Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

‘รมว.ปุ้ย’ ระทึก!! หลังเจอเหตุพาวเวอร์แบงก์บึ้ม ไฟลต์ กทม.-เมืองคอน จี้สนามบินตรวจ ‘มอก.’ ก่อนขึ้นเครื่อง สั่ง ‘สมอ.’ คุมเข้มโรงงานผลิต-นำเข้า

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินโดยสารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3188 ระหว่างกำลังบินจากสนามบินดอนเมืองมุ่งหน้านครศรีธรรมราช เกิดเหตุการณ์พาวเวอร์แบงก์ของผู้โดยสารระเบิดบนเครื่องบิน ทำให้ผู้โดยสาร 186 ชีวิต ต่างอยู่ในอาการแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนลูกเรือบนเครื่องบินสามารถดับไฟได้สำเร็จ

ทั้งนี้ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หนึ่งในผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าว ระบุว่า เดินทางคนเดียวเพื่อกลับบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อไปหาลูกสาว 2 คน โดยนั่งข้างหน้าแถวที่ 2 แต่จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณกลางๆ ของเครื่อง อยู่ดีๆ มีคนส่งเสียง ลุกขึ้น เราก็หันดูว่าเกิดเหตุอะไร ได้กลิ่นไหม้ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แอร์โฮสเตสบอกให้นั่งลงและเดินไปเดินมาหาตัวดับเพลิง

“ตอนนั้นคิดว่าน่าจะอะไรไหม้สักอย่างแต่ไม่รู้ สักพักแอร์โทรหากัปตันและเข้าไปห้องกัปตันก่อนจะออกมา และเดินไปเดินมาสักพัก ซึ่งตัวเองก็ตกใจและดูนาฬิกาว่าใกล้ถึงหรือยัง ก็เหลือประมาณ 15 นาทีจะถึง แต่ก็สงสัยว่าตกลงเป็นอะไร เพราะไม่มีการพูดอะไร แต่มีคนตกใจยืนอยู่” น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าว และว่า จากนั้นแอร์ก็ไปหยิบถังขยะมาและใส่ถุงพลาสติก และหยิบน้ำจากขวดเล็กๆ จากตู้รถเข็นอาหารมาเททีละขวด ส่วนตัวเมื่อเห็นแล้วจึงเข้าไปช่วย เพราะคิดว่าชีวิตเราขึ้นอยู่กับน้ำตรงนี้หรือเปล่า เลยเข้าไปช่วยทันที และมีผู้โดยสารอีก 2 คนไปช่วยกัน ตอนนั้นไม่รู้แอร์จะเอาไปทำอะไร แต่ก็ช่วยไปก่อน จนแอร์ดับไฟสำเร็จ

น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า พอลงเครื่องมาก็ยังไม่ได้ถามอะไรกับสายการบิน เพราะเจอเหตุการณ์ของเครื่องบินบ่อย เช่น ล้อไม่กาง แต่ครั้งนี้มีกลิ่นและเป็นไฟเลยกังวลกว่าปกติ จนมารู้ทีหลังว่ามีนักข่าวในพื้นที่นครศรีธรรมราชนั่งอยู่ในเครื่องไปโพสต์และเป็นข่าวออกมา จึงโทรไปถามว่าอยู่บนเครื่องด้วยหรือ จึงทราบว่านักข่าวนั่งข้างหลัง เห็นเหตุการณ์ นักข่าวบอกเห็นประกายไฟ

“เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าแอร์ก็แก้ปัญหาได้ดี มีสติ แต่ไม่มีประกาศอะไรออกมา คนที่ลุกก็คือคนที่เกิดเหตุ ส่วนตัวพอรู้ว่าเป็นไฟ นึกถึงลูกๆ เลย ลูก 2 คน มองว่าเป็นการจัดการของสายการบิน ก็โอเค เพราะทุกคนไม่ตื่นตูม ไม่ช็อกตกใจจนอาจทำอะไรที่อันตรายได้ อย่างผู้โดยสารข้างๆ ก็พยายามถามแอร์ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แอร์ไม่ตอบ เพราะกำลังพยายามแก้ไขปัญหาตรงหน้า” น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าว

น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์นี้ในฐานะผู้อยู่ในเหตุการณ์เข้าใจการทำงานของสายการบินแอร์เอเชีย แต่ก็รู้สึกห่วงใยผู้โดยสาร ประชาชน เพราะแทบทุกคนต่างพกพาวเวอร์แบงก์ขึ้นเครื่อง ดังนั้น จะสั่งการให้ นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้าไปดูเรื่องความปลอดภัยที่เข้มข้น เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนให้มากที่สุด

น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวอีกว่า อยากเรียกร้องให้ผู้บริโภค สายการบิน และเจ้าหน้าที่สนามบิน ตรวจสอบพาวเวอร์แบงก์ที่ผู้โดยสารจะนำขึ้นเครื่อง ต้องมีสัญลักษณ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เท่านั้น เนื่องจากพาวเวอร์แบงก์เป็นสินค้าควบคุมของ สมอ.ตั้งแต่ปลายปี 2563 คุณภาพต้องได้มาตรฐาน อาทิ ทนความร้อน ความจุไฟฟ้าที่กำหนด ที่ผ่านมา สมอ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มโรงงานผลิตรวมถึงผู้นำเข้า

หากพบผู้ใดฝ่าฝืนนำเข้า หรือผลิตพาวเวอร์แบงก์ไม่ขออนุญาตจะมีโทษตามกฎหมาย กรณีที่ทำ หรือนำเข้าสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ล่าสุดสายการบินแอร์เอเชียออกแถลงการณ์ว่า ชี้แจงกรณีเที่ยวบิน FD3188 เส้นทางดอนเมือง-นครศรีธรรมราช ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง เวลา 07.20 น. ได้พบเหตุแบตเตอรี่สำรอง (พาวเวอร์แบงก์) ของผู้โดยสารที่เดินทางในเที่ยวบินดังกล่าวเกิดมีควันและไฟลุกไหม้ ซึ่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ได้รับการฝึกนำถังดับเพลิงควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยผู้โดยสารทุกคนปลอดภัย และเที่ยวบินได้ลงจอด ณ ท่าอากาศยานปลายทางอย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ สายการบินขอขอบคุณผู้โดยสารที่นั่งบริเวณดังกล่าวที่ช่วยสังเกต พร้อมให้ความช่วยเหลือร่วมมือกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินด้วยความเรียบร้อยเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สายการบินแนะนำผู้โดยสารทุกคนโปรดตรวจสอบแบตเตอรี่สำรองก่อนนำขึ้นเครื่องให้มีคุณภาพและขนาดตามที่กำหนด โดยแบตเตอรี่สำรองจะไม่ได้รับอนุญาตให้บรรจุลงในสัมภาระใต้ท้องเครื่อง (ถือขึ้นเครื่องตามขนาดที่กำหนดเท่านั้น) เนื่องจากหากพบเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ พนักงานที่ได้รับการฝึกจะสามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที

‘ศาลอาญา’ ไม่ให้ประกันตัว ‘ตะวัน-แฟรงค์’ คดีป่วนขบวนเสด็จฯ พร้อมเผย ทั้งคู่มีแพทย์ดูแลอาการเจ็บป่วยอย่างใกล้ชิดแล้ว

(25 ก.พ.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ระบุว่า…

13.50 น. ศาลอาญามีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว ‘ตะวัน-แฟรงค์’ อีกครั้ง

ศาลเห็นว่า ศาลเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง โดยระบุเหตุผลไว้ชัดเจนแล้ว ส่วนกรณีอาการเจ็บป่วยของผู้ต้องหาทั้งสอง ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์โดยใกล้ชิดแล้ว กรณีกรณียังไม่เหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาผู้ต้องหาทั้งสอง ยกคำร้อง

ก่อนหน้านี้ ศาลระบุ วันที่ 25 ก.พ. 67 เป็นวันครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองครั้งที่สอง เพื่อให้การสั่งปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาเป็นไปด้วยความรอบคอบ สมควรฟังความเห็นของพนักงานสอบสวนประกอบด้วย และให้ผู้ร้องนำเอกสารใบรับรองแพทย์มาแสดงเพิ่มเติม (ถ้ามี)

ทั้งสองถูกคุมขัง ในคดี #ม116 จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า บีบแตรใส่ขบวนเสด็จของพระเทพฯ และอดน้ำ-อาหารเข้าวันที่ 12 แล้ว ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยม อาการของตะวัน แย่มาก แทบไม่มีเสียงพูด ขณะที่อาการของแฟรงค์ก็แย่มากเช่นกัน

โดยจากวันนี้ ทั้งตะวันและแฟรงค์จะถูกฝากขังผัดที่ 2 ถึงวันที่ 8 มี.ค. 67

‘น้องโอโม่’ นักเรียนคนเก่ง แห่งสกลนคร สอบติด 15 สาขา 9 ม.ดัง เจ้าตัวเผยเคล็ดลับ ‘เลือกสาขาที่ชอบ-รักษาเกรดเฉลี่ย-หมั่นสะสมผลงาน’

จากกรณีเพจ Sci project.skr โพสต์คลิปนายฐิติพันธ์ วะเศษสร้อย หรือ ‘น้องโอโม่’ นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล จังหวัดสกลนคร ยื่น Portfolio เพื่อเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยโดยปรากฏว่าติด 15 สาขา 9 มหาวิทยาลัย ซึ่งกลายเป็นคลิปไวรัล พร้อมด้วยเสียงชื่นชมในความเก่งและความสามารถของนักเรียนรายนี้นั้น

ล่าสุดวันนี้ (25 ก.พ. 67) ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนายฐิติพันธ์ วะเศษสร้อย หรือ ‘โอโม่’ นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 6/1 โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล ซึ่งได้เผยว่า กิจกรรมในคลิปที่ถูกแชร์บนโลกออนไลน์นั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกิจกรรมหน้าเสาธงที่โรงเรียนจัดขึ้น เพื่อจะประกาศชื่อมหาวิทยาลัยที่นักเรียนสอบติด ไม่ว่าจะเป็นคณะไหน สาขาวิชาอะไร ก็จะมีการประกาศทั้งหมด

โดยตอนนั้น ได้ยื่นสมัครไป 9 มหาวิทยาลัย แต่เป็นหลายสาขาวิชา โดยแต่ละมหาวิทยาลัยสามารถติดได้มากกว่า 1 สาขาวิชา สรุปรวมแล้วตนสมัครติด 15 สาขาวิชาจาก 9 มหาวิทยาลัย ทั้งนี้อยากขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนและขอบคุณทุกคนที่ให้การชื่นชม

จริงๆ แล้วการที่ตนติดรอบที่ 1 ของการยื่นแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ครั้งสุดท้าย จะเป็นรอบที่ยังไม่ใช้คะแนนสอบ แต่ตนใช้เป็นผลงานยื่นเข้าสมัคร ส่วนใหญ่จะเป็นผลงานที่พัฒนามาตั้งแต่สมัยมัธยมชั้นปีที่ 4 เรื่องเกี่ยวกับโครงงานวิทยาศาสตร์และทางด้านนวัตกรรมการวิจัยที่ทำกับชมรม Sci project.skr ของโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล โดยมีนางเสาวรจนี จันทวงค์, นายวิริทธิ์พล วิเศษฐี เป็นครูที่ปรึกษาโครงงาน และนางนันทิชา ธาตุระหัน, ดร.กิตติยา มุกดาประเสริฐ เป็นครูที่ปรึกษาประจำชั้น ซึ่งโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ทำขึ้นมาใช้ระยะเวลาประมาณมากกว่า 1 ปี หรืออาจจะหลายเดือน เพื่อพัฒนาแข่งขันตามรายการต่างๆ แล้วตนก็ได้รางวัลในระดับภูมิภาคไปจนถึงระดับประเทศ พร้อมสะสมผลงานเหล่านั้นถ่ายทอดออกมาเป็นแฟ้มผลงาน เพื่อยื่นสมัครเข้ามาหาวิทยาลัย

ขณะเดียวกันมีการเรียนควบคู่กันไปในโรงเรียนอีกด้วย คือการรักษาเกรดเฉลี่ยให้ได้สูงที่สุด พร้อมกับตั้งใจทำตรงนั้นให้ดีที่สุด พอถึงช่วงเวลาที่ต้องยื่นแฟ้มสะสมผลงาน จะใช้เกรดเฉลี่ยกับผลงานต่างๆ ที่สะสมระยะเวลาตลอด 3 ปี แล้วนำไปยื่นเข้ามาหาวิทยาลัย

อยากฝากให้รุ่นน้องทุกคนให้เล็งเห็นถึงความตั้งใจทำผลงาน หรืออาจจะตั้งใจเตรียมตัวสอบ เพื่อให้ตัวเองได้เข้าไปในคณะที่ตนอยากเรียนมากที่สุด ตอนนี้ตนได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกเรียนที่ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพราะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ทั้งหมด และเป็นความชอบส่วนตัว ซึ่งหากจบออกมาก็จะเป็นเภสัชกร

ส่วน 15 สาขา 9 มหาวิทยาลัย มีดังนี้

1.) สาขาเทคนิคการแพทย์ คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2.) สาขาวิทยาศาสตรบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
3.) สาขาวิชาการบริบาลทางเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
4.) สาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ทุนเพชรพระจอมเกล้าฯ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
5.) เภสัชศาสตรบัณฑิต คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

6.) สัตวแพทยศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
7.) วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเคมี ทุน STEAMs-Creation project คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
8.) สาขาวิศกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
9.) สาขาวิศกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
10.) สาขาฟิสิกส์วัสดุและเครื่องมือการแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)

11.) สาขาฟิสิกส์ทฤษฎีและการวิเคราะห์ข้อมูล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
12.) สาขาวิศกรรมกระบวนการชีวภาพ คณะวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
13.) วิทยาศาสตร์บัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
14.) สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
15.) สาขารังสีเทคนิค คณะรังสีเทคนิค มหาวิทยาลัยรังสิต

“ครูบาธรรมชัย” องค์บุญแห่งเมืองล้านนาจัดพิธีอาบน้ำมนต์กลางแสงจันทร์แบบล้านนา ศิษยานุศิษย์นับพันคนร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ ส่งผลให้รถจอดยาวเป็นกิโล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา ที่สำนักสงฆ์ธรรมชัย แผ่นดินทอง คลอง 10 อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ศิษยานุศิษย์นับพันคนจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งศิลปินดารา ศิลปินตลก รวมถึงชาวต่างชาติจากหลายประเทศ หลั่งไหลเข้าร่วมพิธีอาบน้ำมนต์กลางแสงจันทร์โดยมี “ครูบาธรรมชัย” องค์บุญแห่งเมืองล้านนา พระครูสุชัยธรรมนันท์เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น จ.น่าน และเจ้าสำนักสถานธรรม ธรรมชัย แผ่นดินทอง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานีจัดพิธีอาบน้ำมนต์แบบล้านนา ในคืนเดือนเพ็ญ มุ่งหวังให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าถึงวันสำคัญนี้ ที่ 1 ปี มีครั้งเดียววันนี้ใด้มีลูกศิษย์ทั่วสารทิศที่ทราบข่าวทางสื่อออนไลน์และกลุ่มลายกลุ่มสายบุญหลวงพ่อครูบาธรรมชัย(ซานต้า)ก็หลังใหลกันอย่างคั่งทำให้ส่งผลให้รถติดจอดยาวเป็นกิโลโดยในวันมาฆบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 อาบน้ำมนต์ ได้ตั้งโต๊ะหมู่อัญเชิญพระพุทธรูปมาไว้กลางแจ้ง บริเวณลานกว้าง หลังสำนักสงฆ์ธรรมชัย แผ่นดินทอง ก่อนมีการจุดเทียน “ให้เทียนน้อยส่องใจ ใสสว่าง ส่องนำทาง พบธรรม นำสมัย ให้ได้เห็น ดวงธรรม ผ่องอำไพ น้อมดวงใจ ถวายครู บูชาธรรม"

สำหรับน้ำมนต์ที่นำมาอาบนั้น เป็นน้ำมนต์ที่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 56 รูป ในจังหวัดน่าน ร่วมปลุกเสก สวดมนต์ข้ามวันข้ามคืน เพื่อให้น้ำมนต์นี้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ก่อนนำมาอาบปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายในคืนพระจันทร์เต็มดวง ถือเป็นการเสริมบารมีให้เต็มเปี่ยม ให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง เกิดแสงสว่าง และความสำเร็จ สมหวัง สุขภาพแข็งแรง โดยมีครูบาธรรมชัย องค์บุญแห่งล้านนา เป็นประธานอาบให้ด้วยตนเอง ถือฤกษ์พิธีเริ่มอาบน้ำมนต์ตั้งแต่20.00-23.00 น.

พระครูสุชัยธรรมนันท์ (ครูบาธรรมชัย) เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น จ.น่าน และเจ้าสำนักสงฆ์ธรรมชัย แผ่นดินทอง กล่าวว่า การอาบน้ำมนต์วันเป็ง” หรือ “การอาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ
นั้น…ก็ “ยึดโยงกับการทำน้ำมนต์คืนจันทร์เพ็ญ” การอาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญ เป็นความเชื่อของคนแต่โบราณ เชื่อว่าเป็นการนำธาตุน้ำมารับแสงจันทร์ นัยว่าธาตุน้ำในช่วงเวลาดังกล่าวนี้จะซึมซับเอาพลังงานจากพระจันทร์ช่วงเต็มดวงไว้อย่างเต็มที่ เชื่อว่าเมื่ออาบจะเป็นสิริมงคล และก็เชื่อว่าจะยิ่งดีหากมีการนำน้ำมนต์ที่ได้บูชามาจากผู้มีสัพพะเวชวิชา คณาจารย์ อย่างครูบาธรรมชัย เป็นผู้กำกับวิชาอาบด้วยตัวท่านเอง เชื่อว่าจะทำให้น้ำมนต์นั้นยิ่งศักดิ์สิทธิ์ มากขึ้นนักแลการอาบน้ำมนต์กลางแสงจันทร์ เนื่องในวันมาฆบูชา เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ให้พระจันทร์เต็มดวง เพื่อมีบารมีเต็มเปี่ยม ให้เจริญรุ่งเรืองมีความแสงสว่าง 

ตรวจเช็คดวงชะตากับองค์บุญแห่งเมืองล้านนา 
- ครูบาธรรมชัย - 
เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น อ.เมือง จ.น่าน และสถานธรรมชัยแผ่นดินทอง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี 
เปิดรับบัตรคิวเวลา 06.00 น. - 17.00 น. 
จำนวน 200 คิวต่อวัน  
1 คิว = 1 คน 
❌งดการจองคิว รับบัตรวันต่อวันเท่านั้น 
สอบถามรายละเอียดได้เลยทักแชท 
Facebook ครูบาธรรมชัย – จ. น่าน หรือ แอดไลน์Open Chat (id line : สายกลุ่มสายบุญหลวงพ่อครูบาธรรมชัย(ซานต้า)

ตร. เตือน  5 ลิงก์มิจฉาชีพ “ห้ามกด ห้ามกรอก ห้ามติดตั้ง” 

เมื่อวานนี้ ( 25กุมภาพันธ์ 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพยังคงมีการพัฒนารูปแบบในการหลอกลวงพี่น้องประชาชนอยู่เสมอ มีการนำหลักจิตวิทยา “รัก โลภ ตกใจ เชื่อใจ” มาปรับใช้ในการหลอกล่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และมักพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพจะมีการนำลิงก์รูปแบบต่าง ๆ มาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ถ้าผู้เสียหายหลงเชื่อกดลิงก์ แล้วกรอกข้อมูลหรือติดตั้งแอปพลิเคชันจากลิงก์ดังกล่าว ก็จะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในที่สุด

โดยลิงก์ที่กลุ่มมิจฉาชีพมักนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด มี 5 รูปแบบดังต่อไปนี้

1. “ลิงก์ดูดเงิน” คือ ลิงก์ที่หลอกให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงิน หรือติดตั้งแอปพลิเคชันเพื่อทำธุรกรรมถอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหาย เช่น หลอกให้กรอกข้อมูลบัญชีอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง หลอกให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต หลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องระยะไกล เป็นต้น โดยมากจะเป็นเครื่องมือหลักของแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่อาจอ้างหน่วยงานราชการต่างๆ สร้างเนื้อหาให้เหยื่อตกใจ โลภ เชื่อใจ แล้วหลงเชื่อ เช่น เหยื่อมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย , ได้รับเงินคืนจากกรณีต่างๆ(มิเตอร์ไฟฟ้า,เงินบำเหน็จบำนาญ,คืนภาษีฯลฯ) , เป็นผู้โชคดีจากแคมเปญหรือเทศกาลได้รับเงิน ของขวัญ เป็นต้น 

2. “ลิงก์หลอกให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล” คือ ลิงก์ที่นำไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่มีรูปแบบคล้ายกับเว็บไซต์ของผู้ให้บริการต่าง ๆ หากเหยื่อหลงเชื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลบัญชีผู้ใช้ หรือรหัสผ่าน กลุ่มมิจฉาชีพก็จะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้เพื่อแสวงหาประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ

3. “ลิงก์หลอกลงทุน” คือ ลิงก์ที่นำไปสู่เว็บไซต์หรือติดตั้งแอปพลิเคชันลงทุนปลอม หลอกล่อให้ผู้เสียหายลงทุนในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง โดยอ้างว่าลงทุนแล้วได้กำไรมาก ในระยะเวลาสั้นๆ  มีการนำภาพนักธุรกิจหรือองค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาประกอบเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

4. “ลิงก์เว็บพนัน” คือ ลิงก์ที่นำไปสู่เว็บไซต์การพนันออนไลน์ ซึ่งจะมีทั้งเว็บไซต์การพนันออนไลน์จริง ๆ และเว็บไซต์การพนันออนไลน์ปลอม อาจมีโปรโมชั่นหลอกล่อให้เหยื่อหลงเข้าไปเล่นการพนัน หากผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าเล่นเว็บพนันนอกจากจะเสียทรัพย์สินแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

5. “ลิงก์เงินกู้ปลอมหรือผิดกฎหมาย” คือ ลิงก์ที่นำไปสู่เว็บไซต์หรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินค่าใช้จ่ายในการกู้เงินก่อนแต่ไม่ได้รับเงินจริง หรือนำไปสู่เว็บไซต์หรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของกลุ่มเงินกู้นอกระบบ เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราและมีการทวงหนี้โดยผิดกฎหมาย เช่น โทรมาขู่บังคับหรือต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแนะนำให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามหลัก “ห้ามกด ห้ามกรอก ห้ามติดตั้ง” เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ โดยมีรายละเอียดดังนี้

“ห้ามกด” ห้ามกดลิงก์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาหรือไม่น่าไว้วางใจ

“ห้ามกรอก” ห้ามกรอกข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลบัญชีธุรกรรมทางการเงิน หรือข้อมูลบัตรเครดิต ในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่น่าเชื่อถือ

“ห้ามติดตั้ง” ห้ามติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่น่าเชื่อถือ และตรวจโทรศัพท์มือถือว่ามีแอปพลิเคชันแปลกปลอมใดติดตั้งอยู่ หรือไม่

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top