Friday, 4 July 2025
ค้นหา พบ 49191 ที่เกี่ยวข้อง

‘ดร.เสรี’ ชี้!! ประเทศชาติ เป็นเช่นนี้ จะโทษ!! ‘นักการเมือง’ อย่างเดียวไม่ได้

(5 ม.ค. 68) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ...

คนรักชาติ หาว่าเขาคลั่งชาติ

คนเป็นนักโทษหนีคดี หาว่าเป็นผู้ต้องหา

เขาต้องเขามาติดคุกตามคำพิพากษาของศาล กลับบอกว่าให้มาแก้ข้อกล่าวหา คดีตัดสินไปแล้ว จะมาแก้ข้อกล่าวหาอะไรอีก

จะให้ทหารจัดการกับยาเสพติดภายใน 6 เดือน มันใช่หน้าที่เขาไหม แล้ว 6 เดือนจะทำได้จริงหรือ พูดไม่คิดเนาะ

สัญญาแล้วทำไม่ได้ ไม่รู้กี่เรื่องแล้ว แต่ประชาชนจำนวนหนึ่ง ก็ยังคงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารบ้านเมือง

ลองพิจารณาหน่อยนะว่าสิ่งที่เขาอยากทำนั้น มันเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง กับประชาชน หรือกับพวกเขากันเอง

MOU 44 เพื่อใคร

Entertainment Complex เพื่อใคร

แจกเงินดิจิทัลหวังผลอะไร

คิดดูกันหน่อยนะ จะได้หย่อนบัตรเลือกตั้งให้มีคุณภาพดีกว่านี้ อย่าเลือกเพราะเห็นแก่ได้กันนักเลย

ประเทศชาติเป็นเช่นนี้ โทษนักการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโทษประชาชนที่เลือกพวกเขาเข้ามาด้วย ไม่เคยหลาบจำว่าพวกเขาทำตามสัญญาไม่ได้

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ชำแหละ!! 'เพนกวิน' เสียจุดยืน!! เหมือนซากศพ เดินได้พูดได้

(5 ม.ค. 68) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ว่า …

เสียอะไร

เพนกวินเสียจุดยืน อะไรคือจุดยืนของเพนกวิน

ที่รู้แน่ๆ เพนกวินทิ้งมวลชนที่ปลุกระดม ให้คนอื่นออกมาร่วมต่อสู้ ไม่ต้องกลัวสู้กับสถาบัน สู้ล้มล้างม.112

แต่ตอนนี้ กวิ้นสบายแล้ว เมกาให้ที่อยู่ ให้ทุนเรียนหนังสือ ให้เงินใช้

ทิ้งมวลชนให้ตกระกำต่อสู้กับคดี 112 นี่คือ ตัวอย่างของผู้นำที่ดีมากๆ คนหนึ่ง

ภาพข่าวเพนกวินเข้าพบ ออท.เมกา แสดงว่า สนิทสนมซี้กันเป็นพิเศษ

ไม่แปลกใจที่เพินกวินไปโผล่เมกา ซุกปีกพญาอินทรีเมกา

นับจากนี้ เพนกวินจะเหมือนซากศพ เดินได้พูดได้แต่หมดความน่าเชื่อถือ

นอกจากจะชวนคนอื่นๆอพยพตามไปอยู่ เมกาใหญ่โตคงพอรับผู้ศรัทธาได้นับหมื่นคน

‘คนเสื้อแดง’ เชียงราย แห่รับ!! 'ทักษิณ' เตรียม!! ปราศรัยหาเสียง ‘นายกฯ อบจ.’

(5 ม.ค. 68) เวลา 09.30 น. ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ของนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายกอบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เดินทางถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยได้ใช้บริการสายการบินพาณิชย์ ก่อนที่จะเดินทางขึ้นเวทีปราศรัยด้วยรถตู้เล็กซัส สีดำ ทะเบียน ขย 111 กรุงเทพมหานคร

จุดแรกช่วงเที่ยงจะไปที่โรงเรียนปล้องวิทยาคม อ.เทิง และโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม อ.เชียงของ ในช่วงบ่าย จากนั้นในช่วงเย็น นายทักษิณจะขึ้นปราศรัยที่โรงเรียนแม่จันวิทยาคม

ทันทีที่มาถึงนายทักษิณ ได้เดินมาพบกับกลุ่มคนเสื้อแดง จ.เชียงราย ที่มารอให้การต้อนรับ โดยคนเสื้อแดงได้มอบพวงมาลัย ขอกอด และขอถ่ายรูปร่วมกับนายทักษิณ แน่นสนามบินแม่ฟ้าหลวง

‘โฆษก ก.ต่างประเทศ’ แถลงไม่ทิ้ง!! ลูกเรือประมงไทย ย้ำ!! เดินหน้าประสาน ทางการเมียนมา เพื่อขอให้ปล่อยตัว

(5 ม.ค. 68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงการ เกี่ยวกับ ‘ลูกเรือประมงไทย’ โดยมีใจความว่า ...

ตามที่เกิดเหตุการณ์ลูกเรือประมงไทย 4 คนถูกจับโดยกองทัพเรือเมียนมา และถูกตัดสินคดีต้องโทษจำคุกเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันผลักดันกับทางการเมียนมาเพื่อขอให้มีการปล่อยตัวลูกเรือทั้ง 4 คนโดยเร็ว นั้น

จากการประกาศของทางการเมียนมาในเรื่องการปล่อยตัวผู้ต้องขัง และนักโทษต่างชาติเมื่อวานนี้ (4 มค. 68) รวมนักโทษชาวไทยจำนวน 152 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้มีการดำเนินการก่อนหน้านี้ ในการนี้ กระทรวงกระทรวงการต่างประเทศขอขอบคุณฝ่ายเมียนมา อย่างไรก็ดี ขอเรียนว่า ในการประกาศครั้งนี้ ยังไม่พบรายชื่อลูกเรือไทยทั้ง 4 คน ที่ถูกจับกุมล่าสุด รวมอยู่ด้วย จึงเป็นที่ผิดหวังที่กระบวนการปล่อยตัวกลุ่มดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จในครั้งนี้ โดยฝ่ายเมียนมายังอยู่ในระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง

ในทางการทูต กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่มาโดยตลอดและจะดำเนินการต่อไป ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ พยายามผลักดันให้มีการปล่อยตัวโดยเร็ว บนพื้นฐานของการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน โดยเรื่องดังกล่าวมีคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ TBC ที่จะต้องหารือข้อสรุปร่วมกัน ซึ่งรวมถึงแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีกในอนาคต

ทั้งนี้ ในห้วงที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ผลักดันและติดตามกับทางการเมียนมาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้งขอการเข้าถึงทางกงสุล (consular access) ในหลายช่องทาง ทั้งการโทรศัพท์พูดคุยกับลูกเรือทั้ง 4 คน เพื่อสอบถามสารทุกข์สุกดิบและให้กำลังใจ และล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มค. 2568 เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับอนุญาตให้นำผู้แทนญาติของลูกเรือไทยเข้าเยี่ยมลูกเรือไทยทั้ง 4 คน ที่จังหวัดเกาะสอง ภาคตะนาวศรี  ซึ่งพบว่าลูกเรือไทยทั้ง 4 คน มีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังใจดี ได้รับการดูแลตามความเหมาะสม  และได้รับอาหารครบ 3 มื้อ โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้นำสิ่งของจำเป็นไปมอบให้แก่ลูกเรือทั้ง 4 คนด้วย รวมทั้งได้แจ้งกับลูกเรือเกี่ยวกับสถานะการดำเนินการล่าสุดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในการผลักดันกับฝ่ายเมียนมาเพื่อนำไปสู่การปล่อยตัวโดยเร็ว

สุดท้ายนี้ ขอเรียนว่า กรณีนี้ มีความละเอียดอ่อนทั้งในแง่เรื่องการปล่อยตัวลูกเรือชาวไทย ประเด็นปัญหาการทำประมงของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งความสัมพันธ์ในภาพรวมของสองประเทศ ดังนั้น จึงต้องอาศัยความอดทนและช่องทางการเจรจาอย่างแนบเนียน โดยดำเนินการ ดังนี้ 

(1.) เร่งช่วยเหลือให้ลูกเรือได้รับการปล่อยตัว ซึ่งย่อมขึ้นอยู่กับกระบวนการภายในต่างๆ ของเมียนมาด้วย โดยกระทรวงการต่างประเทศจะผลักดันทางการทูตต่อไป 

(2.) แก้ไขปัญหาผ่านกลไก TBC ร่วมกันกับฝ่ายเมียนมาต่อไป 

ขอให้มั่นใจว่ากระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะติดตามและดำเนินการทุกอย่างในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ ผ่านทุกช่องทางอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้คนไทยทั้ง 4 คนได้รับการปล่อยตัวต่อไป

แรงงานไทย 250 ชีวิต ฝันสลาย!! หวังได้บินไปทำงาน หารายได้ ที่ต่างประเทศ สุดท้ายรอเก้อ!! ไม่มีตั๋วเครื่องบิน ถูกหลอก สูญเงินรวมกันกว่า 12 ล้านบาท

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 68) เวลา 21.00 น. ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนหน้า ในอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีทางด้านกลุ่มแรงงานไทยทั้งชายหญิงเกือบ 50 ชีวิต หอบกระเป๋าเดินทาง รวมตัวกันมาขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนของ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากที่ผู้เสียหายทั้งหมด ได้ทำการโอนเงินให้กับหญิงสาวรายหนึ่ง เพื่อจะได้ไปทำงานการเกษตรและอุตสาหกรรมในประเทศปลายทางคือ อิสราเอล โดยมีการนัดกำหนดเดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิในช่วงสี่ทุ่มของคืนนี้ แต่พอใกล้เวลาผู้เสียหายทั้งหมดไปเช็กตั๋วเดินทางกลับไม่พบข้อมูลการจองตั๋วเที่ยวบินเพื่อเดินทางแต่อย่างใด จึงพากันมาแจ้งความในครั้งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำ

นางสลิลทิพย์ หนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งเป็นชาว จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า บุตรชายตนได้รับการติดต่อจากคนรู้จักกันบอกปากต่อปากกันมาชักชวนให้ไปทำงานด้านการเกษตร มีรายได้ดี จึงตอบตกลงและโอนเงินจำนวน 60,000 บาท ให้กับ น.ส.ออย ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนในการจัดหาคนงานไปทำงาน โดยนัดบินในค่ำคืนนี้จึงพากันเดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่พอมาถึงไม่พบว่ามีการจองตั๋วเครื่องบินแต่อย่างใด พอถาม น.ส.ออย กลับได้รับคำตอบว่าติดต่อคนที่รับงานและรับเงินไปไม่ได้ ซึ่งมีผู้เสียหายประมาณ 250 คน

เช่นเดียวกับ นายธนายุทธ อายุ 36 ปี ชาว จ.สกลนคร ได้โอนเงินไป 120,000 บาท และเหมารถเดินทางมาจากสกลนคร ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ได้รับการชักชวนติดต่อจาก น.ส.ออย และได้มีการโอนเงิน เพื่อหวังได้ไปทำงาน เนื่องจากมีการระบุเชิญชวนว่าหากไปทำงานจะได้รับเงินเดือนเฉลี่ยเดือนละ 70,000 บาทโดยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมเงินกว่าสองแสนบาท แต่จะต้องจ่ายก่อน 120,000 บาท ที่เหลือหักจากเงินเดือน ที่ตนเองหลงเชื่อใจเพราะมีการบอกกันปากต่อปากว่าสามารถพาไปทำงานได้จริง มีคนเคยไปแล้วหลายคน จึงหลงเชื่อโอนเงิน จนมีการนัดหมายให้มาเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิในคืนนี้เพื่อเดินทาง ซึ่งตนเองก็มารอตั้งแต่เช้าจนใกล้ถึงเวลากลับไม่มีไฟลต์หรือตั๋วเครื่องบินแต่อย่างใด

ขณะที่ น.ส.ออย อายุ 28 ปี หญิงสาวนายหน้าที่จัดหาและชักชวนกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดว่าจะพาไปทำงานในออสเตรีย และเป็นบุคคลที่ผู้เสียหายทั้งหมดโอนเงินผ่านบัญชี ซึ่งเจ้าตัวก็เดินทางมาขอลงบันทึกประจำวันเอาไว้ด้วยเช่นกัน โดยอ้างว่าเธอก็ตกเป็นผู้เสียหาย พร้อมกล่าวว่า ตนเองไปรู้จักกับรุ่นพี่ที่เคยทำงานด้วยกันคนหนึ่ง ชื่อว่า ฟ้า ได้มาชักชวนว่าสามารถพาคนไทยไปทำงานที่ประเทศออสเตรียได้ หากตนสามารถหาคนไปทำงานที่ออสเตรียได้ จะได้ค่าตอบแทนหัวละ 2,000 บาท ส่วนใครที่จะไปทำงานจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตั้งแต่ 30,000–60,000 บาท หรือบางคนหนึ่งแสนถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท แล้วแต่ระยะเวลาที่จะอยู่ทำงานที่นั่น

น.ส.ออย กล่าวต่อว่า น.ส.ฟ้า ได้อ้างบอกตนว่า ทำงานในสถานทูตออสเตรียประจำประเทศไทย โดยทุกครั้งที่มีเงินของผู้เสียหายเข้ามาผ่านบัญชีของตนแล้ว ตนก็จะเบิกเงินฝากเป็นเช็คให้กับ น.ส.ฟ้าโดยนัดมอบกันที่หน้าสถานทูตออสเตรีย ซึ่งรวมผู้เสียหายแล้วประมาณ 250 คน รวมเป็นเงินที่นำฝากผ่านเช็คให้กับ น.ส.ฟ้า ไปรวมกว่า 12 ล้านบาท หลังจากที่ส่งมอบเงินและเอกสารของผู้เสียหายทั้งหมดแล้ว ทาง น.ส.ฟ้า บอกว่าจะจัดการการเดินทางทั้งหมดให้ ซึ่งมีกำหนดการเดินทางในค่ำคืนนี้ โดยให้ผู้เสียนำพาสปอร์ตมาแสดงที่เคาน์เตอร์ของสายการบินเท่านั้น จึงนัดผู้เสียหายทั้งหมดมาเจอกันที่สนามบิน จนใกล้เวลาไปเช็กบอร์ดดิ้งการ์ดหรือตั๋วเครื่องบินกลับไม่พบข้อมูลการเดินทางไม่มีรายชื่อแต่อย่างใด พอโทรฯ กลับไปหา น.ส.ฟ้า กลับติดต่อไม่ได้ จึงพาผู้เสียหายทั้งหมดมาพบตำรวจ

ขณะที่ ร.ต.อ.ชนธัญ พรหมรักษา รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ออกมาแนะนำกลุ่มผู้เสียหาย เบื้องต้นผู้เสียหายจะต้องแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่มีการโอนเงิน แต่เนื่องด้วยผู้เสียหายมีจำนวนมากและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก จึงมีการแนะนำให้กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อสะดวกกับการทำสำนวนคดี

โดยผู้เสียหายทั้งหมดนัดรวมตัวเตรียมเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามใน วันจันทร์ที่ 6 ม.ค. 68 ในเวลา 10.00 น.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top