Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49074 ที่เกี่ยวข้อง

‘วินทร์ เลียววาริณ’ ชี้!! นักการเมืองไทย ยกตัวอย่าง สิงคโปร์ มาแค่เปลือก เพราะไม่คิดจะศึกษา ตั้งธงแล้วว่า จะเปิดบ่อน ที่เหลือ ค่อยไปว่ากันทีหลัง

(18 ม.ค. 68) ‘วินทร์ เลียววาริณ’ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 และนักเขียนรางวัลซีไรต์ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘กาสิโน’ โดยมีใจความว่า ...

นักคิดนักเขียน อัลแบร์ กามูส์ เคยเขียนว่า "คนที่ขาดความกล้าหาญจะสามารถหาปรัชญามารองรับมันเสมอ"

เมื่อขี้เกียจก็หาเหตุผลมาขี้เกียจ

เมื่อจะโกง ก็หาเหตุผลมาโกง

เมื่อจะหาแดกจากพนัน ก็หาเหตุผลมาหาแดกจนได้

นักการเมืองไทยพยายามมาหลายสิบปีแล้วที่จะสร้างบ่อนถูกกฎหมายให้ได้ ข้ออ้างเดิมๆ คือหาเงินมาพัฒนาชาติ ข้ออ้างล่าสุดก็คือสิงคโปร์ทำแล้ว ถ้าไม่ดีสิงคโปร์คงไม่ทำ(มั้ง)

ผมอยู่ที่สิงคโปร์ตอนเขาประกาศทำบ่อน ประชาชนทั้งประเทศไม่เห็นด้วย รวมทั้งบิดาแห่งชาติ ลีกวนยู 

ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน ขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นพนัน โชคดีที่ต่อมาพ่อของเขาเปลี่ยนนิสัย และเลิกพนันไปตลอดชีวิต

ลีกวนยูไม่เคยเล่นพนัน และต่อต้านเรื่องนี้ เมื่อมหาเศรษฐีฮ่องกง Stanley Ho ผู้เปิดบ่อนที่มาเก๊าขอเปิดบ่อนที่สิงคโปร์ ลีกวนยูปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
แต่ลีกวนยูเปลี่ยนใจ ยอมสร้างบ่อน

ลีกวนยูบอกว่าเขาเปลี่ยนใจในจุดยืนเรื่องสร้างบ่อน เพราะมองเห็นว่าลำพังการเป็น first world city ไม่พอแล้วในศตวรรษใหม่ สิงคโปร์ขาดแรงดึงดูดพอสำหรับนักท่องเที่ยว สิงคโปร์ยังต้องพึ่งนักท่องเที่ยว และสิงคโปร์ก็ไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจ นอกจากเมืองสะอาด

ตอนนั้นสิงคโปร์อยู่ในขาลง ลีกวนยูบอกว่าในเรื่องท่องเที่ยว สิงคโปร์สู้เมืองไทย มาเลเซีย ฮ่องกงไม่ได้ จำเป็นต้องหาจุดขายใหม่ เพื่อที่จะอยู่รอด เมื่อลีกวนยูประกาศสร้างบ่อน เขาเสียเครดิตไปเยอะ เพราะคนทั้งประเทศต่อต้าน

แต่ลีกวนยูสัญญาว่าจะคุมเข้ม ไม่ทำให้พลเมืองติดพนันอย่างเด็ดขาด (gambling inducement) และจะสร้างระบบมาคุม เวลาลีกวนยูบอกว่าจะสร้างระบบมาคุม ทุกคนก็เชื่อได้ว่าเขาทำได้จริง ด้วยกฎเหล็กเข้มข้นกว่าไทยเราล้านล้านเท่า 

การสร้างบ่อนของสิงคโปร์มีกฎระเบียบมากมาย และที่สำคัญคือระบบการตรวจสอบของเขาแน่นหนารัดกุม ไม่มีรูรั่ว ไม่มีคอร์รัปชัน ไม่มีทุจริตเชิงนโยบาย

จุดหมายของรัฐสิงคโปร์คือหาเงินจากนักท่องเที่ยว และไม่ยั่วยุให้พลเมืองติดพนัน คนสิงคโปร์จะเข้าบ่อนต้องจ่ายครั้งละ S$150 หรือสามพันเหรียญต่อปี และเมื่อเล่น ไม่ขยายวงเงินพนันให้เด็ดขาด

นักการเมืองไทยยกตัวอย่างสิงคโปร์มาแค่เปลือก ไม่ได้ศึกษาลึก เพราะไม่คิดจะศึกษา ตั้งธงแล้วว่าจะเปิดบ่อน ที่เหลือค่อยไปว่ากันทีหลัง

เราไม่ต้องมีสมองระดับไอน์สไตน์ก็คิดได้ว่า การยกบ่อนใต้ดินขึ้นมาบนดิน ไม่ได้ทำให้บ่อนใต้ดินหายไป ทุกอย่างเซมเซม แต่มีช่องหาแดกเพิ่มขึ้น (อย่างถูกกฎหมาย)

เราไม่ต้องมีสมองระดับไอน์สไตน์ก็คิดได้ว่า เมื่อทุกประเทศหรือทุกเมืองใหญ่ในโลกมีบ่อน บ่อนก็จะไม่ใช่จุดขายอีกต่อไป

เราไม่ต้องมีสมองระดับไอน์สไตน์ก็คิดได้ว่า อนาคตของเด็กไทยจะเป็นอย่างไร เมื่อเราปลูกฝังทัศนคติว่า ไม่ต้องทำงานก็รวยได้

เรากำลังสร้างคนในชาติให้เห็นว่าเงินคือคำตอบเดียวในจักรวาล เงินคือพระเจ้า

แต่เงินแค่ไหนจึงจะพอ?

หลังจากสร้างบ่อนถูกกฎหมายแล้วเราจะทำอะไรต่อ? ตั้งกระทรวงยาเสพติดแห่งชาติเพื่อหาเงินช่วยชาติ? ตั้งกระทรวงโสเภณีแห่งชาติเพื่อหาเงินช่วยชาติ? ตั้งกระทรวงมือปืนแห่งชาติเพื่อหาเงินช่วยชาติ? ตั้งกระทรวงศาสนาพาณิชย์เพื่อหาเงินช่วยชาติ?

เราสามารถเปลี่ยนภาพอบายมุขจากดำเป็นขาวในนามของชาติได้เสมอ

รักชาติจนน้ำตาสอ! รักชาติแล้วอิ่มจริงๆ!!

จริงอย่างที่ อัลแบร์ กามูส์ ว่า คนเราสามารถหาปรัชญามารองรับความเลวร้ายที่จะทำเสมอ

วินทร์ เลียววาริณ

'อลงกรณ์' ชี้ 'คาสิโน-พนันออนไลน์' คือเศรษฐกิจบาปและวัฒนธรรมสีเทา 'กัดเซาะบ่อนทำลายหลักนิติรัฐและคุณธรรมของประเทศ'

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟสบุ้คเรื่อง”เศรษฐกิจบาป(Sin Economy) และวัฒนธรรมสีเทา “วันนี้เกี่ยวโยงประเด็นที่รัฐบาลจะเปิดบ่อนคาสิโนในเอนเตอเทนเม้นต์ คอมเพล็ก(Entertainment Complex)และการพนันออนไลน์แบบถูกกฎหมายโดยมีข้อความดังนี้

"….เศรษฐกิจบาป" (Sin Economy) หมายถึงเศรษฐกิจและตลาดที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่ถือเป็นความผิด เช่น การพนัน หวยเถื่อน สุรา ยาสูบ งานบริการทางเพศ การค้ามนุษย์และสินค้าและหรือบริการที่มีปัญหาด้านจริยธรรมและผลกระทบทางสังคม

"sin economy" typically refers to the economic activities and markets related to vice industries, such as gambling, alcohol, tobacco, sex work, and other morally questionable goods and services. หนึ่งในตัวอย่างเศรษฐกิจบาปได้แก่การพนัน เช่นกาสิโน และการพนันออนไลน์

ความพยายามล่าสุดในการจัดตั้งเอนเตอเทนเมนต์คอมเพล็กซ์โดยมีบ่อนคาสิโนเป็นศูนย์กลางของการดึงดูดการลงทุนหรือการเปิดให้มีการพนันออนไลน์อย่างถูกต้องด้วยข้ออ้างว่าต้องการเอาธุรกิจสีเทามาอยู่บนดินโดยจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องพิจารณาให้ถึงแก่น

ในมุมมองของผมเรื่องของเศรษฐกิจบาปไม่ใช่แค่ประเด็นธุรกิจหรือเศรษฐกิจแต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมใหม่ที่กระทบรากฐานทางวัฒนธรรมและสังคมของประเทศ
คำถามคือเราพร้อมจะนำวัฒนธรรมบาปหรือวัฒนธรรมสีเทามาเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างนั้นหรือ

หลักของประเทศคือหลักนิติรัฐและหลักคุณธรรม การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมยึดหลักนี้มาโดยตลอด

ดังนั้น เมื่อจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าประเทศนี้ปีนี้ 50 ปี 100 ปีและต่อไป ประเทศของเราจะยังยืนอยู่ในหลักนิติรัฐและหลักคุณธรรมหรือไม่ หรือจะกัดเซาะบ่อนทำลายรากฐานประเทศด้วยเศรษฐกิจบาปและวัฒนธรรมสีเทาเพียงเพราะ เราอับจนและไม่มีทางเลือกอื่นในการพัฒนาประเทศแล้วหรือ หรือหมดหนทางสร้างรายได้แล้วหรือ หรือไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายจนต้อง ศิโรราปกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม และเราพร้อมจะเปลี่ยนประเทศเป็นเศรษฐกิจบาป สังคมสีเทาวัฒนธรรมสีเทากระนั้นหรือ ช่วยกันตอบนะครับ เพราะประเทศนี้เป็นของทุกคน

โฆษก ตร.แจง การแต่งตั้ง พ.ต.อ.ไพรัตน์ฯ รอง ผบก.อก.ภ.9 เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ โดยหน่วยเสนอเป็นผู้เหมาะสม ยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะพรากสิทธิ์ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งตรวจสอบทุกมิติ หากพบมีมูลทางวินัยพร้อมจะดำเนินการต่อไป

(18 ม.ค.68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อโซเชียล กรณีการแต่งตั้ง พ.ต.อ.ไพรัตน์ หรือ พงศ์รัตน์ ไพพรรณรัตน์ รองผู้บังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 9 (รอง ผบก.อก.ภ.9) เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็น ผู้บังคับการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจราย พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ เป็นการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจวาระประจำปี 2567 ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ที่เป็นกฎหมายที่มุ่งเน้นการปฏิรูประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้กระบวนการแต่งตั้งเกิดความโปร่งใสเป็นไปตามหลักของ “อาวุโสและความรู้ความสามารถ”

พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ จัดอยู่ในกลุ่มอาวุโสร้อยละ 50 ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 9 ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดเสนออยู่ในบัญชีผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น โดยการพิจารณาว่าข้าราชการตำรวจรายใดมีความเหมาะสมที่จะเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นนั้น จะมีกระบวนการพิจารณาตามลำดับชั้นจากระดับกองบังคับการ แล้วเสนอไปยังกองบัญชาการ โดยกรณี พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ นั้น ผบก.อก.ภ.9 ได้เสนอให้คณะกรรมการระดับกองบัญชาการได้พิจารณาว่าเป็นผู้เหมาะสม ไม่ขัดคุณสมบัติที่จะสามารถเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นได้ โดยคณะกรรมการระดับกองบัญชาการเห็นพ้องกับข้อมูลที่ผู้บังคับการเสนอ

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้พูดถึงกรณีการแต่งตั้ง พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ นอกเหนือจากอาวุโสและความรู้ความสามารถแล้ว ยังจะต้องพิจารณาในเรื่องของประวัติการรับราชการและความประพฤติอีกด้วย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการถูกดำเนินการทางวินัยหรือต้องหาคดีอาญาแล้ว ปรากฏว่ายังไม่มีการรายงานตนต้องคดีหรือมีการรายงานจากหน่วยต้นสังกัดมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ ในส่วนของการพิจารณา พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ ในเรื่องของความประพฤตินั้น จากข้อมูลพบว่าถูกศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับ ที่ จ.430/2567 ลง 19 สิงหาคม 2567 ในความผิดฐาน เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ทำให้มีการพิจารณาต่อไปว่าเหตุในการออกหมายจับดังกล่าวนั้น เกิดจากการกระทำผิดโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการ อันจะทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธาในการบังคับใช้กฎหมายของประชาชนเสื่อมถอยลง หรือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่อย่างไร  

ผลการประชุมพิจารณาหารือพบว่า การพิจารณาข้าราชการตำรวจรายใดดำรงตำแหน่งสูงขึ้น จึงต้องพิจารณาจากประโยชน์ที่จะเกิดกับราชการควบคู่ไปกับการคุ้มครองสิทธิต่าง ๆ ของข้าราชการตำรวจที่กฎหมายได้รับรองไว้ด้วย เมื่อกระบวนการทุกขั้นตอนรวมถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ของข้าราชการตำรวจครบถ้วน และยังไม่ปรากฎ หรือมีเหตุทางกฎหมายที่จะพรากสิทธิของ พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ ที่กฎหมายได้รับรองไว้ จึงต้องคัดเลือกแต่งตั้งตามที่หน่วยเสนอ ตามสิทธิ ระเบียบ กฎหมาย และกฎที่เกี่ยวข้อง  

อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะไม่ละเลยในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น หากผลของการดำเนินการดังกล่าวนำไปสู่การดำเนินการทางวินัยก็ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่ในปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติจำเป็นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ไปตามลำดับก่อน

ตำรวจไทยสุดยอด!!! เจอเด็กญี่ปุ่นแล้ว สถานทูตญี่ปุ่นมารับตัวกลับประเทศโดยปลอดภัย

(18 ม.ค.68) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยว่า กรณีเยาวชนชายชาวญี่ปุ่นที่หายตัวไป ญาติไม่สามารถติดต่อได้หลังจากเดินทางมาประเทศไทยนั้น ล่าสุดตำรวจพบตัวแล้ว และได้ประสานทางการญี่ปุ่นรับตัวกลับประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สร้างความยินดีกับครอบครัวและชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าครอบครัวเยาวชนชายคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือกรณีเยาวชนดังกล่าวเดินทางมายังประเทศไทยแล้วไม่สามารถติดต่อได้ ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยช่วยตรวจสอบ ต่อมา พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. เร่งตรวจสอบจนพบเยาวชนชายดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุเยาวชนชายชาวญี่ปุ่นได้เล่นเกมออนไลน์เกมหนึ่ง ซึ่งสามารถเล่นได้กับผู้อื่นแบบสาธารณะ จนกระทั่งสนิทสนมกับบุคคลหนึ่งในเกม และถูกชักชวนมายังประเทศไทย เยาวชนชายคนดังกล่าวจึงเดินทางมายังประเทศไทยโดยไม่แจ้งให้ทางครอบครัวทราบ จากนั้นทางครอบครัวไม่สามารถติดต่อได้ จึงขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น และตำรวจญี่ปุ่น ก่อนมีการประสานกับตำรวจไทยให้ช่วยติดตามตรวจสอบ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร.ได้ติดตามจนพบตัวเยาวชนดังกล่าว โดยใช้เวลาเพียง 1 วัน หลังได้รับแจ้ง และได้ประสานสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยให้รับตัวกลับประเทศโดยปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย

ล่าสุดทางสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โดย พ.ต.อ.นาโอโตะ วาตานาเบะ ผู้ช่วยทูตตำรวจญี่ปุ่น , นายซาโต้ โทโมโนริ เลขานุการโท และกงสุล และ นายพิสิฏฐ์ ไม้ประเสริฐ ผู้ช่วยกงสุล ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เพื่อแสดงความขอบคุณในการให้ความช่วยเหลือติดตามตัวเยาวชนชายชาวญี่ปุ่น จนกระทั่งสามารถพากลับประเทศอย่างปลอดภัยในเวลาอันรวดเร็ว 

ทั้งนี้ รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลอย่างเข้มงวดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับข้าราชการตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดูแลนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด โดย พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. และตำรวจทุกพื้นที่ ทุกหน่วยงาน ใส่ใจในการช่วยเหลือทุกกรณีอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย 

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับเยาวชนไทยด้วย จึงขอฝากเตือนเด็กและเยาวชนให้ระมัดระวังการติดต่อพูดคุยกับบุคคลแปลกหน้าในเกมออนไลน์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อาจมีผู้ไม่หวังดีชักชวนให้ทำเรื่องที่ไม่สมควรได้ และขอฝากพ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้คอยดูแลบุตรหลานในการเล่นเกม หรือใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างระมัดระวัง และให้คำแนะนำที่ถูกต้อง เหมาะสมแก่บุตรหลาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตราย หรือเดือดร้อนเป็นภัยกับตัวเอง

ทำความรู้จัก ‘เดนนิส ลอว์’ ราชันย์สตั๊ดเหินหาวแห่ง ‘โอลด์แทรฟฟอร์ด’ หนึ่งในตำนาน ‘United Trinity’ คนสุดท้ายที่เพิ่งลาลับตลอดกาล

(19 ม.ค. 68) หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักในเกมฟุตบอล ต่อให้คุณไม่ใช่แฟนบอลของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อย่างน้อยที่สุดคุณก็ต้องเคยได้ยินเรื่องเล่าขานถึงความเก่งกาจของชายผู้เป็นตำนานสุดยอดดาวยิงคนหนึ่งเท่าที่โลกใบนี้เคยมีมา ผู้เป็นเจ้าของลีลาถล่มประตูที่ดุดัน ถึงลูกถึงคน ทำประตูได้ทุกรูปแบบโดยเฉพาะท่าไม้ตายการกระโดดวอลเลย์ลูกกลางอากาศอย่างสวยงาม รวมไปถึงท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยการยกแขนขวาเหยียดตรงชูมือขึ้นสู่ท้องฟ้า อันเป็นภาพคุ้นตาของแฟนบอลในยุค 60’s ต่อ 70’s และเป็นหนึ่งในสามประสาน ‘United Trinity’ ร่วมกับ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ จอร์จ เบส อดีตขุนพลเอกแห่งสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทีมของเซอร์ แมตต์ บัสบี้ นำความสำเร็จมาสู่สโมสรและวงการฟุตบอลอังกฤษอย่างถล่มทลาย สถิติมากมายได้ถูกสร้างขึ้นและคงอยู่อย่างยาวนาน บางสถิติก็ยังไม่ถูกทำลายลงไปได้จนถึงปัจจุบัน 

เนื่องในโอกาสการจากไปของเดนนิส ลอว์ ใดใด Digest ขอน้อมคารวะชายผู้เป็นตำนานท่านนี้ด้วยการบันทึกเรื่องราวของเขาไว้ ณ ที่นี้ครับ 

เดนนิส ลอว์ เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1940 ณ เมืองอเบอร์ดีน ประเทศสก็อตแลนด์ ในครอบครัวชนชั้นแรงงานที่ฐานะไม่สู้ดีนัก โดยเป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 7 คน และในความยากจนนี่เองที่เด็กน้อยเดนนิสได้ค้นพบความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลของตัวเองจากการเตะลูกฟุตบอลทำเองจากเศษผ้าเล่นกับบรรดาพี่น้องและเพื่อนฝูง และด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่นของเดนนิส ทำให้เขาฉายแสงออกมาจากเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างชัดเจนและในไม่นานก็ถูกค้นพบโดยแมวมองจากสโมสรฟุตบอลอาชีพ ซึ่งทำให้เดนนิสได้มีโอกาสได้ไปทดสอบฝีเท้าและเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพด้วยอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น โดยสโมสรที่ค้นพบเดนนิสและเซ็นสัญญาอาชีพด้วยเป็นทีมแรกคือสโมสรฮัดเดอส์ฟิลด์ทาวน์ (อ่านมาถึงตรงนี้ ใครรู้สึกคุ้นๆชื่อสโมสรนี้ ใช่ครับ! นี่คือสโมสรที่หนึ่งในตำนานนักฟุตบอลชาวไทยอย่างพี่ซิโก้ เกียติศักดิ์ เสนาเมืองของเราเคยบินมาค้าแข้งด้วยเป็นเวลาสั้นๆนั่นเอง) ในเวลานั้นกุนซือของฮัดเดอส์ฟิลด์ทาวน์ได้แก่ บิลล์ แชงค์ลี่ ผู้ซึ่งในเวลาต่อมาจะก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือระดับอภิมหาตำนานของสโมสรลิเวอร์พูลนั่นเอง ตลอด 4ปีที่ฮัดเดอส์ฟิลด์ทาวน์นี่เองที่เดนนิสได้เริ่มเปล่งประกายความเป็นสุดยอดดาวยิงฟ้าประทานออกมา และทำให้ตัวเขากลายเป็นที่ต้องการของหลายๆสโมสรในอังกฤษ จนกระทั่งเขาได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นเวลาสั้นๆแค่ 1 ปีด้วยค่าตัวที่สูงที่สุดในเกาะอังกฤษ ณ เวลานั้นที่ 55,000 ปอนด์ ก่อนที่จะถูกสโมสรโตริโน่จากอิตาลีซื้อตัวไปด้วยค่าตัวสูงที่สุดเป็นสถิติโลกในเวลานั้นที่ 110,000 ปอนด์ และทำให้เดนนิสเป็นนักเตะจากสหราชอาณาจักรคนแรกที่ย้ายมาเล่นในภาคพื้นยุโรป แต่ด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรมและการปรับตัวหลายๆอย่างในสมัยนั้น ทำให้เดนนิสย้ายกลับมายังเกาะอังกฤษ และสโมสรที่ซื้อเขากลับมาด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกอีกเช่นกันที่ 115,000 ปอนด์ ก็คือสโมสรที่ส่งให้เขากลายเป็นตำนานไปตลอดกาลในเวลาต่อมาซึ่งก็คือสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั่นเอง

เดนนิสค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรวมแล้วทั้งหมด 11 ปี ตั้งแต่ปี 1962 ถึง 1973 ซึ่งตลอดระยะเวลานี้ เขาได้สร้างความสำเร็จและสถิติต่างๆฝากไว้อย่างมากมาย อาทิเช่น

1. สถิติยิงประตูให้สโมสรสูงที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับที่ 3 โดยลงเล่นทั้งหมดให้กับยูไนเต็ด 404 นัด ทำไปได้ทั้งหมด 237 ประตู 

2. ได้รับการขนานนามจากแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดว่าเป็น ‘ราชันย์แห่งเสตร็ทฟอร์ดเอ็นด์’ ซึ่งมีที่มาจากการฉลองการทำประตูของเดนนิสร่วมกับแฟนบอลฝั่งอัฒจันทร์ทีมเหย้าของสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดซึ่งเป็นภาพชินตาของแฟนบอลในยุคนั้น 

3. เดนนิสเป็นสมาชิกคนสำคัญที่นำถ้วยรางวัลมาสู่สโมสรมากมายได้แก่ แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 2 สมัย, แชมป์สโมสรยุโรป 1 สมัย (แม้ว่าจะไม่ได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่ก็ถือเป็นผู้มีความสำคัญในการพาทีมเข้าสู่นัดชิงได้สำเร็จ), แชมป์ FA Cup 1 สมัย

4. ในด้านรางวัลส่วนตัว เดนนิส ขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตนักฟุตบอลระหว่างเล่นให้ยูไนเต็ดด้วยการได้รับรางวัล Ballon D’Or หรือนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรปในปี 1964 และเป็นนักเตะชาวสก็อตคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งคงจะเป็นหนึ่งเดียวจากสก็อตแลนด์ไปอีกนานหรืออาจจะตลอดไป 

ในช่วงปลายอาชีพเดนนิสได้ย้ายกลับไปเล่นกับสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้อีกครั้งเป็นระยะเวลาสั้นๆเพียง 1 ปี แต่ก็มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นคือ เดนนิสเป็นผู้ยิงประตูชัยด้วยการตอกส้นให้แมนเชสเตอร์ซิตี้เอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปได้ในนัดท้ายๆของฤดูกาล 1974 ส่งผลให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดตกชั้นในปีนั้นในที่สุด ซึ่งเดนนิสก็ได้แสดงความเคารพอย่างสูงต่ออดีตสโมสรของเขาด้วยการไม่แสดงการดีใจและมีสีหน้าเสียใจหลังยิงประตูนั้นได้ซึ่งก็นับเป็นเหตุการณ์สุดคลาสสิคเหตุการณ์หนึ่งของโลกฟุตบอลมาจนถึงปัจจุบัน

ในด้านเกียรติประวัติกับทีมชาติสก็อตแลนด์นั้น เดนนิสลงสนามรับใช้ชาติไปทั้งหมด 55นัด โดยยิงไปได้ 30 ประตู รวมถึงการพาสก็อตแลนด์เข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ทั้งหมด 2 สมัย

ภายหลังจากแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในปี 1974 เดนนิสก็ยังคงมีส่วนร่วมกับวงการฟุตบอลที่เขารักอย่างต่อเนื่องด้วยการรับตำแหน่งเป็นทูตฟุตบอลให้กับสโมสรที่เขาผูกพันที่สุดอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และออกงานการกุศลเพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งและอื่นๆอย่างสม่ำเสมอ 

เดนนิส ลอว์ จากไปอย่างสงบในคืนวันที่ 17 มกราคม 2025 ที่ผ่านมาด้วยวัย 84 ปีจากอาการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์และโรคหลอดเลือดสมอง โดยฝากผลงานและตำนานอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับโลกฟุตบอลและโดยเฉพาะแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในฐานะ ‘United Trinity’ คนสุดท้าย โดยรูปปั้นของเดนนิสในท่าเหยียดแขนขวาขึ้นสุดพร้อมชี้นิ้วขึ้นสู่ท้องฟ้าอันเป็นท่าฉลองประตูประจำตัวอันคุ้นชินขนาบข้างด้วยสองสหายรักและเพื่อนร่วมทีมอย่างเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ตัน และ จอร์จ เบส หันหน้าเข้าสู่สนามเหย้าของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ได้รับการขนานนามว่า ‘โรงละครแห่งความฝัน’ จะคงอยู่ตลอดไปตราบนานเท่านาน รวมถึงความสามารถอันเป็นตำนานและคุณูปการต่างๆที่เดนนิส ลอว์สร้างขึ้นและฝากไว้ให้กับคนรุ่นหลังก็จะถูกจดจำและกล่าวขานไปอีกนานแสนนานเช่นกัน 

ด้วยจิตคารวะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top