Tuesday, 1 July 2025
ค้นหา พบ 49115 ที่เกี่ยวข้อง

‘มนต์แคน แก่นคูน’ คว้าอันดับ 1 ศิลปินยอดนิยมบน YouTube ประเทศไทย ยอดสตรีมสูงสุดในไทยปีที่ผ่านมา ด้วยการรับชมกว่า 554 ล้านวิว

(11 ม.ค. 68) YouTube Charts เผยอันดับยอดสตรีมประจำปี จัดอันดับศิลปินยอดนิยมและเพลงยอดนิยมปี 2024 ย้อนหลัง 365 วัน ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2024 – 3 มกราคม 2025

จากสถิติในประเทศไทย ‘มนต์แคน แก่นคูน’ ครองอันดับ 1 ศิลปินยอดสตรีมสูงสุดในไทยปี 2024 ด้วยการรับชมกว่า 554 ล้านวิว

รองลงมาคือ ‘SARAN’ ที่รวมยอดสตรีมได้กว่า 416 ล้านวิว ตามมาด้วย ‘บุ๊ค ศุภกาญจน์’ 402 ล้านวิว ‘ILLSLICK’ 400 ยอดวิว ‘Silly Fools’ 369 ล้านวิว และ ‘Jeff Satur’ อยู่ที่ 383 ล้านวิว ตามลำดับ

ส่วนเพลงยอดสตรีมสูงสุดในไทยตกเป็นของ ‘สวยขยี้ใจ’ โดย บุ๊ค ศุภกาญจน์, ทิดแอม & Mos Kammakbin อยู่ที่ 157 ล้านวิว รองลงมาคือ ‘บุษบา’ โดย เมนทอล ที่ 155 ล้านวิว ตามมาด้วย ‘ลองฟังแล’ โดย โต๋เหน่อ ที่ 144 ล้านวิว ‘ความรู้สึกของตัวฉัน’ โดย มนัสวีร์ ที่ 141 ล้านวิว ‘Ghost’ โดย Jeff Satur ที่ 135 ล้านวิว และ ‘Galaxy Express’ โดย D Gerrard ที่ 116 ล้านวิว ตามลำดับ

นอกจากนี้ ‘มนต์แคน แก่นคูน’ ยังคว้าอันดับ 1 รางวัลนักร้องชาย แห่งปี 2567 จาก อีสานโพล (E-Saan Poll) อีกด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็ได้โพสต์ “ ขอบคุณทุกแรงใจครับ”

นายกฯ เปิดงาน!! 'วันเด็ก' ที่กระทรวงศึกษาฯ แนะน้องๆ ต้องเรียนรู้ เพื่อปรับตัวสู่อนาคต

(11 ม.ค. 68) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด ‘เรียนดี มีความสุข Smart Kids ,Happy Future’ โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ และคณะผู้บริหารเข้าร่วม

เมื่อมาถึงตัวแทนเด็กและเยาวชนมอบพวงมาลัยให้นายกฯ จากนั้นนายกฯสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ก่อนเดินมาที่เวทีจัดงาน โดยนายกฯมอบของขวัญให้กับเด็กซึ่งเป็นตัวแทนจากทั่วประเทศ ของขวัญเช่น ตุ๊กตาหมี ลูกฟุตบอล

จากนั้นนายกฯ กล่าวเปิดงานว่า วันนี้ถือว่าเป็นปีแรกของตนในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานวันเด็กที่กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก รมว.ศึกษาธิการ เตรียมงานไว้ดีมาก และเมื่อสักครู่ได้เห็นน้อง ๆ มาแสดงบนเวที เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ รู้สึกว่าน่ารักมาก เก่งมากจำบทได้และสามารถพูดได้ ตนประทับใจ ถือเป็นการเริ่มวันเด็กที่สดชื่นและสดใส ลีลาการเต้น สไตล์การเต้นต้องผ่านการฝึกฝน ความชอบ ความตั้งใจ และความสามัคคีในหมู่คณะ รวมถึงต้องอาศัยทุกอย่างให้โชว์ออกมาได้ดี และน่าประทับใจ ซึ่งพี่ขอชื่นชมและขอสนับสนุนให้น้องๆไปทางด้านนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะมันไม่ใช่การที่เราซ้อมวันสองวันแล้วได้เลยน้อง ๆ ต้องซ้อมเป็นเดือนหรือเป็นปีไปชิงแชมป์โลก นำชื่อเสียงกลับมาให้กับประเทศได้มากขนาดนี้ ก็ขอชื่นชมจากใจจริง

นายกฯ กล่าวต่อว่า เรามีครอบครัวมีพ่อ แม่ พี่ น้อง เราเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ สมัยใหม่ได้เรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง โดยมีผู้ใหญ่คอยอยู่ข้าง ๆ คอยแนะนำและบอกเล่าประสบการณ์ที่ผู้ใหญ่เจอมาเพื่อให้เด็กมีความรู้ มีข้อมูลที่มากพอ พร้อมที่จะตัดสินใจ และทำไมคำขวัญปีนี้ถึงพูดว่า ทุกโอกาส คือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง

ซึ่งทุกโอกาส คือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตเราสามารถเรียนรู้ได้ทุกรุ่น ทุกวัยไม่จำเป็นว่าผู้ใหญ่โตแล้วไม่ต้องเรียนรู้ ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ ทุกคนหันหน้าเข้าหากันเปิดใจ พร้อมเรียนรู้พร้อมรับฟังซึ่งกันและกัน นั่นคือโอกาสแห่งการเรียนรู้ นี่คือที่มาของคำขวัญวันเด็กในปีนี้ และแน่นอนว่าอยากให้น้อง ๆ ได้รู้ว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว วันนี้เทคโนโลยีเข้ามามาก แต่ทุกคนต้องพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับโลก และยุคสมัยให้เรารู้คุณค่าของตัวเรา พร้อมที่จะปรับตัวสู่อนาคต

“ในโอกาสวันเด็กปีนี้ ขอให้น้องๆทุกคนได้มีโอกาสในการเรียนรู้เยอะๆ วันนี้กระทรวงศึกษาธิการ สร้างสิ่งน่าเรียนรู้ไว้รอบตัวเราและสร้างสิ่งที่สนุก ต้องขอขอบคุณทางกระทรวงศึกษาธิการมาก วันนี้น้องๆเรียนรู้ให้เต็มที่มีอนาคตที่สดใส เพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต” นายกฯ กล่าว

จากนั้นนายกฯเดินทักทายเด็ก ๆ เยาวชน และเยี่ยมชมบูธภาครัฐและเอกชนภายในกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้เยี่ยมบูธของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ถ่ายภาพเซลฟี่กับเด็ก ๆ พร้อมแจกลายเซ็นข้อความว่า “เป็นกำลังใจให้น้องต้องตา” นายกฯยังได้อุ้มเด็กน้อย ซึ่งเด็กได้ร้องไห้หลังนายกฯอุ้ม จากนั้นนายกฯเดินมายังซุ้มของคิงพาวเวอร์เพื่อแจกลูกบอลให้กับเด็ก ๆ และได้ถ่ายภาพร่วมกับลูกเสือเนตรนารี

ทั้งนี้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีเด็กๆ และผู้ปกครองสนใจขอถ่ายภาพร่วมกับนายกฯเป็นจำนวนมาก

‘กองทัพเมียนมา’ มีแผนเตรียมปล่อยตัว!! ‘อองซาน ซูจี’ ชี้!! มีความเป็น ‘ชาตินิยม’ สูงกว่า ‘การรักชาติพันธุ์’

หลังจาก ‘เอย่า’ นั่งถกประเด็นศาสนามาในอาทิตย์ก่อน อาทิตย์ที่ผ่านมา ‘เอย่า’ ไปมีโอกาสเดินทางไปยัง ‘เนปิดอว์’ และเข้าพบกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน และนั่นก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ได้ข่าวนี้ออกมา

ช่วงที่ผ่านมามีการโยกย้ายโผทหารในเมียนมาซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นปกติไม่มีอะไร  แต่หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าการโยกย้ายครั้งนี้มีการโยกย้ายทหารที่มีอาวุโสน้อยกว่าแต่มีศักยภาพเข้ามารับตำแหน่งใหญ่ ๆ ในกองทัพหลายคน

ในมุมของนักวิเคราะห์กลาโหมแล้วมองว่าเป็นไปได้ที่ ‘การผลัดใบของกองทัพเมียนมา’ครั้งนี้จะสอดคล้องกับการเลือกตั้งที่ว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ หลังการสำรวจสำมะโนประชากรเสร็จสิ้น

อีกเรื่องคือมีข่าวว่าทางกองทัพเมียนมามีแผนจะปล่อยตัว ‘นางอองซาน ซูจี’ ด้วยหากการเลือกตั้งเป็นไปตามแผนการ  ซึ่งล่าสุดตามที่เอย่าได้ข่าวมาสายข่าวระบุว่านางซูจียังสบายดีอยู่ในเรือนรับรองของที่กองทัพฯ จัดหาให้ มีอาหาร คนรับใช้และแพทย์ดูแลใกล้ชิด

แต่ดูเหมือนฝ่ายต่อต้านก็จะรู้ทันโดยเฉพาะเรื่องการสำรวจสำมะโนประชากรว่าหากทำสำเร็จ ทางกองทัพจะดำเนินแผนการเลือกตั้งตามที่วางไว้และเมื่อรัฐบาลใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นรัฐบาลผสมที่มีทั้งพรรคใหญ่และพรรคของชาติพันธุ์ ซึ่งนั่นอาจจะไม่ถูกใจกลุ่มต่อต้านนัก

แม้กลุ่มต่อต้านจะถือกำเนิดขึ้นจากกลุ่ม NLD แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันหัวโจกกลุ่มต่อต้านคือคนพม่าที่อยู่นอกประเทศและเป็นพวกที่ติดต่อกับชาติตะวันตกเพื่อนำเงินทุนมาสนับสนุนการก่อความไม่สงบในประเทศ 

คำถามสุดท้ายในใจ ‘เอย่า’ จึงเกิดขึ้นว่าหากมีการปล่อยตัว ‘นางอองซาน ซูจี’ จริงแล้วจะยังไงต่อ นายทหารท่านนั้นกล่าวกับทางเอย่าว่า ตลอดมาท่านซูจีเป็นคนที่มีชาตินิยมสูงมากเทียบไปก็ต้องบอกว่าสูงกว่าการรักชาติพันธุ์เสียอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่นางพยายามทำให้เกิดรัฐบาลพรรคเดียวเพราะไม่ต้องการให้ชาติพันธุ์มามีอำนาจต่อรองกับรัฐบาลกลางที่ชาวเมียนมาเป็นผู้ปกครอง แต่ทว่าทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไปแล้วเพราะตลอดมาจะเห็นได้ว่าเมื่อกองกำลังหลายกองกำลังก็รบสร้างรายได้จากการสนับสนุนโดยตรงจากชาติตะวันตก ซึ่งนั่นเป็นโจทก์ใหญ่มากที่ทางกองทัพทุ่มเทดูแลท่านซูจีอย่างดีเพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับท่านซูจีในช่วงที่อยู่ในการอารักขาของกองทัพอีกฝ่ายจะเอามาโจมตีได้  และต่อให้ปล่อยตัวท่านแล้วอาจจะมีการลอบสังหารท่านเพื่อป้ายสีมายังกองทัพเมียนมาเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เลวร้ายลงก็เป็นได้ ส่วนสถานการณ์คนเมียนมาในต่างแดนเช่นไทยจะเลิกระดมทุน เลิกรบ เดินทางกลับเมียนมาไหม นายทหารท่านนั้นเชื่อว่าไม่  เพราะทุกวันนี้กลุ่มต่อต้านไม่ได้ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์อยู่แล้ว คนเหล่านั้นทำเพราะได้เงินส่วนแบ่งต่างหาก ยกเว้นคนที่ไม่รับรู้เลยเท่านั้นที่ยังยินยอมพร้อมใจจะตกเป็นเหยื่อคนกลุ่มนี้ต่อไป

‘เอกนัฏ’ หนุน!! เปลี่ยนใบอ้อยเป็นเงิน สร้างรายได้เกษตรกร วอน!! หยุดเผา ช่วยลดฝุ่น PM 2.5 สร้างมูลค่าเพิ่ม อย่างยั่งยืน

(11 ม.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้มอบนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ปฏิรูปอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่มีความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ซึ่งคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนแนวทางและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 โดยได้เสนอของบประมาณจากรัฐบาลกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% ซึ่งจะมีการจ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยเฉพาะเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด และเพิ่มราคารับซื้อใบและยอดอ้อย เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบด้านพลังงานป้อนโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวลหรือโรงงานที่ใช้พลังงานชีวมวล ซึ่งมาตรการดังกล่าว

จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยอย่างยั่งยืน เนื่องจากจะทำให้ชาวไร่อ้อยเห็นคุณค่าและช่องทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มของใบและยอดอ้อย ทำให้ลดการเผาใบและยอดอ้อยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

ด้านนายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า ภายหลังจากที่ สอน. ได้ทำจดหมายขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย พร้อมทั้งยุติการรับอ้อยเผาไฟเข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น. เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาล สะท้อนได้จากสถานการณ์อ้อยเข้าหีบของโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ ณ วันที่ 8 มกราคม 2568 ที่มีตัวเลขอ้อยถูกเผาอยู่ในระดับคงที่กว่า 4 ล้านตัน คิดเป็น 20.18% ของปริมาณอ้อยที่รับเข้าหีบทั้งหมดกว่า 19 ล้านตัน 

“สอน. จึงขอความร่วมมือมายังเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้ช่วยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีผลิตส่งเข้าหีบโรงงานน้ำตาล รวมทั้งไม่เผาใบอ้อยหลังเก็บเกี่ยว ขณะเดียวกันขอความร่วมมือจากโรงงานน้ำตาลให้งดรับซื้ออ้อยเผา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดการเกิดฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและชุมชนใกล้เคียง รวมทั้งผลักดันมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และสร้างอากาศสะอาดและบริสุทธิ์ ไร้มลภาวะฝุ่น PM 2.5 ปฏิรูปอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ให้เป็นอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่มีความยั่งยืน ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล และแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างถาวรตามนโยบาย รัฐมนตรีฯ” นายใบน้อยฯ กล่าวทิ้งท้าย

‘พรรคประชาชน’ จัดงานวันเด็ก ‘ไอติม’ ปลื้ม!! ร่าง พ.ร.บ.ไม่ตีเด็ก ผ่านสภาฯ ย้ำ!! สร้างระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ เพื่อประโยชน์อันสูงสุด ของเด็กทุกคน

(11 ม.ค. 68) ที่อาคารอนาคตใหม่ ‘พรรคประชาชน’ จัดกิจกรรมวันเด็ก ‘เมื่อทุกคนเลือกห้องเรียนเองได้’ โดยบรรยากาศที่อาคารอนาคตใหม่เป็นไปอย่างคึกคัก เด็ก ผู้ปกครอง และประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมตั้งแต่เช้า นอกจากนี้ยังมีการแถลงข่าวสรุปร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน พร้อมเปิดตัว e-book โดยเปิดให้เด็กและประชาชนที่มาร่วมงานสามารถชมเบื้องหลังการแถลงข่าวได้ 

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในวันเด็กทุก ๆ ปีคำขวัญวันเด็ก เป็นสิ่งที่สังคมมักให้ความสนใจ แม้เป็นธรรมเนียมที่เราคุ้นชินกันมายาวนานกว่า 60 ปี ตนและพรรคประชาชนมองว่าในฐานะคนทำงานการเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กและเยาวชนในประเทศเรา อาจไม่ใช่คำขวัญ ที่เป็นการสรุปสิ่งที่ผู้ใหญ่ในสังคมคาดหวังจากพวกเขา แต่คือคำสัญญาว่าพวกเราจะทำให้อนาคตพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร 

ย้อนไปเมื่อวันเด็กปีที่แล้ว (13 ม.ค. 2567) คำสัญญาหนึ่งที่เราได้แถลงต่อสาธารณะ คือการผลักดันร่าง พ.ร.บ. ไม่ตีเด็ก เพื่อทำให้บ้าน สถานศึกษา และทุกพื้นที่ในสังคม เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เด็กทุกคนสามารถเติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ถูกลงโทษในลักษณะที่เป็นการใช้ความรุนแรงต่อร่างกายหรือจิตใจเด็ก ผ่านไปไม่ถึง 1 ปี ภูมิใจที่พรรคประชาชนและฝ่ายต่างๆ ในรัฐสภาร่วมกันผลักดันให้กฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของทั้งสองสภาได้โดยสำเร็จ 

นายพริษฐ์กล่าวว่า ในวันเด็กปีนี้11 ม.ค. 2568 เราจึงใช้โอกาสเปิดตัวร่าง พ.ร.บ. การศึกษาของพรรคประชาชน ที่เราจะยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และหวังจะผลักดันร่วมกับพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อหวังให้สภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อยได้ลงมติรับหลักการร่างดังกล่าว ก่อนจะถึงวันเด็กในปีหน้า ตนเชื่อว่าพวกเราเห็นตรงกัน ว่าท่ามกลางปัญหาต่างๆของการศึกษาไทย ทั้งเรื่องคุณภาพ ความเหลื่อมล้ำ ความสุขผู้เรียน และภาระงานครู และความท้าทายใหม่ๆ ที่เข้ามา เราจะปล่อยให้การศึกษาไทยไปต่อแบบเดิมไม่ได้ แม้หลายปัญหาถูกแก้ไขได้โดยไม่ต้องรอการแก้ไขกฎหมาย แม้กฎหมายฉบับเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาการศึกษาได้ทั้งหมด แต่การผลักดัน พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับใหม่ จะเป็นกระดุมเม็ดแรกที่สำคัญ ในการสร้างบทสนทนาและวางรากฐานสำหรับระบบการศึกษาที่เราอยากเห็น  เพื่อพลิกโฉมการศึกษาและพาไทยเท่าทันโลก พวกเราพรรคประชาชนจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนมาร่วมกันผลักดัน พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน ที่เราหวังว่าจะตอบโจทย์ผู้เรียน และยึดประโยชน์และอนาคตของผู้เรียนอยู่ในทุกมาตรา หากทำสำเร็จ พวกเราจะมีระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ผู้เรียนในอย่างน้อย 5 ด้านสำคัญ

1.สิทธิและสวัสดิการด้านการศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน จะได้รับสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ครอบคลุมและถูกรับประกันอย่างรัดกุมกว่าที่เคยเป็นมา (เช่น เรียนฟรีจนอย่างน้อยจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใช้บริการแหล่งเรียนรู้ของรัฐได้ฟรี การเรียนการสอนที่มีคุณภาพ อุปกรณ์การเรียนที่ครบถ้วน การส่งเสริมสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ สถานศึกษาที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง)ผู้ปกครองและผู้ดูแล จะได้รับสิทธิในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และช่องทางพัฒนาทักษะในการส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูก รวมถึงข้อมูล สถิติ สารสนเทศ ที่จำเป็นหรือเป็นประโยชน์ต่อการร่วมวางแผน-ติดตามการเรียนรู้ของลูก

2.บุคลากรทางการศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- ครู จะมีเวลา-แรงจูงใจ-สมรรถนะ-สวัสดิภาพที่มั่นคง ในการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ (เช่น การกำหนดมาตรฐานเพื่อลดภาระงานครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน ระบบการประเมินครูที่เชื่อมโยงกับผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน การเข้าถึงการพัฒนาสมรรถนะของครูอย่างสม่ำเสมอโดยเน้นการใช้สถานศึกษาเป็นฐาน การมีส่วนร่วมของครูในการสรรหาและประเมินการทำงานหน้าที่ของผู้บริหาร)
- บุคลากรทางการศึกษา จะมีครอบคลุมได้หลากหลายตำแหน่ง ซึ่งสอดคล้องกับความท้าทายในการจัดการเรียนรู้ในยุคใหม่ (เช่น นักจิตวิทยา นักการภารโรง นักธุรการ นักการเงิน นักพัสดุ นักโภชนาการ นักเทคโนโลยีการศึกษา)

3.การเรียนการสอน ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- หลักสูตร จะมี 3 ระดับ (กรอบหลักสูตรระดับประเทศ กรอบหลักสูตรระดับพื้นที่ หลักสูตรสถานศึกษา) เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการรองรับความหลากหลายของผู้เรียน โดยจะมีการทบทวนกรอบหลักสูตรระดับชาติอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 5 ปี เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง
- ระบบการประเมิน จะต้องมีความเชื่อมโยงกันทั้งระบบ มีการคำนึงถึงความพึงพอใจของนักเรียน ผู้ปกครอง ผู้ปฏิบัติงานในสถานศึกษา และชุมชนรอบข้างสถานศึกษา ไม่สร้างภาระต่อครูและบุคลากรทางการศึกษาเกินความจำเป็น และไม่กระทบต่อกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน เทคโนโลยีด้านการศึกษา (เช่น แพลตฟอร์มการเรียนรู้ สื่อการเรียนการสอน เครื่องมือสำหรับครูและห้องเรียน) จะต้องได้รับการส่งเสริมทั้งด้านการผลิต การพัฒนา และการยกระดับทักษะบุคลากรในการใช้งาน โดยมีมาตรฐานการจัดเก็บ แลกเปลี่ยน และใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านการศึกษา อย่างเป็นระบบ

4.สถานศึกษา ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- สถานศึกษา จะมีอิสระและอำนาจมากขึ้น ในการจัดการศึกษา (เช่น อำนาจด้าน 'วิชาการ' ในการออกแบบหลักสูตรสถานศึกษาของตนเอง อำนาจด้าน 'งบประมาณ' ในการได้รับเงินอุดหนุนแบบวงเงินรวม (block grant) ที่ไม่กำหนดวัตถุประสงค์ อำนาจด้าน 'บุคลากร' ในการร่วมสรรหาและบรรจุบุคลากรของตนเอง) คณะกรรมการสถานศึกษา จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยตัวแทนของภาคส่วนต่าง ๆ ที่หลากหลายขึ้น อำนาจหน้าที่ที่กว้างขวางขึ้น และการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นเรื่องค่าตอบแทน ทรัพยากร และองค์ความรู้
- สถานศึกษาหลากหลายรูปแบบ จะได้รับการปลดล็อก โดยเฉพาะการศึกษานอกระบบโรงเรียน (เช่น บ้านเรียน ศูนย์การเรียน) ที่จะสามารถจัดได้สำหรับนักเรียนทุกประเภท โดยที่รัฐจะต้องคำนึงถึงความเสมอภาคในการอุดหนุนผู้เรียนในสถานศึกษาทุกสังกัดและทุกรูปแบบ

5.กระทรวงศึกษาธิการ ที่ตอบโจทย์ผู้เรียน
- โครงสร้างกระทรวง จะมีการออกแบบใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยกระบวนการการที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ซึ่งจะเกิดขึ้นภายใน 2 ปี หลัง พ.ร.บ. การศึกษา บังคับใช้ โครงสร้างกระทรวง (ส่วนกลาง) จะมุ่งสู่การทำงานอย่างเป็นเอกภาพ & เน้นบทบาทในการกำหนดมาตรฐานสำหรับสถานศึกษา (regulator) มากกว่าการดำเนินงานภายในสถานศึกษา (operator) (เช่น มาตรฐานทางวิชาการ เกณฑ์ในการบริหารงานบุคคล สูตรในการจัดสรรงบประมาณระหว่างสถานศึกษาที่เป็นธรรม)
- โครงสร้างกระทรวง (ในพื้นที่) จะจะมุ่งสู่การทำงานอย่างไม่ซ้ำซ้อน & เน้นบทบาทเรื่องการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนสถานศึกษา (facilitate) มากกว่าเรื่องการสั่งการและบังคับบัญชาสถานศึกษา (command & control)
- องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเข้ามามีบทบาทได้มากขึ้นในภารกิจด้านการศึกษาและการเรียนรู้ รวมถึงได้รับการปลดล็อกให้สามารถสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรให้กับผู้เรียนหรือสถานศึกษาทุกสังกัดทุกแห่งในท้องถิ่นของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองได้

นายพริษฐ์กล่าวว่า แม้ต่างพรรคการเมืองต่างมีร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ของตนเอง ซึ่งอาจมีเนื้อหาทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่เราหวังว่าการผลักดัน พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับใหม่ จะเป็นภารกิจที่ทุกพรรคพร้อมทำงานและผลักดันร่วมกันต่อไปในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อชีวิตความเป็นอยู่และอนาคตของเด็กทุกคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top