Friday, 27 June 2025
ค้นหา พบ 49042 ที่เกี่ยวข้อง

'มาริษ' ชี้นานาชาติชื่นชมไทย ย้ำคนไทยต่างแดนจดทะเบียนได้ที่สถานทูต

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ (23 มกราคม) ว่า กระทรวงการต่างประเทศรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในวันนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนในประเทศไทยสามารถสร้างครอบครัวและออกแบบชีวิตได้อย่างเท่าเทียมกัน

นายมาริษกล่าวต่อไปว่า การมีผลบังคับใช้ของกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับจากมิตรประเทศในโลกตะวันตก โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ในเอเชียที่ผ่านกฎหมายนี้ ซึ่งช่วยเสริมสร้างบทบาทสำคัญของไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบสหประชาชาติ และแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการสร้างสังคมที่เปิดกว้างและเคารพสิทธิความเท่าเทียมของทุกคน

กระทรวงการต่างประเทศยังยินดีเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมให้แก่คนไทยในต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลกพร้อมให้บริการการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในประเทศที่กฎหมายท้องถิ่นยอมรับ

‘สุชาติ’ เร่งเครื่องส่งออก SMEs สู่ 40% ของ GDP หนุนใช้แพลตฟอร์ม “ITD Expert Anywhere” ยกระดับการแข่งขันในตลาดโลก

(23 ม.ค. 68) รมช.สุชาติ เปิดตัว  “ITD Expert Anywhere Version 2” แฟลตฟอร์มคลินิกเสมือนจริงสำหรับ SMEs จัดทัพผู้เชี่ยวชาญระดับ GURU ตอบโจทย์ 5 ปัญหาหลัก เพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งทุน-ตลาด ตั้งเป้าดึงผู้ใช้ใหม่ 500 รายในปี 2568 พร้อมยกระดับธุรกิจไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “เติบใหญ่ ไปไกลกว่าเดิม” 

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 ณ โรงแรมกราฟ โฮลเทล กรุงเทพฯ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “วันนี้ผมได้มาเป็นประธานเปิดตัวแพลตฟอร์ม ITD Expert Anywhere ซึ่ง จัดทำขึ้นโดย สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD เพื่อเป็นคลินิกเสมือนจริงที่ให้คำปรึกษาผู้ประกอบการ SMEs ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทย โดยเฉพาะการปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจและการตลาด พร้อมยกระดับความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกอย่างยั่งยืน“

นายสุชาติ ได้กล่าวว่า รัฐบาลโดย ท่าน นายกรัฐมนตรี นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร มีนโยบาย “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ SMEs และเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยในเวทีการค้าระหว่างประเทศ" โดย แพลตฟอร์ม "ITD Expert Anywhere จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้สามารถบรรลุเป้าหมายด้านการค้าของ SMEs เราจะรวบรวมปัญหาที่ SMEs  และกระจายเครื่องมือนี้ผ่านไปยังสมาคม SMEs ต่างๆ เพื่อให้ได้รับประโยชย์สูงสุด  และจะรวบรวมปัญหาที่ประระสบแล้วนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยสัดส่วนมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 40% ต่อ GDP และมูลค่าส่งออกของ SMEs อยู่ที่ 20% ต่อมูลค่าส่งออกรวม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว"

ด้านนายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการ ITD เปิดเผยว่า ”แพลตฟอร์ม ITD Expert Anywhere Version 2 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นแหล่งความรู้และคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่มีความรู้ลึกในหลายๆ ด้าน โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ และเวลา โดยมุ่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในทุกมิติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายเพิ่มสัดส่วน  GDP ในกลุ่ม  SMEs จาก 35.2 % เป็น 40 % ตามนโยบายของรัฐบาล จากการทดสอบการใช้แพลตฟอร์ม  ITD  Expert Anywhere Version 2  ประสบความสำเร็จอย่างสูง ผู้ประกอบการ SMEs จากทุกพื้นที่ในประเทศเข้ามาใช้บริการ 3,000 - 4,000 ครั้ง  โดยในปี 2568  เราตั้งเป้าหมายจะมีผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ ซึ่งไม่เคยใช้บริการกับ ITD  มาก่อน  เข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์ม  ITD  Expert Anywhere Version 2  อย่างน้อย 500 ราย” 

นายภานุมาส เทพทอง รองผู้อำนวยการ ITD เปิดเผยว่า จากการสรุปปัญหาของผู้ประกอบการ SMEs ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ITD ได้จัดกลุ่มการให้คำปรึกษาผู้ประกอบการ SMEs ใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การขอใบอนุญาตต่างๆและการขอสนับสนุนเงินทุนจากภาครัฐ 2) ปัญหาในการดำเนินการธุรกิจ เช่น การบริหารการเงิน การขาย-การตลาด และการบริหารงานบุคคล 3) ปัญหาด้านเทคโนโลยี - ดิจิทัล เช่นการใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยทางไซเบอร์ 4) ปัญหาด้านบัญชี การเงิน ภาษี และการลงทุน 5) ปัญหาด้านการค้าระหว่างประเทศ และการส่งออก เช่น ข้อมูลความต้องการของลูกค้าในตลาดเป้าหมาย ข้อมูลด้านโลจิสติกส์ และการขนส่งสินค้า เป็นต้น

“อย่างการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การจัดการด้านการเงิน  ซึ่งเป็นปัญหาหลักของผู้ประกอบการ SMEs ในปี 2567 ที่ผ่านมา ITD มีที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำแนะนำการเตรียมความพร้อม หรือจุดที่ต้องแก้ไข ก่อนไปยื่นเงินกู้กับสถาบันการเงิน หรือแนะนำแหล่งเงินทุนใหม่ๆ  ที่ไม่ต้องพึ่งพาธนาคาร  อย่างวิธีการระดมทุนจากนักลงทุนทั่วไปที่เห็นศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ  ซึ่งวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาแหล่งเงินทุนให้กับ SMEs  รายเล็กๆ ที่ไม่มีหลักประกันเพียงพอตามเงื่อนไขธนาคาร ให้ผู้ประกอบการสามารถขยายธุรกิจได้ตามเป้าหมาย” นายภานุมาสกล่าว

นายภานุมาส กล่าวเพิ่มติมว่า ITD Expert Anywhere Version 2 ยังสามารถให้คำปรึกษาผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีคุณภาพสูงทั้งภาพและเสียง ทั้งแบบ 1 ต่อ 1 และในรูปแบบกลุ่ม โดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชนที่ต้องการคำปรึกษาเพื่อพัฒนาสินค้าส่งออก สามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้พร้อมกันตั้งแต่ 10-30 คน / ต่อครั้ง นอกจากนี้ ITD คัดสรรผู้เชี่ยวชาญ (SMEs GURU) จากต่างประเทศ เช่น ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตร ประจำประเทศต่างๆ หรือนักธุรกิจไทยที่ทำธุรกิจในต่างประเทศ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาที่มีความรู้ลึกจากหลากหลายสาขา เพื่อช่วยให้คำปรึกษาที่เหมาะสมกับปัญหาของผู้ประกอบการ SMEs ผ่านแพลตฟอร์ม ITD  Expert Anywhere

“เราต้องการให้ SMEs ทุกคน เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ นึกถึงแพลตฟอร์ม ITD Expert Anywhere ที่จะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ด้าน ในแพลตฟอร์ม โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่ และเวลา” นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย

สวนนงนุชพัทยาคว้ารางวัลพระราชทานชนะเลิศยอดเยี่ยม การประกวดสับปะรดสี งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ พฤษภาตะวันออก ครั้งที่17

สวนนงนุชพัทยาโดยคุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา มีนโยบายในการเก็บรวมและทำการพัฒนาสายพันธุ์ต้นไม้จากทั่วทุกมุมโลกมากกว่า 18,000 ชนิด และในการจัดงานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับภาคตะวันออก 'พฤกษาตะวันออก' ในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 17 ในชื่องานว่า 'Phruksa Flower Shop' ทางสวนนงนุชพัทยาได้ส่งต้นสับปะรดสีเข้าประกวดคว้ารางวัลพระราชทาน จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สำหรับรางวัลยอดเยี่ยมถ้วยพระราชทานฯ ที่ได้รับเป็นต้นสับปะรดสี สกุล Guzmania ice cream มีรูปทรงโดดเด่น สีสันสวยงาม ซึ่งเป็นการเก็บสายพันธุ์มาจากต่างประเทศ และเป็นต้นเดี๋ยวที่เรามี เรียกได้ว่าหายากมากๆ การขยายพันธุ์ใช้วิธีการแยกหน่อทำให้ต้องใช้เวลานานในการผลิตได้จำนวนมากเพื่อนำมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม ปัจจุบันสวนนงนุชพัทยาขยายพันธุ์ได้มากกว่า 500 ต้นโดยใช้เวลาถึง10ปี

นอกจากนี้ทางสวนนงนุชพัทยาได้รับรางวัลในการประกวดไม้ดอกไม้ประดับ ประเภทต้นสับปะรดสีอีก 4 รางวัล สำหรับการจัดงานมีขึ้นระหว่างวันที่ 18-26 มกราคม 2568 ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี

กองทุนดีอี BDE ลงพื้นที่อุบลฯ จัดกิจกรรม CSR พัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง สร้างสรรค์กำแพงวัดสู่พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเยาวชนรุ่นใหม่

(23 ม.ค. 68) กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี) สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) จัดกิจกรรมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (Corporate Social Responsibility: CSR) ภายใต้ชื่องาน “DEF ร่วมสร้างกำแพงความรู้สู่ชุมชน” ณ วัดสวนสวรรค์ ตำบลพิบูล อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีนายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) เป็นประธาน พร้อมด้วย นางสาววรรณศิริ พัวศิริ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (BDE) และดร. ศิริมาเมธ์วดี ศิรธนิตรา นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหาร ตลอดจนผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน  และประชาชนในพื้นที่ ร่วมในพิธีเปิดงาน

นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการ ดีอี กล่าวว่า กองทุนดีอีเป็นหน่วยงานภายใต้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ BDE ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดสรรเงินทุนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุนสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อันเป็นประโยชน์ต่อการให้บริการสาธารณะและไม่เป็นการแสวงหากำไร พร้อมกันนี้ในส่วนของบทบาทของการสร้างประโยชน์ต่อสังคม ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่กองทุนฯ ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

สำหรับการดำเนินกิจกรรม ในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของกองทุนฯ ในการทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่มีความรับผิดชอบ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในสังคม การจัดกิจกรรมในวันนี้จึงถือเป็นหนึ่งในความตั้งใจของกองทุนฯ ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกพร้อมทั้งสร้างคุณค่าแก่ชุมชนและสังคมในระยะยาว

“ผมขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของกองทุนฯ รวมถึงอาสาสมัครทุกคนที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนจนกิจกรรมครั้งนี้  เกิดขึ้นได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมในวันนี้จะสร้างประโยชน์และแรงบันดาลใจให้แก่ทุกท่าน ช่วยสานต่อเป้าหมายของกองทุนฯ ในการขับเคลื่อนที่ประเทศไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ มีความยั่งยืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” 

และร่วมมอบสิ่งของจำเป็นทั้งเครื่องอุปโภคและบริโภคให้แก่วัดสวนสวรรค์ ซึ่งคาดหวังว่ากิจกรรมทั้งหมดนี้จะสร้างประโยชน์ในเชิงบวกทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้กับชุมชนในพื้นที่แห่งนี้

บุรีรัมย์ สส. เต้กราบขอโทษ 14 วันศักดิ์สยามให้อภัยถอนฟ้อง 4 คดีหมิ่น

อำเภอเมือง/เต้ มงคลกิตติ์ ยอมขอโทษศักดิ์สยาม ชิดชอบ หลังถูกแจ้งความดำเนินคดีหมิ่น 4 คดี เจ้าตัวรับพูดไปเพราะขาดข้อมูลที่แท้จริงจึงอยากขอโทษ  ขณะศักดิ์สยาม เผยให้อภัยและอยากให้เป็นกรณีตัวอย่าง แต่ให้ขอโทษผ่านช่องทางที่เคยหมิ่นประมาณเป็นเวลา 15 วัน ยังไม่คิดย้ายไปไหนหากมีใครมาทาบทาม

เมื่อวานนี้ (22 ม.ค.68) ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ นายมงคลกิตติ์ หรือ สส.เต้ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (เฉลิมชัย ศรีอ่อน)พร้อมนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อตกลงเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท กรณีนายศักดิ์สยาม แจ้งความดำเนินคดีกับนายมลคลกิตติ์ ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จำนวน 4 กำ

คือเมื่อวันที่ 17 เมษายน 64 ได้โพสต์ผ่าน Facebook ของนายมลคลกิตติ์ กล่าวหาในทำนองทำให้บุคคลภายนอกเข้าใจ กรณีไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อ แล้วทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 จนทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 11,000 คน

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 นายมงคลกิตติ์ ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่าน Facebood มีภาพของนายศักดิ์สยาม ขณะเล่นเจ็ตสกี และทานอาหารและร้องเพลงอยู่ในคาราโอเกะ ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่านายศักดิ์สยาม เป็นตัวแพร่เชื้อโควิด-19 

ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 27 เมษายนต์ 2564 ได้มีการโพสต์ ว่านายศักดิ์สยาม มีสัมพันธ์ฉันชู้สาวและหญิงอื่นทได้รับสินจากนายศักดิ์สยาม 

และครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 นายมงคลกิตติ์ ได้ให้สัมภาษณ์ทีวี PPTV36ว่าให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรนัฐมนตรีในตอนนั้นดำเนินคดีกับนายศักดิ์สยาม ว่าเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ยอมรับว่า ทั้งหมดเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของตนเองที่โพสต์ไปเพราะไม่มีข้อมูลที่แท้จริง ทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของนายศักดิ์สยาม

โดยครั้งล่าสุดศาลจังหวัดบุรีรัมย์ อยากให้มีการพูดคุยกัน ส่วนตนก็พร้อมจะคุยและพร้อมที่จะขอโทษในกรณีที่ตนล่วงเกินไป ซึ่งท่านศักดิ์สยาม ก็ให้อภัย จากข้อตกลงที่ศาล ตนจะโพสต์ facebook และไลฟ์สด ผ่านช่องทางที่ตนเคยหมิ่นประมาทเป็นเวลา 15 วันต่อเนื่อง และบันทึกเทปใน Tik Tok เป็นเวลา 15 วันต่อเนื่องเช่นกัน

นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมันผ่านไปแล้วอะไรที่มันผิดผมยอมรับผิด ส่วนทางท่านศักดิ์สยาม ท่านก็ใจดียอมยกโทษให้ กรณีที่ตนเองยอมขอโทษไม่ได้มีใครแนะนำหรือบังคับ ตนรู้สำนึกมากกว่า หากถามว่าเมื่อมีความเข้าใจกันแล้วกับนายศักดิ์สยาม ซึ่งอยู่พรรคภูมิใจไทย ถ้ามีโอกาสจะมาร่วมกับพรรคหรือไม่นั้น นายมงคลกิตติ์ ตอบว่าตอนนี้ถือว่าคุยกันรู้เรื่องแล้ว ในอนาคตไม่รู้ แต่ตอนนี้ตนขอทำหน้าที่ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ที่ตนเป็นที่ปรึกษาให้ดีที่สุดก่อน

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม กล่าวว่า การที่ศาลแนะนำให้พูดคุยกันนั้น ตนไม่ได้ขัดข้อง ประกอบกับนายมงคลกิตติ์ มีท่าทีอ่อนลงจึงรับขอโทษเพื่อให้เรื่องทุกอย่างยุติลง ที่สำคัญอยากให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดถึงแม้ตนจะเสียไปแล้วก็ตาม 

สิ่งที่ตนอยากจะสื่อคือการตอบโต้ทางการเมืองที่ไม่มีข้อมูลแท้จริง นำไปเสนออยากให้เป็นกรณีศึกษาให้กับนักการเมือง ใครจะกล่าวหาใครจะต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน เพราะเสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย ในการอภิปลายที่ผ่านมาถ้ามีการอภิปรายเนื้องานตนไม่มีปัญหา ไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวมานำเสนอจนกลายเป็นเรื่องในลักษณะนี้ จะทำให้บรรยากาศทางการเมืองไม่ดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top