทร้านสะดวกซื้อแคนาดาชื่อดัง Alimentation Couche-Tard เข้าเทคโอเวอร์กิจการในราคา 47 พันล้านดอลลาร์ 

แม้ว่าปัจจุบันสมาชิกตระกูลอิโตะ จะไม่ได้ทำหน้าที่บริหารกลุ่มเซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ โดยตรงแล้วก็ตาม โดยให้นายริวอิจิ อิซากะ รับหน้าที่ประธานและซีอีโฮของกลุ่มเซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ แทน แต่ปัจจุบันตระกูลอิโตะยังคงมีบทบาทและถือหุ้นใน เซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ อยู่ไม่น้อย

ก่อนหน้านี้ในปี 2023 กลุ่มเซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ เพิ่งสูญเสียบุคคลสำคัญที่มีบทบาทอย่างมากต่อการเกิดขึ้นของแบรนด์ 7-ELEVEN ในญี่ปุ่น นั่นคือการเสียชีวิตของนาย มาซาโตชิ อิโตะ อดีตประธานและผู้ก่อตั้งกลุ่ม เซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ ที่เสียชีวิตด้วยโรคชราในวัย 98 ปี เมื่อ 14 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา

นายมาซาโตชิ อิโตะ นับว่าเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างแบรนด์ 7-ELEVEN ให้รู้จักไปทั่วญี่ปุ่นรวมถึงทั่วโลก ต้องเท้าความก่อนว่าเชนแฟรนไชนส์ร้านสะดวกซื้อ 7-ELEVEN นั้นแรกเริ่มเดิมทีมีต้นกำเนิดในเมืองเออร์วิง รัฐเท็กซัส ของสหรัฐ โดย โจ ซี. ทอมป์สัน (Joe C. Thompson) กระทั่งต่อมาขายหุ้นบริษัทให้กับกลุ่ม‘อิโตะ-โยคาโดะ’ (Ito-Yokado) ของตระกูลอิโตะ 

ย้อนกลับมาที่ประวัติของมาซาโตชิ อิโตะ ย้อนไปในปี 2499 นายอิโตะรับช่วงต่อธุรกิจร้านเสื้อผ้าขนาดเล็กต่อจากลุงและพี่ชายต่างมารดา ก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘อิโตะ-โยคาโดะ’ (Ito-Yokado) และเปลี่ยนธุรกิจไปเป็นเชนร้านสะดวกซื้อครบวงจร ที่ขายทุกอย่างตั้งแต่ของชำไปจนถึงเสื้อผ้า และได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 2515

ในเวลาเดียวกัน นายโทชิฟุมิ ซูซุกิ ผู้บริหารคนหนึ่งของ อิโตะ-โยคาโดะ ได้เป็นเจอร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น ขณะเดินทางเยือนสหรัฐฯ พวกเขาเล็งเห็นโอกาส ในเวลาต่อมา อิโต-โยคาโดะ จึงได้ทำข้อตกลงกับบริษัทสหรัฐฯ ‘เซาท์แลนด์ คอร์เปอเรชัน’ (Southland Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทแม่เจ้าของ เซเว่น อีเลฟเว่น ในสหรัฐ นำแบรนด์เข้ามาทำตลาดแดนอาทิตย์อุทัย และเปิดร้านสาขาแรกในญี่ปุ่นในปี 2517

หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม 2533 บริษัทของนายอิโตะก็เข้าซื้อหุ้น 70% ของบริษัท เซาท์แลนด์ คอร์เปอเรชัน หลังเซาท์แลนด์ฯ ประสบปัญหาหนี้ท่วมจนต้องยื่นล้มละลาย ทำให้นายอิโตะได้สิทธิ์ในการบริหารกิจการทั้งหมดของเซาท์แลนด์ฯ ก่อนจะขยายสาขาของ เซเว่น อีเลฟเว่น ไปในหลายประเทศทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ในปี 2535 นายอิโตะต้องลาออกจากตำแหน่งใน อิโตะ-โยคาโดะ เพื่อรักษาความสงบในการประชุมผู้ถือหุ้น หลังจากผู้บริหารของบริษัท 3 คนถูกกล่าวหาว่า จ่ายเงินผิดกฎหมายให้กลุ่มแก๊งยากูซ่า

จากนั้นในปี 2548 บริษัท เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ ก็ถูกก่อตั้งขึ้น และมีการปรับโครงสร้างการบริหาร ให้ อิโตะ-โยคาโดะ ไปเป็นบริษัทสาขาแทน แต่ทางบริษัทยังให้ความสำคัญกับนายอิโตะ โดยตัว ‘ไอ’ (i) ของชื่อ เซเว่น แอนด์ ไอ มีที่มาจากอักษรตัวแรกจากชื่อของนายอิโตะกับบริษัท อิโตะ-โยคาโดะ และนายอิโตะยังได้รับตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ด้วย

ปัจจุบัน เซเว่น อีเลฟเว่น เป็นร้านสะดวกซื้อครบวงจรที่มีสาขามากกว่า 83,000 แห่งใน 17 ประเทศทั่วโลก โดย 1 ใน 4 ของจำนวนนี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่น คู่แข่งหลักของเซเว่น อีเลฟเว่น ได้แก่ ลอว์สัน (Lawson) ที่มีเจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่นเช่นกัน และแฟมิลี มาร์ท (Family Mart) ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ แต่ทั้ง 2 เจ้าก็ยังมีจำนวนสาขาทั่วโลกไม่เยอะ หรือทั่วถึง เทียบเท่ากับอาณาจักรของเซเว่น อีเลฟเว่น 

กล่าวกันว่ามุมมองธุรกิจที่เฉียบแหลมของอิโตะ ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก ปีเตอร์ ดรักเกอร์ ที่ปรึกษาด้านการจัดการของเขา ผู้ซึ่งเคยยกย่องอิโตะว่า "เป็นผู้ประกอบการและผู้สร้างธุรกิจที่โดดเด่นคนหนึ่งของโลก"

ปี 2531 อิโตะเคยให้สัมภาษณ์กับ The Journal of Japanese Trade and Industry ว่าเมื่อครั้งที่เขาเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในปี 2503 เขาเกิดความรู้สึกตกใจว่า "ทำไมทุกคนที่นี่ถึงดูร่ำรวย ในขณะญี่ปุ่นเวลานั้นเศรษฐกิจย่ำแย่ และอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากสงครามโลกครั้งที่ 2"

เขาจึงเริ่มศึกษาจำนวนผู้บริโภคที่แท้จริงในสหรัฐ จนพบว่ามีขนาดใหญ่ และลองหาเทคนิคการจัดจำหน่ายที่เป็นไปได้เพื่อตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มใหญ่นี้

“แม้ผู้คนอยู่ในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่พวกเขายังคงมีความต้องการโดยพื้นฐานเหมือนกัน และระบบการจัดจำหน่ายของญี่ปุ่น จะเริ่มเหมือนของสหรัฐมากขึ้น เมื่อสังคมผู้บริโภคของญี่ปุ่นเติบโตขึ้น”

อิโตะ เป็นผู้ประกอบการที่สร้างธุรกิจในยุคหลังสงคราม เขาได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ปั้นแบรนด์ระดับโลกที่จำหน่ายสินค้าทุกอย่าง ตั้งแต่โยเกิร์ตไปจนถึงอาหารสำเร็จรูปและยารักษาโรค  ตลอดช่วงปี 2513 -2523 มีผู้สนใจเสนอซื้อกิจการและขยายกิจการหลายครั้งหลายครา

ในบทสัมภาษณ์ของอิโตะเมื่อ 2531 เขาเคยกล่าวว่า “ผมมักถูกถามว่า ประสบความสำเร็จได้ เพราะทำงานหนักหรือเพราะโชคดี คำตอบของผม คือ ทั้งสองอย่าง”

สำหรับบริษัท Seven & i Holdings ปัจจุบันมีบริษัทโฮลดิ้งของตระกูลอิโตะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ  Ito Kogyo KK มีสัดส่วนถือหุ้นประมาณ 8.14%

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ แจ้งเอาผิด ‘หนุ่ม กรรชัย-อี้ แทนคุณ’ หมิ่นประมาททำให้ชื่อเสียงเสียหาย

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ พร้อม ‘ทนายประมาณ’ เดินทางเข้าแจ้งความตำรวจ สน.ห้วยขวาง เอาผิดกับ ‘หนุ่ม กรรชัย-อี้ แทนคุณ’ หมิ่นประมาทนำชื่อเผยแพร่สาธารณะทำให้เสียหาย

(31 ม.ค. 68) ที่สน.ห้วยขวาง นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม รัฐภูมิ พร้อมด้วยนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช หรือทนายประมาณ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อแจ้งความเอาผิด 2 บุคคล ที่มีการนำชื่อ ฟิล์ม รัฐภูมิ เผยแพร่ต่อสาธารณชนทำให้เกิดความเสียหาย

โดยทนายประมาณ เปิดเผยว่า วันนี้พาฟิล์ม รัฐภูมิ มาแจ้งความเอาผิด 2 บุคคล ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีที่มีการนำเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาสร้างกระแสนำไปออกรายการข่าวช่องดัง หรือนำไปแถลงต่อสื่อให้คนเกลียดชัง โดยบุคคลแรกคือ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ จะแจ้งดำเนินคดี 8 กรรม ที่มีการกล่าวอ้างว่ามีหลักฐานซึ่งไม่เป็นความจริง ในหลายกรณี อาทิ กรณีคดีที่ จ.ตรัง ที่เป็นคดีเกี่ยวกับการลงทุนเทรดหุ้นดูไบ 60 ล้านบาท ที่มีการตัดสินคดีจบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาฟิล์ม รัฐภูมิ แต่อย่างใด แต่คู่กรณีกลับมากล่าวอ้างว่ามีหลักฐานต่าง ๆ ออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนไม่รู้กี่ครั้งกี่หน เพื่อหากระแสให้แก่ตัวเอง

ส่วนบุคคลที่สอง ที่จะดำเนินการเอาผิดคือ นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือ หนุ่มกรรชัย พิธีกรชื่อดัง ประมาณ 3-4 กรรม จาก 6 กรรม ที่มีการนำคลิปเสียงระหว่างน.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ บอสปัน ดิไอคอน กับ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ และมีการเชื่อมโยงมาถึงฟิล์ม รัฐภูมิ โดยอ้างว่า ฟิล์ม รัฐภูมิมีการตบทรัพย์เหล่าบอสดิไอคอน กรุ๊ป จำนวน 20 ล้านบาท เรื่องนี้ทำให้ฟิล์ม รัฐภูมิเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ตนถือว่า ”พวกคุณนั้นจัญไร ในการกล่าวหาอย่างรุนแรง“ ส่วนคนอื่นที่มีการกระทำในลักษณะเดียวกันก็เตรียมตัวโดนเป็นรายต่อไป แต่ในวันนี้จะมาแจ้งความเอาผิดเพียง 2 คนก่อน

ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นคดีอะไรก็แล้วแต่ ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ว่าฟิล์มรัฐภูมิ ไม่มีความเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และมั่นใจในพยานหลักฐานที่ฝั่งตนเองมี

ขณะที่ฟิล์ม รัฐภูมิ กล่าวว่า ตนไม่ได้อยากมาทำอะไรแบบนี้ เพราะตนชอบความสงบ แต่มองว่าขณะนี้มันเกินควรไปแล้ว เนื่องจากมีบางคนมาโจมตีด่าถึงบุพการี ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน รวมถึงบอกว่าไม่มีครูบาอาจารย์ เป็นคนไม่ดีของสังคม อีกทั้งยังมีการกล่าวหาว่าตนไปพรากผู้เยาว์ ทำให้แฟนคลับของตนเกลียดชังตนกว่าเดิม ตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยเป็นผู้มีอำนาจตัดสินความผิดตน ทำให้สังคมคล้อยตาม

ตนมองว่าจะให้สังคมดำเนินไปแบบนี้ไม่ได้ เราอยากอยู่ในสังคมที่น่าอยู่ ในสังคมที่ทุกคนเคารพกฎหมายเดียวกัน ตนเคารพกฎหมายเป็นที่ตั้ง และเชื่อมั่นว่ากฎหมายบ้านเราศักดิ์สิทธิ์ที่สุด แต่มันมีการสร้างวาทกรรมแปลก ๆ ว่าตนไม่เคารพกฎหมายเพื่อเป็นการดิสเครดิตตน

ในส่วนของอี้แทนคุณ ตนมองว่าการที่มาขอโทษลับหลังสื่อนั้นไม่แมน เพราะมีการหาแสงทำลายชื่อเสียงตนต่อหน้าสื่อ แล้วค่อยส่งคนมาขอโทษส่วนตัว ที่ผ่านมาทางอี้แทนคุณมีการส่งคนมาพูดคุยเจรจาขอโทษหลายครั้งแล้ว โดยทุกครั้งที่มีการส่งคนมาขอโทษ ตนก็ได้เก็บหลักฐานไว้ทุกอย่าง แต่ตนยืนยันว่าจะไม่เจรจาใด ๆ ทั้งสิ้น

นอกจากนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สถานะระหว่างฟิล์ม รัฐภูมิกับหนุ่มกรรชัย ยังสามารถกลับมาเป็นพี่น้องกันได้หรือไม่นั้น ฟิล์ม รัฐภูมิไม่ได้ตอบคำแถม เพียงแค่ส่ายหน้า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top