Friday, 27 June 2025
ค้นหา พบ 49042 ที่เกี่ยวข้อง

รมว.ยุติธรรม เยี่ยมเรือนจำกลางชลบุรี ตรวจเยี่ยมกิจกรรมเยี่ยมญาติใกล้ชิดในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมส่งเสริมศักยภาพเพื่อคืนสู่สังคม

(22 ม.ค.68) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมและคณะผู้แทนจากหน่วยงานภายนอก นำโดย นาย ธนนท์ พรรพีภาส รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นำคณะเดินทางไปยังเรือนจำกลางชลบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินกิจกรรมเยี่ยมญาติใกล้ชิด ในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 - 24 มกราคม 2568 เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ต้องขังคืนสู่สังคม 

โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการฟื้นฟูผู้ต้องขัง ผ่านความสัมพันธ์จากสถาบันครอบครัว ที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณค่า

ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง จากผู้ต้องขัง จำนวน 499 ราย และญาติที่เข้าเยี่ยมกว่า 1,550 ราย

ทรัมป์สั่งพนักงานรัฐแจ้งเบาะแส หากเจอโครงการหนุนความหลากหลายทางเพศ

(23 ม.ค.68) รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งให้พนักงานรัฐรายงานหากพบว่ามีการซ่อนโครงการส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (Diversity, Equity, and Inclusion – DEI) โดยขู่ว่าจะดำเนินการทางวินัยหากไม่รายงานภายใน 10 วัน

คำสั่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของทรัมป์ในการยกเลิกโครงการ DEI ในภาครัฐ ซึ่งถือเป็นการกลับลำนโยบายจากรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ให้ความสำคัญกับ DEI

คำสั่งระบุว่ามีการปกปิดโปรแกรม DEI บางส่วนในรัฐบาลโดยใช้ภาษาที่คลุมเครือ ผู้ที่รายงานภายในเวลาที่กำหนดจะไม่ถูกลงโทษ แต่หากไม่รายงานภายใน 10 วันอาจเผชิญกับผลกระทบทางวินัย

คำสั่งนี้ได้ถูกส่งไปยังพนักงานหลายกระทรวง ซึ่งอ้างว่ามาจากรัฐมนตรีหลายคนในคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ เช่น จากกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุว่าเป็นคำสั่งจากมาร์โก รูบิโอ และจากกระทรวงยุติธรรม โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งจากรักษาการอัยการสูงสุด เจมส์ แมคเฮนรี

ทรัมป์มองว่าโครงการ DEI เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อชาวอเมริกันบางกลุ่ม โดยมุ่งเน้นที่เชื้อชาติและเพศมากกว่าคุณสมบัติของผู้สมัคร ฝ่ายสนับสนุนสิทธิพลเมืองกลับมองว่า DEI เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมและการเหยียดเชื้อชาติที่มีมายาวนาน

การกระทำของทรัมป์ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิพลเมือง โดยศาสตราจารย์ไซคี วิลเลียมส์-ฟอร์สัน มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ กล่าวว่าความไม่พอใจในหมู่ชายผิวขาวกำลังปะทุขึ้นอีกครั้ง และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ทรัมป์กลับมามีบทบาททางการเมืองได้ แม้จะเผชิญกับคดีความหลายคดี

ขณะเดียวกัน สส. แฮงค์ จอห์นสัน จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ทรัมป์กำลังทำลายความก้าวหน้าที่คนผิวดำได้สร้างขึ้นในช่วงหลายทศวรรษ

นอกจากนี้ ในคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทรัมป์ยังได้ยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารปี 2508 ของอดีตประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน ที่ห้ามผู้รับเหมาของรัฐบาลกลางเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน และยังพยายามกดดันบริษัทเอกชนที่รับงานจากรัฐบาลให้ยกเลิกโครงการ DEI โดยขู่ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตาม

ล่าสุด รัฐบาลทรัมป์ได้เรียกร้องให้พนักงานรัฐรายงานข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ DEI ที่อาจถูกซ่อนไว้ โดยกำหนดให้พนักงานแผนก DEI หยุดงานโดยได้รับค่าจ้างภายในเวลา 17:00 น. ของวันพุธที่ 22 มกราคม และปิดเว็บเพจของหน่วยงาน DEI ทั้งหมดภายในเวลานี้

แคโรไลน์ ลีวิตต์ เลขาธิการฝ่ายสื่อของทำเนียบขาวกล่าวว่า คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้แล้ว และหน่วยงานของรัฐบาลกลางจะต้องส่งแผนการเลิกจ้างพนักงานภายในวันที่ 31 มกราคม

ฝ่ายสนับสนุนสิทธิพลเมืองได้ออกมาต่อต้านการกระทำนี้ โดยมองว่าโครงการ DEI มีความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมและการเหยียดเชื้อชาติที่ยาวนาน ขณะที่ทรัมป์และผู้สนับสนุนมองว่า DEI เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อชาวอเมริกันคนอื่น

‘เอกนัฏ‘ ลั่น เดินหน้าทำเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ หลังแฉกลางสภา! มีไอ้โม่งจ้องย้าย ‘รัฐมนตรี’ ค่าตัว 200-300 ล้าน

‘เอกนัฏ’แฉกลางสภาฯไอ้โม่งจ้องย้าย‘รัฐมนตรี’ ค่าตัว 200-300 ล้าน ลั่นไม่กลัว มีหน้าที่ยึดประโยชน์ส่วนรวม แจงตอบกระทู้เปล่าเลือกปฏิบัติปิด‘โรงงานน้ำตาล’ที่อุดรธานี แจงผลสอบรับซื้ออ้อยเผา 40% เป็นนโยบายรัฐบาล ช่วยลดปัญหาฝุ่นพิษ ไร้เส้นแบ่งระหว่างพรรค

(23 ม.ค. 68) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของนายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยเรื่องการปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี ถามนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรมว่า เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ เนื่องจากพื้นที่ที่พบว่ามีรับซื้ออ้อยเผาสูงกว่า จ.อุดรธานี ไม่พบการสั่งปิดโรงงานเพราะรับซื้ออ้อยเผาเกิน 25%

ด้านนายเอกนัฏ ชี้แจงว่า ยืนยันว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติแน่นอน และตั้งแต่ตนทำหน้าที่รมว.อุตสาหกรรม ไม่ใช่นั่งเฉยๆในห้องแอร์ แต่ได้ลงพื้นที่ตรวจจับและจัดระบบใหม่ในภาคอุตสาหกรรม ปัญหากากอุตสาหกรรม สินค้าด้อยคุณภาพนำเข้าประเทศ ตนสั่งปิดและจับ ดำเนินคดีเด็ดขาด

“ส่วนกรณีที่มีการวางค่าตัวไว้ว่ามีเงิน 200-300 ล้านบาท เพื่อย้ายรัฐมนตรี ผมไม่กลัวเพราะผมมีหน้าที่ที่ต้องการรักษาประโยชน์ของส่วนรวม” นายเอกนัฏ กล่าว 

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ทั้งนี้การช่วยเหลืออ้อยสด 120 บาท เสนอเข้าครม.เมื่อเดือนพ.ย. 67  แต่ขณะนี้ ครม. ยังไม่มีมติ อย่างไรก็ดีแนวทางที่จะดำเนินการนั้นต้องการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ ที่ให้ของเหลืออ้อย เช่น ใบ ชานอ้อย ไปผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย เพื่อให้เกษตรกรตัดใบส่งขายให้โรงงานหากกำหนดราคาที่เป็นธรรม โรงงานจะได้ และเกษตรกรมีรายได้เสริม โดยการวางระบบดังกล่าวจะทำให้ทันก่อนฤดูกาลหน้าที่จะเปิดหีบอ้อย

“การปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี เป็นภารกิจของรัฐบาล ช่วยลดฝุ่นPM 2.5 ที่เป็นปัญหาระดับประเทศ โดยการแก้ปัญหาดังกล่าวไม่มีเส้นแบ่งระหว่างพรรคการเมืองหรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงใด แต่เป็นภารกิจที่นายกฯ ให้ความสำคัญ ทั้งนี้เป็นความตั้งใจของผมที่ต้องการให้ลดการเผาอ้อย โดยล่าสุดพบอัตราการเผาอยู่ที่ 11% ที่ถือว่าต่ำที่สุดบางทีการตัดสินใจไม่ง่าย แต่ต้องช่วยกัน โดยแก้ปัญหามีต้นทุนที่ต้องจ่าย สำหรับโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี ที่ถูกปิด อุตสาหกรรมจังหวัดเข้าตรวจสอบพบว่ามีการรับซื้ออ้อยสูงสุดปริมาณ 4แสนตัน พบเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ซื้ออ้อยเผา40% ถือว่าสูงสุด ” นายเอกนัฏ ชี้แจง

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการในปีนี้ชัดเจนตั้งแต่ ต.ค. 67 ได้แจ้งในการประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย มีโรงงานและเกษตรกร เมื่อต.ค.67 มีการขอความร่วมมืองดการเผา เกินวันละ 25% และให้โรงงานรับซื้ออ้อยเผาเกิน 25%  ทั้งนี้มีมติ ครม.ที่ส่งมาถึงตน ขอให้กระทรวงเพิ่มมาตรการงดรับอ้อยเผาโดยสิ้นเชิง  ทั้งนี้ปัญหาการไม่รับซื้ออ้อยเผาที่จ.อุดรธานี ตนได้ช่วยแก้ปัญหาและทราบว่ามีการเคลียร์อ้อยที่ค้างการรับซื้อทั้งหมดแล้ว ส่วนที่พบว่ามีอ้อยเน่านั้นจะมีมาตรการเยียวยาต่อไป

ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดีแก็งลูกตำรวจรุมทำร้ายเหยื่อพื้นที่ สน.ลาดพร้าว ตรวจค้นบ้านพบปืน 3 กระบอก ย้ำเป็นลูกตำรวจก็ต้องเคารพกฎหมาย และควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม หากทำผิดต้องถูกดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาด้วยเช่นกัน

(23 ม.ค. 68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีมีผู้ร้องพาผู้เสียหายเดินทางมาพบตำรวจ สน.ลาดพร้าว ติดตามคดีที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่มีข่าวว่าเป็นแก๊งลูกตำรวจ รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา ภายในซอยลาดพร้าว 101 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับรายงาน และสั่งการให้ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี พร้อมดูแลให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย 

ล่าสุดตำรวจชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว โดยในรายของนายมาตี้ ซึ่งเป็นลูกของตำรวจนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นของลูกตำรวจจริง แต่พ่อแม่แยกทางกัน โดยนายมาตี้ได้อาศัยอยู่กับทางแม่ ซึ่งตำรวจได้นำกำลังไปตรวจค้นที่บ้านพักในพื้นที่ สน.บางชัน พบปืนไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก บนฝ้าเพดานภายในบ้านพัก ได้ทำการตรวจยึด และดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ ตำรวจได้ดำเนินอย่างเต็มที่ทุกรายในแนวทางเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแก๊งวัยรุ่น เป็นเยาวชนที่จะต้องดำเนินการภายในกรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจดำเนินการ 

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร.สั่งการให้ดำเนินคดีนี้อย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกตำรวจ หรือลูกใคร หากทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่มียกเว้น  ยิ่งเป็นลูกตำรวจ ยิ่งควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมมากกว่าเด็กทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้ ผบ.ตร.ได้กำชับไปยังข้าราชการตำรวจในการสอดส่องดูแลบุตรหลาน รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาลงไปสอดส่องดูแลอีกส่วนหนึ่งแล้ว

ผบช.ภ.2 ให้ความมั่นใจ รองผู้ช่วยทูต สหรัฐฯ เตรียมพร้อมด้านความปลอดภัย รับ 5,400 ทหารเรืออเมริกัน ขึ้นฝั่งชลบุรี พักผ่อนพัทยา 27- 31 ม.ค.นี้ 

(23 ม.ค. 68) เวลา 10.00 น. ที่ตำรวจภูธรภาค 2 ( ภ.2 )  นายลู แฟม รองผู้ช่วยทูตหน่วยป้องกันกองกำลังสหรัฐอเมริกา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และคณะ เข้าพบ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ( ผบช.ภ.2 ) เพื่อหารือด้านการดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีเรือของกองทัพสหรัฐอเมริกา จำนวน 4 ลำ เทียบท่าในจังหวัดชลบุรี ในช่วงระหว่างพักการฝึก ระหว่างวันที่ 27 - 31 มกราคม 2568  โดยมีกำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาประมาณ 5,400 นาย พักในพื้นที่พัทยา จว.ชลบุรี ขณะที่เรือเทียบท่าในพื้นที่ สภ.สัตหีบ และ สภ.แหลมฉบัง 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า การเข้าหารือวันนี้เป็นไปด้วยดี ได้ให้ความเชื่อมั่นแก่ทางรองผู้ช่วยทูตฯ ถึงแผน และมาตรการในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ซึ่งในการดูแลความปลอดภัยเรือรบทั้ง 4 ลำที่เทียบท่าในพื้นที่ นั้นตำรวจภูธรภาค 2 ประสานงานกับฐานทัพเรือสัตหีบมีมาตรการดูแลอย่างเข้มข้น ขณะที่ในส่วนของการอำนวยการจราจรนั้นตำรวจท้องที่ที่เกี่ยวข้องว่าแผนการจัดการไว้แล้ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ พร้อมประสานงานฝ่ายปกครอง และผู้ประกอบการต่าง ๆ ในพื้นที่เมืองพัทยา และพื้นที่ใกล้เคียงในการร่วมกันดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย เพื่อสร้างความประทับใจ

“กำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ประมาณ 5,400 นาย จะเดินทางมาพักผ่อนในเขตพื้นที่เมืองพัทยา นั้นตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ก็ได้มีมาตรการในการดูเรื่องความปลอดภัย ได้มีการตั้งกลุ่มไลน์ และ แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดที่มีหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อติดต่อประสานงาน ในการอำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในการพักผ่อน และดูแลความปลอดภัย แก่กำลังพลของกองทัพเรือสหรัฐ ด้วยความยินดีต้อนรับ ให้เกิดความประทับใจ โดย สภ.เมืองพัทยา ได้ประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการในพื้นที่ทราบ และได้เพิ่มกำลังสายตรวจในเครื่องแบบ และฝ่ายสืบสวนให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้ง ภ.จว.ชลบุรี ได้เพิ่มกำลังชุดสายตรวจไดนามิก และชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ของ ภ.จว.ชลบุรี ร่วมปฏิบัติหน้าที่โดยเพิ่มวงรอบในการตรวจในห้วงเวลาดังกล่าวด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น” ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ขอเชิญชวนพี่น้องชาวชลบุรีร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีเบาะแส แจ้งเหตุด่วน ให้โทร.191 ตลอด 24 ชั่วโมง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top