Wednesday, 25 June 2025
ค้นหา พบ 49002 ที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้แทนกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน หารือกระชับความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมร่วมเดินหน้ากวาดล้างขบวนการทั้งในเมียนมา กัมพูชา และลาว 

เมื่อวานนี้ (28 ม.ค.68) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ ผบช.ส. , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สทส.รรท.รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวสิน รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ตรุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. , พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.ตท. , พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รอง ผบก.อก.บช.ส.รรท.ผบก.ปคม. ร่วมหารือกับผู้แทนกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นำโดย นายหลิว จงอี้ (Mr.Liu Zhongyi) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน/ผู้บัญชาการสำนักงานสอบสวนอาชญากรรม และคณะ ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ในการหารือวันนี้เพื่อยกระดับความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ในการปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ทั้งการป้องกัน , การปราบปรามจับกุม , การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ,การติดตามจับกุม 30 ผู้ต้องหาที่ทางการจีนออกหมายจับคดีหลอกลวงนายหวังซิง นักแสดงชาวจีน ซึ่งทางการจีนจับกุมได้แล้ว 20 คน , การช่วยเหลือบุคคลสูญหายหรือถูกกักไว้โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียวดี , การตัดระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น น้ำ ไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ต จากไทยไปยังฝั่งเมียวดี และการเสริมสร้างกลไกความร่วมมือ การบังคับใช้กฎหมาย ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ทางการจีนได้มีข้อเสนอในการจัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างไทย-จีน ในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอทางการจีนว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยได้ประสานความร่วมมือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย และประสานความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในการร่วมมือกันป้องกันปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างประเทศ ซึ่งวานนี้ (27 มกราคม 2568) ทางสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้เชิญตนเป็นผู้นำหน่วยปฏิบัติเฉพาะกิจด้านการหลอกลวงทางไซเบอร์และการค้ามนุษย์แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Lead the Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce) ซึ่งจะมีการประสานการทำงานร่วมกันในระดับสากล โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความยินดีหากทางการจีนเข้าร่วมกับศูนย์ประสานดังกล่าว เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่เพียงจะปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา เท่านั้น แต่จะร่วมมือกันในการขยายผลปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งประเทศกัมพูชา และบริเวณสามเหลี่ยมทองคำในพื้นที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อีกด้วย

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และตัดระบบสาธารณูปโภค เช่น ซิม สาย เสา น้ำ และไฟฟ้า มาโดยตลอด ตามยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” และประสานความร่วมมือกับกองทัพบกและฝ่ายปกครองในการลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน ป้องกันการลักลอบให้บริการดังกล่าวจากฝั่งไทย และที่ผ่านมายืนยันว่ายังไม่พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการกระทำความผิดในประเทศไทย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการประสานข้อมูลจากทางการจีนในเรื่องของคนร้ายที่กระทำผิด เพื่อกรณีมีคนร้ายเข้ามาในประเทศไทย แม้ไม่มีหมายจับ แต่ทางการไทยจะใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ในการเพิกถอนวีซ่า และประสานส่งตัวกลับประเทศต้นทางได้ทันที

ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ทางการจีนขอขอบคุณและชื่นชมสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย และทางการไทย ที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจังและจริงใจ ซึ่งทางการจีนยินดีให้ความร่วมมือกับไทยในทุกด้าน เพื่อการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป

สหประชาชาติยกระดับต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ให้ 'พล.ต.อ.ธัชชัยฯ' เป็นหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ

สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) เป็นองค์กรที่กำกับดำเนินการตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร (United Nations Convention against Transnational Crime : UNTOC) ซึ่งรวมถึงการต่อต้านการค้ามนุษย์และลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน โดยให้การสนับสนุนรัฐบาลของประเทศสมาชิก จำนวน 193 ประเทศ จาก 195 ประเทศทั่วโลก ทั้งในทางด้านการให้คำปรึกษา การเสริมสร้างศักยภาพ รวมถึงความร่วมมือในการประสานงานระหว่างประเทศเพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถที่จะต่อสู้กับปัญหาการค้ามนุษย์และการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน

ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญกับปัญหาการค้ามนุษย์เพื่อการบังคับให้กระทำความผิดทางอาญา ที่มีความเชื่อมโยงกับการหลอกลวงทางออนไลน์และการฉ้อโกงทางการเงินเพิ่มขึ้นอย่างมาก การค้ามนุษย์รูปแบบนี้ส่งผลกระทบต่อผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก รวมไปถึงผู้เสียหายจากการฉ้อโกงในทวีปแอฟริกา เอเชียกลาง อเมริกา และยุโรป ผู้คนจำนวนมากถูกล่อลวงให้ไปทำงานในศูนย์คอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา ลาว หรือกัมพูชา ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษใกล้กับคาสิโนหรืออาคารที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูง 

UNODC ตระหนักถึงความรุนแรงและความเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงมีนโยบายยกระดับการต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในภูมิภาคเอเชีย โดยการจัดตั้ง หน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ (Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce และได้เชิญ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศพคม.ตร.) ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจนี้ ซึ่งเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 ได้มีการจัดการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับทิศทางในการดำเนินงานของหน่วยเฉพาะกิจนี้

ดร.มาซุด คาริมิปูร์ (Masood Karimipour) ผู้แทนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกของ UNODC กล่าวว่า ทาง UNODC ซึ่งเป็นองค์กรรัฐบาลระหว่างประเทศ มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่า พล.ต.อ.ธัชชัยฯ จะนำความเชี่ยวชาญและความเป็นผู้นำ มาบัญชาการและกำหนดทิศทางการปฏิบัติงานของหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ให้สามารถแก้ไขปัญหาอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในภูมิภาคนี้ได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ โดยการร่วมกันจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจนี้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง

ดร.รีเบ็คก้า มิลเลอร์ (Rebecca Miller) ผู้ประสานงานภูมิภาคของ UNODC ด้านการค้ามนุษย์และการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน กล่าวว่า UNODC มีความยินดีและความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนหน่วยเฉพาะกิจและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพัฒนากลไกการประสานงานระหว่างประเทศ การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีความสามารถในการรับมือกับรูปแบบของอาชญากรรมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และการร่วมกันสร้างความตระหนักให้กับสังคมเกี่ยวกับอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร. กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญจาก UNODC ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลก ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจนี้ เชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนหน่วยเฉพาะกิจนี้จะนำไปสู่สังคมโลกและภูมิภาคเอเชียที่ปลอดภัยจากอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ โดยจะดำเนินการผ่าน 3 เสาหลัก ได้แก่ 1.การช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ 2.การคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และ 3.การสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ หน่วยเฉพาะกิจนี้จะเป็นการประกอบกำลังของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย โดยจะนำศักยภาพและทรัพยากรของแต่ละหน่วยงานมาบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์จากต้นเหตุ นอกจากนี้ จะมีการใช้กลไกของ UNODC ในการเชื่อมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ให้เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและเปิดปฏิบัติการระหว่างประเทศทลายเครือข่ายอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการสืบสวน รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้และเครือข่ายเพื่อยกระดับขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าว เป้าหมายสูงสุดของหน่วยเฉพาะกิจนี้ คือการขจัดองค์กรอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นภายในปีนี้ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาคมโลกและประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลดีโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของไทย รวมถึงยกระดับการจัดอันดับของประเทศไทยในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ประจำปี พ.ศ. 2568

ศาลเลสเตอร์ ตัดสินปมเฮลิคอปเตอร์ ‘เจ้าสัววิชัย’ ตก ชี้ ตลับลูกปืนที่ใบพัดแตก บริษัทรู้เรื่องแต่ไม่แก้ไข

(29 ม.ค. 68) ศาลเมืองเลสเตอร์มีคำตัดสินกรณีไต่สวนสาธารณะอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่สนามคิงเพาเวอร์ ปรากฎว่ามีสาเหตุมาจากตลับลูกปืนที่ใบพัดหางของเครื่องเฮลิคอปเตอร์แตก โดยทางบริษัทผู้รับผิดชอบนั้นรู้เรื่องทุกอย่าง แต่ไม่ยอมแก้ไขก่อนขึ้นบิน

เมื่อเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหราชอาณาจักร วันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ศาลเมืองเลสเตอร์มีคำตัดสินกรณีไต่สวนสาธารณะอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่สนามคิงเพาเวอร์ โดยคณะลูกขุนมีคำตัดสินกรณีโศกนาฏกรรมเฮลิคอปเตอร์ เลโอนาร์โอ AW169 ตกที่สนามคิงเพาเวอร์เมื่อ 6 ปีที่แล้ว เป็นเหตุให้วิชัย ศรีวัฒนประภา, เอริก สวอฟเฟอร์, อิสซาเบลลา เลโควิช, นุสรา สุขหน้าไม้ และกวีพร พรรณแพร เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดและไม่ควรจะเกิดขึ้น

พยานหลักฐานที่นำเสนอระหว่างการไต่สวนบ่งชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดในกระบวนการทางวิศวกรรมขั้นพื้นฐานของบริษัท เลโอนาร์โด โดยมีสาเหตุมาจากตลับลูกปืนที่ใบพัดหางของเครื่องเฮลิคอปเตอร์แตก ซึ่งนำไปสู่การล้มเหลวของระบบใบพัดหาง ส่งผลให้เฮลิคอปเตอร์เสียการควบคุมและเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้

ความบกพร่องดังกล่าวมีมาตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบเครื่องเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้แล้ว และไม่เคยได้รับการปรับปรุงแก้ไขแต่อย่างใด

หลังการไต่สวนซึ่งใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์ คณะลูกขุนรับฟังว่าเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ประสบอุบัติเหตุทั้ง ๆ ที่เป็นเครื่องใหม่ และได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกต้อง ได้รับรองมาตรฐาน และไม่พบความผิดพลาดใด ๆ ของนักบินระหว่างทำการบิน

กัปตันเอริก เป็นนักบินที่มีความสามารถ มีประสบการณ์สูง และได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อควบคุมเครื่องเฮลิคอปเตอร์หลังจากใบพัดหางทำงานล้มเหลว เพียงไม่นานหลังนำเครื่องขึ้นบินจากสนามคิงเพาเวอร์

หลักฐานจากการไต่สวนบ่งชี้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงอุบัติเหตุที่รอวันเกิดขึ้นเท่านั้น และด้วยการออกแบบเครื่องเฮลิคอปเตอร์ในลักษณะนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะนำไปสู่อุบัติเหตุครั้งใหญ่ในที่สุดอย่างแน่นอน

เลโอนาร์โดเองก็ทราบถึงความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่จากการออกแบบเครื่องเฮลิคอปเตอร์ และตระหนักว่าการออกแบบดังกล่าวมีปัญหาที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลวได้

การแก้ไขการออกแบบเครื่องเฮลิคอปเตอร์อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเคยดำเนินการกับเฮลิคอปเตอร์รุ่นก่อนหน้าของเลโอนาร์โด สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เครื่องหมุนคว้างในอากาศในกรณีที่ลูกปืนเกิดความเสียหายได้ แต่ด้วยเหตุผลที่ไม่อาจอธิบายได้ เลโอนาร์โดกลับตัดสินใจไม่แก้ไขข้อบกพร่องกับเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้

ระหว่างขั้นตอนการออกแบบเครื่องเฮลิคอปเตอร์ เลโอนาร์โดมีโอกาสมากมายที่จะระบุ และแก้ไขความเสี่ยงเหล่านี้ได้ แต่ทั้งหมดกลับถูกละเลยไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ทีมวิศวกรของเลโอนาร์โดประเมินและวิเคราะห์เบื้องต้นว่า หากเกิดกรณีลูกปืนแตก เพลาเหล็กควบคุมใบพัดหางจะฉีกขาด แต่ไม่หลุดออกมา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เพลาดังกล่าวได้หลุดออกมาจากน๊อตที่ยึดอยู่

ด้วยเหตุผลบางประการ เลโอนาร์โดไม่ได้ส่งผลการทดสอบการบินให้แก่ผู้ผลิตชื้นส่วนเครื่องเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งผลการทดสอบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามีแรงบีบอัดมหาศาลที่มีผลต่อระบบใบพัดหางมากกว่าการคำนวณตามแบบจำลองทางทฤษฎีของเลโอนาร์โด

ข้อสันนิษฐานทางสถิติของเลโอนาร์โดก็มีความคลาดเคลื่อนมากเช่นเดียวกัน ตลับลูกปืนซึ่งมีอายุการใช้งาน 2,400 ชั่วโมง กลับล้มเหลวหลังจากการใช้งานเพียง 330 ชั่วโมง

การตรวจสอบเพิ่มเติมจากสำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศของประเทศอังกฤษ (AAIB) พบว่ามีตลับลูกปืนอีกสามชิ้นอยู่ในสภาพที่คล้ายกัน ซึ่งกำลังจะเสียหาย และหมดอายุการใช้งานซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดมาก

ท้ายที่สุด เหตุการณ์อันน่าเศร้าครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงข้อบกพร่องที่ร้ายแรงในกระบวนการออกแบบ การทดสอบ และการประเมินความเสี่ยงของบริษัทเลโอนาร์โด ผู้ผลิตจากประเทศอิตาลี ครอบครัวของวิชัยยังคงแสวงหาความยุติธรรมและความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้อยู่

ครอบครัวของวิชัย ศรีวัฒนประภา ที่ได้รับความทุกข์ทรมาน และเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในครั้งนี้และทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายของวิชัย กล่าวว่า

“พ่อของผมมีความเชื่อมั่นในเครื่องเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ โดยถือเป็นความรับผิดชอบของเลโอนาร์โดที่จะต้องทำให้มั่นใจว่าเครื่องเฮลิคอปเตอร์ลำนี้มีความปลอดภัย แต่ในความเป็นจริง มันกลับไม่ปลอดภัย และกลายเป็นดั่งกับดักแห่งโศกนาฏกรรมอย่างแท้จริง”

“ครอบครัวของเราขอขอบคุณศาสตราจารย์ เมสัน ที่ได้ทำการไต่สวนครั้งนี้ ซึ่งทำให้ผู้คนกลับมาสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2561 อีกครั้ง”

“ท่านเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัว เป็นสามีที่เปี่ยมด้วยความใส่ใจและความทุ่มเท เป็นทั้งพ่อ และเป็นปู่ ที่เรารักยิ่ง เรายังรู้สึกถึงความสูญเสียอยู่ทุกวัน”

“ท่านเป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์และความเชื่อมั่น และเป็นแบบอย่างของความสำเร็จที่เกิดจากความมุ่งมั่นและการลงมือทำด้วยตัวเองอย่างแท้จริง ซึ่งคำพูดใด ๆ ก็มิอาจถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของท่านได้อย่างสมบูรณ์”

เราขอขอบคุณเมืองเลสเตอร์ สำหรับการสนับสนุนอันอบอุ่นและล้นหลาม เราจะคิดถึงท่านเสมอ และการจากไปของท่านจะคงอยู่ในหัวใจของเราตลอดไป” อัยยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

'บิ๊กอ้วน' ต้อนรับ รมว.กห.มาเลเซีย เยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-มาเลเซีย

นายภูมิธรรม  เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้การต้อนรับ Dato' Seri Haji Mohamed Khaled bin Nordin (ดาโต๊ะ ซรี ฮาจิ โมฮาเม็ด คาเล็ด บิน นอร์ดิน) รมว.กห.มาเลเซีย พร้อมนำตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย - มาเลเซีย

โดย รอง นรม. และ รมว.กห. ได้ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมาเลเซีย ในโอกาสครบรอบ ๖๘ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต โดยมีพัฒนาความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณทางมาเลเซีย ที่ได้ให้การต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ในการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ เมื่อ๑๖ ธันวาคม ๖๗ ณ เมืองปูตราจายา ซึ่งผลของการหารือจากการเดินทางในครั้งนั้น กำลังถูกผลักดันอย่างจริงจัง โดยหน่วยงานรัฐทุกภาคส่วน เพื่อให้ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศมีความแน่นแฟ้นและไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อีกหนึ่งผลลัพท์จากการเยือนของนายกรัฐมนตรีในครั้งนั้น คือการที่มาเลเซียที่พร้อมจะดำรงการสนับสนุนความร่วมมือในการเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีเป้าหมายหลักร่วมกันคือเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยขอแสดงความชื่นชมอย่างจริงใจที่ ฝ่ายมาเลเซียแสดงออกถึงจุดยืนที่ชัดเจนในทุกโอกาสว่าไม่ประสงค์จะยกระดับปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เป็นประเด็นระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ผลการเยือนดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหมได้นำมากำหนดเป็นหัวข้อสำคัญในการประชุม GBC ในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมต่อไป โดยเฉพาะการเสริมสร้างความร่วมมือที่สามารถแก้ไขปัญหาสถานการณ์ด้านอุทกภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงและขยายตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทั้งสองประเทศได้

‘จอนนี่มือปราบ’ ประกาศทั้งน้ำตา นับถอยหลังโบกมือลาอาชีพตำรวจ

แห่เสียดาย 'จอนนี่มือปราบ' ประกาศทั้งน้ำตา ตัดสินใจลาออกจากอาชีพตำรวจ พร้อมเหตุผลในใจ ลั่นยังรักอาชีพนี้เสมอ

(29 ม.ค.68) ทำเอาหลายคนเสียดาย เมื่อ 'ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์' หรือ 'จอนนี่ มือปราบ' นายตำรวจชื่อดัง ได้ออกมาประกาศผ่านเพจ จอนนี่ มือปราบ หลังตัดสินใจลาออกจากข้าราชการตำรวจ โดย จอนนี่ ระบุว่า...

ผมตัดสินใจทุกอย่างดีแล้ว ถึงแม้ลูกจะยังไม่โอเคด้วยก็ตาม 1 กุมภา 2569 อีก 1 ปี ผมขอลาออกจากอาชีพรับราชการตำรวจ ด้วยเหตุผลในใจที่มีมากมาย จะทิ้งชื่อเสียงตนเองไว้ ว่าครั้งหนึ่ง เคยเป็นอดีตตำรวจที่มีผลงานรวมทั้งประชาชนรักและศรัทธา

โดยจอนนี่ ยังได้เผยอีกว่า..." ทุกครั้งที่คิดเรื่องนี้ ผมน้ำตาไหลตลอดเลย ผมยังรักอาชีพตำรวจของผม และลูกผม เขาก็ภูมิใจในตัวผม ในเมื่ออุดมการณ์ของผม มันขัดกับระบบ ผมจึงจำเป็นต้องยุติลง อีก 1 ปี ครบราชการบำนาญ ผมจึงต้องขออำลาแต่ก็เสียดาย ประสบการณ์ความรู้ความสามารถของนักสืบ ที่ตนเองมี"

ทั้งนี้ ภายหลังจากจอห์นนี่ ได้ประกาศออกไป ปรากฏมีชาวเน็ตจำนวนมาก ออกมาโพสต์คอมเมนต์ ขอบคุณที่ได้ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ และรู้สึกเสียดาย ที่กำลังจะต้องเสียตำรวจน้ำดีไปอีกคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top