Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49074 ที่เกี่ยวข้อง

‘อัครเดช’ หนุน!! ‘เอกนัฏ’ เข้มให้โรงงานผลิตน้ำตาล รับซื้อเฉพาะ ‘อ้อยสด’ ชี้!! ต้องควบคุมฝุ่น PM 2.5 สร้างอากาศให้บริสุทธิ์ เพื่อสุขภาพที่ดี ของปชช.

(19 ม.ค. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปดำเนินมาตรการคุมเข้มโรงงานผลิตน้ำตาล เพื่อป้องกันปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายอย่างเข้มงวดของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ดำเนินนโยบายให้โรงงานรับซื้อเฉพาะอ้อยสด ลดอ้อยไฟไหม้ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมก็ขอความร่วมมือไปยังโรงงานผลิตน้ำตาลทุกโรงงานและชาวไร่อ้อยทุกคนให้ช่วยกันลดปริมาณการเผาอ้อยลงให้ได้ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด เนื่องจากการเผาอ้อยเป็นส่วนสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของการก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน จึงขอย้ำให้โรงงานช่วยประชาสัมพันธ์ชาวไร่อ้อยให้ทราบถึงผลเสียของการเผาอ้อยด้วย เพราะนอกจากจะทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 แล้ว การเผาอ้อยยังทำให้ความหวานของอ้อยลดลง น้ำหนักอ้อยก็ลดลง ที่สำคัญขายไม่ได้ราคาอีกทั้งไม่ได้เงินอุดหนุนจากภาครัฐ ที่สนับสนุนเงินค่าตัดอ้อยสดและส่งผลเสียต่อหน้าดินในการเพาะปลูกฤดูกาลผลิตถัดไปด้วย

นายอัครเดช ระบุด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรจัดส่งอ้อยสดกับโรงงาน ผ่านการให้เงินสนับสนุนกับชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดที่จะมีการประกาศตัวเลขให้ชาวไร่อ้อยได้ทราบในเร็ววันนี้ ขณะเดียวกันก็จะเร่งให้หน่วยงานรัฐดำเนินมาตรการเชิงรุกเข้าพื้นที่ให้ความรู้อย่างจริงจัง และตนเองก็เชื่อว่าสมาคมชาวไร่อ้อยจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะการลดฝุ่น PM 2.5 ก็จัดเป็นหนึ่งในนโยบายรัฐบาล อีกทั้งที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมก็เคยเชิญตัวแทนสมาคมชาวไร่อ้อยมาหารือกันในชั้นคณะกรรมาธิการฯ เกี่ยวกับการลดการเผาอ้อยแล้ว ซึ่งสมาคมฯ ก็เห็นด้วยกับมาตรการนี้และพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการฯ และกระทรวงอุตสาหกรรม

“การเผาอ้อยจะส่งผลเสีย นอกจากก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน ยังทำให้อ้อยหวานน้อยลง น้ำหนักลดลง และส่งผลเสียต่อหน้าดินในการเพาะปลูกครั้งถัดไป ตนเองจึงเห็นด้วยกับนโยบายของนายเอกนัฏ พร้อมขอความร่วมมือชาวไร่อ้อยส่งอ้อยสดให้โรงงาน อย่าเผาอ้อย เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีของพี่น้องประชาชนและตัวเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเองด้วย” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

‘เหนือเพชร กีล่าสปอร์ต’ พ่ายคะแนน!! ‘เพชร สวนหลวงรถยก’ หลังแข่งขันเสร็จ ‘จมูกหัก’ รีบโทรไปหา!! ‘ภรรยา’ เพื่อขอกำลังใจ

(19 ม.ค. 68) เหนือเพชร กีล่าสปอร์ต พ่ายคะแนน เพชร สวนหลวงรถยก หลังแข่งขันเสร็จได้รับบาดเจ็บจมูกหัก ภรรยาเหนือเพชร ได้โพสต์ว่า …

รีบโทรหาเมียเลยหลังชกเสร็จ ถามเมียว่า เธอยังจะรักเราเหมือนเดิมมั้ย55555555555 ดั้งหักรอบ 2 

รู้ว่าทำเต็มที่แล้ว รู้ว่าอยากพิสูจน์ตัวเองมากๆ แต่ถ้ามันไม่ได้ก็พักได้แล้วนะ โคตรไม่คุ้มอะ จะกินอิ่มนอนหลับอุ่นได้ไง ในเมื่อถ้าความสบายของเราต้องแลกกับความเจ็บปวดของเธอ เข้าใจว่าเพื่อครอบครัว มันจะมีหนทางที่ดีกว่านี้ไหม กับการทำเพื่อครอบครัวของเรา เจ็บปวดหัวใจมากเลย แต่เจ็บมากกว่า ที่เธอพยายามพิสูจน์ตัวเองมาตลอด แต่ไปไม่ถึงฝันสักที และไม่สามารถช่วยไรเธอได้เลย สงสารมากนะ อยู่กันมากี่ปี ไม่เคยตีเธอเลย เคารพให้เกียรติ ทำอาหารให้เธอกินอิ่ม นอนอุ่นตลอด ใบหน้าเจ็บหนักขนาดนี้ ภายในก็ช้ำไม่น้อยเลยนะ

สุดท้ายนี้ อยากบอกกับเธอว่า ในเมื่อห้ามไม่ได้ แต่อย่าลืมรักตัวเอง รักษาสุขภาพตัวเองด้วยนะ ลูกยังเล็ก อย่าพยายามพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นจนลืมฟังเสียงครอบครัว ก่อนจะไปพักผ่อนมีการบอกว่า ทำไมไม่โพสต์ไม่ให้กำลังใจผัวเลยนะ เอ้อเอา 

รักและห่วงใยที่สุด  

ต่อยมา 20 ปีแล้วอยากพักหรือยัง

เป็นกำลังใจให้ครับขอให้หายไวๆ

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เผยกับ ‘เอ็นบีซี’ อาจเลื่อนกำหนด ‘แบนติ๊กต็อก’ ไปอีก 90 วัน หลังรับตำแหน่งในวันจันทร์ จากที่ต้องหยุดให้บริการในสหรัฐ วันอาทิตย์นี้

(19 ม.ค. 68) “เป็นไปได้มากที่จะยืดเวลาออกไป 90 วันเพราะมีความเหมาะสม ถ้าผมตัดสินใจแบบนั้น ผมอาจจะประกาศในวันจันทร์” ทรัมป์ กล่าวกับเอ็นบีซีเมื่อวันเสาร์ (18 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

แอปติ๊กต็อกของจีนมีผู้ใช้ชาวอเมริกัน 170 ล้านคนหรือเกือบครึ่งหนึ่ง แอปช่วยเสริมพลังธุรกิจและสร้างวัฒนธรรมออนไลน์รูปแบบใหม่

เมื่อวันศุกร์ (17 ม.ค.) ติ๊กต็อกประกาศว่าต้องจอดำที่สหรัฐในวันอาทิตย์จนกว่ารัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะรับประกันว่า บริษัทอย่างแอปเปิ้ลและกูเกิล จะไม่ถูกบังคับให้ต้องปฏิบัติตามเมื่อคำสั่งห้ามมีผลบังคับใช้

กฎหมายแบนติ๊กต็อกออกมาเมื่อปีก่อน ศาลฎีกามีมติเอกฉันท์พิพากษายืนเมื่อวันศุกร์ ให้เวลาตัดขาดกับไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ที่มีฐานปฏิบัติการในจีนก่อนวันอาทิตย์ ไม่เช่นนั้นแล้วจะถูกห้ามใช้ในสหรัฐ เพื่อแก้ไขข้อกังวลติ๊กต็อกเสี่ยงเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติ

ด้านทำเนียบขาวเมินความเห็นของติ๊กต็อกเมื่อวันศุกร์ มองว่าเป็นมุกและย้ำในวันเสาร์ว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลทรัมป์ที่กำลังจะเข้ามาว่าจะทำอย่างไร จึงยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ว่าติ๊กต็อกต้องถึงคราวจอดำในวันอาทิตย์

“เราไม่เห็นเหตุผลสำหรับติ๊กต็อกหรือบริษัทอื่นๆ ที่จะทำอะไรไม่กี่วันก่อนรัฐบาลทรัมป์รับตำแหน่งในวันจันทร์” แครีน ฌ็อง ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวแถลง

หากไบเดนไม่ตัดสินใจอย่างเป็นทางการที่จะเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไป 90 วัน บริษัทที่ให้บริการแก่ TikTok หรือโฮสต์แอปอาจต้องเผชิญกับภาระทางการเงินมหาศาล

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ทรัมป์อาจสั่งการโดยตรงให้กระทรวงยุติธรรม “ไม่ให้ความสำคัญ” หรือไม่บังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่แน่ชัดว่าการทำเช่นนั้นจะให้ความคุ้มครองทางกฎหมายได้เพียงพอแก่เจ้าของแอปสโตร์อย่างแอปเปิ้ลและกูเกิล รวมถึงบริษัทให้ข้อมูลสำคัญอย่างออราเคิล และบริการอื่นๆ ในติ๊กต็อก

เมื่อปี 2020 ทรัมป์เคยพยายามบีบให้ติ๊กต็กขายกิจการมาแล้ว และลั่นวาจาว่าจะแบนแต่ถูกศาลสหรัฐขวาง

‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ ประกาศ!! ยกระดับ 4 อำเภอชายแดนสงขลา สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า สร้างรายได้พัฒนาคุณภาพชีวิต

(19 ม.ค. 68) นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา เบอร์ 5 ทีมสงขลาพลังใหม่ ได้จัดปราศรัยเพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายขึ้นที่สนามกีฬากลาง อ.นาทวี โดยมีพี่น้องประชาชนจาก 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย มาร่วมงานอย่างล้นหลาม บรรยากาศเต็มไปด้วยความหวังและพลังจากประชาชนที่รอคอยการเปลี่ยนแปลง

นายสุพิศ ประกาศวิสัยทัศน์ที่จะยกระดับ 4 อำเภอชายแดนให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้า ด้วยการพัฒนาด่านชายแดนไทย-มาเลเซียให้มีความพร้อมครบวงจร ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และพื้นที่สำหรับการค้าขายระหว่างประเทศ เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค

นอกจากนี้ ยังมีแผนสนับสนุนการพัฒนาอาชีพให้ประชาชนในพื้นที่ โดยเน้นการเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกรรม เช่น ส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่นาร้าง ผลักดันทุเรียน ให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของจังหวัดสงขลา พร้อมนำเทคโนโลยีมาดูแลความปลอดภัยของประชาชน

ทั้งนี้ สุพิศ เน้นย้ำว่า การสนับสนุนด้านการเกษตรจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของพื้นที่ชายแดน

ศักยภาพของ 4 อำเภอชายแดน

อ.จะนะ

เป็นศูนย์กลางการค้าขายและเส้นทางคมนาคมสำคัญระหว่างสงขลา-ปัตตานี อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมสถานศึกษาด้านศาสนา และสถานที่จัดการแข่งขันนกเขาชวาเสียงระดับอาเซียน

อ.เทพา

มีความโดดเด่นจากเส้นทางรถไฟที่เชื่อมโยงพื้นที่ชายแดน และชื่อเสียงของ ‘ไก่ทอดเทพา’ ที่กลายเป็นสินค้าอาหารระดับประเทศ

อ.นาทวี

ด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย (ด่านบ้านประกอบ)แห่งใหม่ที่มีศักยภาพสูงในอนาคต อุดมด้วยผลไม้พื้นเมือง และยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ เช่น อุโมงค์เขาน้ำค้าง

อ.สะบ้าย้อย

พื้นที่ต้นกำเนิดกาแฟโรบัสต้าชั้นเยี่ยม และบ้านเกิดของ ‘ทุเรียนฟอสซิล’ พันธุ์ใหม่ที่สร้างชื่อเสียงในระดับประเทศ

นายสุพิศ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะในมิติของการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคนในพื้นที่อย่างแข็งแกร่ง โดยย้ำว่า 4 อำเภอชายแดนของสงขลามีศักยภาพที่พร้อมจะเติบโต หากได้รับการสนับสนุนด้านนโยบายและโครงสร้างที่เหมาะสม ทีมสงขลาพลังใหม่มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้พื้นที่ชายแดนแห่งนี้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า และเกษตรกรรมสมัยใหม่ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับประชาชนทุกคนในจังหวัดสงขลา

‘สังศิต พิริยะรังสรรค์’ ฟาด!! รัฐบาล ต้องการบิดเบือน ซ่อนเร้น ผลประโยชน์ อ้าง!! ใช้พื้นที่ไม่เกิน 10% แต่ความเป็นจริง สร้างรายได้ 70% ของรายได้ทั้งหมด

(19 ม.ค. 68) นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา นักวิชาการที่ศึกษาติดตามเรื่องเศรษฐกิจนอกกฎหมาย ธุรกิจใต้ดิน มาหลายสิบปีตั้งแต่สมัยเป็นผอ.ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และทำวิจัยเรื่องการเปิดกาสิโนในประเทศไทย โพสต์ข้อความเรื่อง ‘กาสิโนใต้เงามืด’ เนื้อหาระบุ

สรรพสิ่งทั้งหลายในโลก ทั้งคน พืช สัตว์ สิ่งของและคาสิโน ล้วนแล้วแต่มีด้านที่เป็นประโยชน์ และด้านที่เป็นโทษอยู่ในตัวทั้งสิ้น สุดแต่ว่าสิ่งนั้นจะถูกนำไปใช้เพื่ออะไร เพื่อใคร และสิ่งนั้นจะแสดงบทบาทด้านบวกหรือด้านลบออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับว่าสิ่งนั้นจะถูกนำมาใช้ภายใต้ปัจจัยและเงื่อนไขอะไร?

คาสิโนเฉกเช่นเดียวกับสรรพสิ่งในโลกนี้ ที่มีทั้งด้านที่เป็นประโยชน์และด้านที่เป็นโทษต่อสังคม ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม คาสิโนอาจช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศได้ ในทางตรงกันข้าม ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม หากนำมาใช้ มันสามารถทำลายเศรษฐกิจของประเทศให้ล่มจม ได้เช่นเดียวกัน

คาสิโนจะเป็นพลังด้านบวกและเป็นประโยชน์ต่อประเทศได้ก็ต่อเมื่อมันอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ระบบการเมือง และระบบราชการดี รัฐบาลไม่มุ่งหาผลประโยชน์ส่วนตัวจากคาสิโน แต่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศมากกว่า ดังเช่นคาสิโนที่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ เป็นต้น

แต่ถ้าคาสิโนเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขของระบบการเมืองและระบบราชการที่ขาดธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง นักการเมือง มุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากคาสิโนให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง คาสิโนสามารถจะแสดง บทบาทด้านลบออกมาได้เช่นเดียวกัน ดังที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศอาเซียนรอบๆ ประเทศไทย

นโยบายการสร้างคาสิโนของรัฐบาลทุกประเทศเท่าที่ผ่านมา รวมทั้งของรัฐบาลไทยในขณะนี้ มีวัตถุประสงค์เหมือนกันหมด คือต้องการเม็ดเงินลงทุนจากธุรกิจภาคเอกชน ไม่ว่าจะมาจากทุนต่างประเทศหรือในประเทศก็ตาม เพื่อให้เศรษฐกิจในประเทศมีการเจริญเติบโตมากขึ้น นี่เป็นตรรกะของเศรษฐกิจตลาดหรือเศรษฐกิจทุนนิยม ที่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็คิดคล้ายๆ กัน

การทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีการเจริญเติบโตขึ้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้  แต่สิ่งที่ผู้นำของรัฐบาลที่มีจิตใจแบบชาตินิยมที่ต้องการเห็นประเทศของตนเองเจริญรุ่งเรืองแบบยั่งยืน จำเป็นต้องตระหนักตั้งแต่เริ่มต้นก็คือ การดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่ยึดถือหลักคุณธรรม และการยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งมากยิ่งกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

หากรัฐบาลยึดถือหลักคุณธรรมทางด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการแสดงออก และการกระทำว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่นั้นเป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส เชื่อถือได้ ไม่มีสิ่งใดที่รัฐบาลปิดบังซ่อนเร้นประชาชนไว้

ดังนั้น ประการแรก หากรัฐบาลต้องการทำคาสิโนหรือการพนันที่ถูกกฎหมาย รัฐบาลควรออกเป็น ‘พระราชบัญญัติคาสิโน’ ไม่ใช่ ‘พระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร’ เพราะ การกระทำดังกล่าวของรัฐบาล เป็นการบิดเบือนและซ่อนเร้น ความต้องการที่แท้จริงของรัฐบาลเอาไว้ ถึงแม้รัฐบาลจะกล่าวอ้างว่าพื้นที่ของสถานคาสิโนมีไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด แต่ความเป็นจริงแล้วคาสิโนเป็นที่มาของรายได้ราว 70% ของรายได้ทั้งหมดของสถานบันเทิงครบวงจร กิจกรรมบันเทิงอื่นๆที่เหลือทั้งหมด ที่ใช้พื้นที่ราว 95% สามารถสร้างรายได้ราว 30% เท่านั้น

ประการที่สอง การกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีนักการเมืองเป็นกรรมการอีก จำนวนหนึ่งมี “อำนาจ” การออกใบอนุญาต ใบละหนึ่งหมื่นล้านบาท จำนวนอย่างน้อย 10 แห่ง และกฎหมายยังเปิดช่องให้ ออกใบอนุญาตได้มากกว่านั้นอีกในอนาคต การให้อำนาจในการใช้ดุลยพินิจอย่างเลยเถิด โดยขาดหลักธรรมาภิบาลแก่ คณะกรรมการฯในกรณีนี้จะสร้างปัญหาความวุ่นวาย ทางการเมืองให้กับประเทศไทย เป็นอย่างมากในอนาคต

หากเราใช้ประสบการณ์ของประเทศสิงคโปร์ จะพบว่า จำนวนคาสิโนถูกกำหนดไว้ในกฎหมาย ซึ่งทำให้ไม่มีบุคคลใดสามารถใช้ดุลยพินิจอนุมัติการสร้างคาสิโนเพิ่มเติมได้อีก

การกำหนดให้เงินรายได้จากการขายใบอนุญาตคาสิโน ซึ่งคาดว่าจะมีอย่างน้อยที่สุด 100,000  ล้านบาท เข้าไปที่กองทุนของสถานบันเทิงครบวงจร อาจทำให้การใช้จ่ายเงินของกองทุนนี้เป็นไปโดยไม่สุจริต และถูกนำไปใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ การเมือง กลายเป็นแหล่งเงินทุนของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ทำให้ระบบการเมือง และราชการเสื่อมทรามเลวร้ายลงมากกว่าเดิม

สิงคโปร์แก้ปัญหาภาพรวมของการพนันโดยการตั้งคณะกรรมการการพนันระดับชาติ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลปัญหาในภาพรวมของประเทศ แต่คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวข้องเลย ซึ่งแตกต่างจากคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงวงจรของไทย

ประการที่สาม การกำหนดให้มีสถานบันเทิงครบวงจรถึง 10 แห่งทั่วทุกภาคของประเทศ น่าจะมีจำนวนมากจนเกินไป จนเกินกว่าศักยภาพของหน่วยงานภาครัฐจะบังคับใช้กฎหมายในการตรวจสอบการฟอกเงินจากยาเสพติด การค้ามนุษย์ และการคอรัปชั่นในสถานคาสิโนได้

หากภาครัฐไม่สามารถตรวจสอบและควบคุมเงินผิดกฎหมายในคาสิโนทั้ง 10 แห่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล  คาสิโนจะเป็นตัว ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างร้ายแรงที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศจนยากที่จะแก้ไขได้

นอกจากนี้การที่รัฐบาลกำลังจะอนุญาตเปิดให้มีการเล่นการพนันทางออนไลน์ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย รัฐบาลควรตระหนักถึงเยาวชนของชาติในอนาคตที่จะถูกดึงเข้าสู่ตลาดการพนันได้ง่าย การที่ภาครัฐยังไม่มีการปฏิรูประบบการทำงาน ของหน่วยงานการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้ให้มีความโปร่งใสและสุจริต  รัฐบาลจะสามารถให้ความมั่นใจแก่สังคมได้อย่างไรว่า จะไม่ให้มีเงินสีเทาหรือเงินสีดำเข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดการพนันออนไลน์

ประเทศจะเจริญได้อย่างมั่นคงในระยะยาว นอกจากรัฐบาลจะต้องคำนึงถึงการสร้างเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรือง โดยมีหลักศีลธรรมกำกับเอาไว้แล้ว ที่สำคัญ อีกประการหนึ่งคือรัฐบาลต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ประเทศที่เข้มแข็ง  ต้องมีประชาชนที่มีจิตใจที่เจริญเช่นเดียวกัน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีศีลธรรม มีการประพฤติปฏิบัติที่ดีงาม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพการงาน หากรัฐบาลสนใจแต่ส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจให้เจริญรุ่งเรือง โดยไม่ใส่ใจต่อความเจริญรุ่งเรืองทางจิตใจของประชาชนแล้ว ในท้ายที่สุดเศรษฐกิจของไทยจะกลายเป็นเศรษฐกิจของต่างชาติที่คนไทยเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยเท่านั้นเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top