Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48181 ที่เกี่ยวข้อง

สตม.รวบนักท่องเที่ยวไต้หวัน “OVERSTAY” (32 วัน) หนีหมายจับคดีคอลเซ็นเตอร์ มากบดานเมืองพัทยา

ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จับกุม MR.LIU (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม พื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุ

ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากอาสาสมัคร (volunteer) ว่าพบคนต่างด้าวมีพฤติการณ์น่าสงสัยซึ่งอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึกเบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ MR.LIU (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (Overstay) และมักจะลักลอบกบดานใน พื้นที่ กรุงเทพฯ และ จว.ชลบุรี จึงได้ตรวจสอบข้อมูลไปยัง สำนักเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (ไต้หวัน) รับแจ้งว่า MR.LIU เป็นบุคคลตามหมายจับของทางการไต้หวัน ในความผิด ฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบสวนติดตามจับกุม จากการสืบสวนทราบว่า MR.LIU จะมาท่องเที่ยวในย่านถนนคนเดินวอล์คกิ้งสตรีท (WAILKING STREET) ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบ MR.LIU จึงได้ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว 

'พีระพันธุ์' หารือ 'ผู้ว่าฯ ยูนนาน' ยกระดับ 'ความสัมพันธ์-ร่วมมือ' ไปอีกขั้น เตรียมต่อยอด 'เศรษฐกิจ-พลังงานสะอาด-อุตสาหกรรมสีเขียว'

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ. 67) ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายหวัง หยู่โป (H.E. Mr. Wang Yubo) รองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิวนิสต์จีนประจำมณฑลยูนนาน ผู้ว่าการมณฑลยูนนาน และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำรัฐบาลมณฑลยูนนาน เข้าเยี่ยมคารวะ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีฯ ยินดีที่ได้พบผู้ว่าการมณฑลฯ อีกครั้ง ขอบคุณมณฑลยูนนานในความร่วมมือระหว่างกันที่ดีมาตลอด ซึ่งตั้งแต่จีนกลับมาเปิดประเทศในปี 2566 ได้มีคณะผู้แทนระดับสูงของไทยเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และศึกษาดูงานที่มณฑลยูนนานอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่า หากทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกันในทุกด้าน ทั้งในเชิงภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน จะสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทวีความสัมพันธ์ระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้นต่อไป 

ด้านผู้ว่าการมณฑลฯ ยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสเยือนไทย การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากไทย แสดงให้เห็นว่าไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างจีน-ไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างเคารพและไว้วางใจร่วมกัน เอื้อประโยชน์แก่กันในทางเศรษฐกิจ เข้าใจซึ่งกันและกันในทางวัฒนธรรม ดังนั้น จีนและไทยจึงเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน ที่ได้หยั่งรากลึกลงในหัวใจของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการเยือนไทยของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อปี 2565 ที่ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีความหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ สอดคล้องกับที่ได้ประกาศแถลงร่วมว่าด้วยการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันไทย-จีน เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ร่วมกัน

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือต่าง ๆ ที่สำคัญ ดังนี้

ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เห็นพ้องส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันผ่านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจีนพร้อมให้การสนับสนุนไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน โดยจีนจะส่งเสริมแถบเส้นทาง R3A ไทย - ลาว - จีน ต่อเนื่อง ถือเป็นเส้นทางสำคัญในการนำเข้า - ส่งออกสินค้าระหว่างไทยและจีน ซึ่งผู้ว่าการมณฑลฯ ชื่นชมว่า หลังจากการเปิดแถบเส้นทาง R3A แล้ว ได้ประหยัดเวลาขนส่งสินค้าและลดต้นทุนทางธุรกิจได้มาก โดยเมื่อปี 2566 มีจำนวนการนำเข้าสินค้ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ไทยพร้อมพัฒนา เส้นทางสายไหม (One Belt One Road) ให้ต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันส่งเสริมด้านการใช้พลังงานสะอาดในเส้นทางด้วย

ด้านการใช้พลังงานสะอาด เห็นพ้องที่จะผลักดันการใช้พลังงานสะอาด พลังงานสีเขียว ผ่านการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีของหน่วยงานที่ภาครัฐเกี่ยวข้องด้านพลังงาน โดยรองนายกรัฐมนตรีเห็นศักยภาพของมณฑลยูนนาน ที่มีการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) จำนวนมาก ซึ่งผู้ว่าการมณฑลฯ เห็นพ้องที่จะนำศักยภาพด้านการใช้พลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ของมณฑลยูนนานมาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกัน

ด้านความร่วมมือทางวิชาการ ทั้งสองพร้อมต่อยอดจากความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาของไทยและมณฑลยูนนาน โดยผู้ว่าการมณฑลฯ ยินดีกับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและทางวิชาการ ซึ่งปัจจุบันมีนักศึกษาชาวไทยจำนวนกว่า 1,000 คน ศึกษาอยู่ ณ มณฑลยูนนาน

ด้านการท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ ไปเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม 2567 ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่าย มีการไปมาหาสู่กันเพิ่มขึ้น โดยรองนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากมณฑลยูนนานและให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขณะที่ผู้ว่าการมณฑลฯ เชื่อมั่นว่า จะเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ขยายโอกาสและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

‘บิ๊กโจ๊ก’ แถลงลั่น!! ยังไม่โดนแจ้งข้อหาใด ๆ ยันบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องเว็บพนัน

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ. 67) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล​ รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวชี้แจงกรณี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ในฐานะคณะกรรมการสืบสวนและรองหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีเครือข่ายเว็บพนันมินนี่ เตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผบ.ตร. กับพวกรวม 5 นาย ในความผิด ม.157 และ ม.149 ว่า เรื่องนี้เริ่มต้นจากการค้นบ้านตน มีการไปปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาลโดยไม่ได้บอกศาลว่าเป็นบ้านตน และมีการออกหมายจับลูกน้องตน 8 คน ก็ใช้ชื่อว่านาย ระบุว่าประกอบอาชีพรับจ้าง ซึ่งเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล มองว่าก็เพื่อทำให้เสียชื่อเสียง

ซึ่งหลังแจ้งข้อกล่าวหาลูกน้องตน วันดีคืนดีก็มีข่าวว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาตน และมีชื่อตนโผล่ในสำนวน เพื่อทำให้ตนเสียชื่อเสียง และมีการปล่อยข่าวว่าจะเรียกตนมาสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งที่สำนวนเมื่อส่งไปที่พนักงานอัยการแล้วพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนเพิ่มเติม หรือแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแล้ว เว้นแต่อัยการจะสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมเท่านั้น แต่เอกสารที่อัยการทำถึงพนักงานสอบสวนคือเอกสารที่ถามว่าทั้ง 8 คนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้นผิดตรงไหน ไม่ใช่ให้คุณไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า กรณีมีการแถลงถึงสำนวนใน ป.ป.ช. จนมีข่าวว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาตน ทั้งที่สำนวนดังกล่าวชงไปให้ ป.ป.ช.แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วทำไมวันนี้คึกคักอยากจะเอาสำนวนกลับมา แล้วมีการแถลงว่า ป.ป.ช.ต้องส่งให้ตำรวจ ซึ่งเป็นการแถลงข่าวกดดันป.ป.ช. ทั้งที่ระบบของ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นระบบสอบสวนมีความน่าเชื่อถือ และรอบคอบกว่าระบบกล่าวหาของตำรวจเสียอีก จึงมีคำถามว่าทำไมตำรวจจึงอยากเอาสำนวนคดีดังกล่าวกลับมา และอยากถามว่าคุณเป็นใคร ยศอะไร ทำไมมาแถลงกดดัน ป.ป.ช. หรือไม่เชื่อมั่นระบบไต่สวนของ ป.ป.ช. ดังนั้นตำรวจยศใหญ่ๆ ควรออกมาพูดบ้าง อย่าทำตัวเป็นอีแอบ อย่าให้ลูกน้องแค่ยศเล็กๆ ออกมาพูด เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายแบบนี้

ทั้งนี้การส่งเรื่องไป ป.ป.ช. เมื่อส่งไปแล้ว ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีมูลเพียงพอหรือไม่ หากมีมูลก็จะต้องมีการแสวงหาข้อเท็จจริง จึงจะมีการไต่สวน ถึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาได้ และต่อให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วกฎหมาย ป.ป.ช.ก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นการส่งเรื่องกล่าวหาตนนั้นเป็นแค่การตั้งข้อสังเกตเท่านั้น และยังไม่รู้ว่า ป.ป.ช.จะรับหรือไม่รับเลย วันนี้สรุปยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับผมทั้งสิ้น ผมยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ 100%

อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่า จะไม่มีการดำเนินการทางคดีกับสื่อมวลชนที่เสนอข่าวว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาตนแล้ว แต่ขอให้ลบข่าวออก อย่าไปเป็นเครื่องมือของคนไม่ดี ที่พูดไปเรื่อยเปื่อย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนขุดหลุมล่อไว้ ตอนนี้เริ่มตกไปครึ่งตัวแล้ว โดยตนปล่อยให้ทำมาตลอด แต่ท่านรู้หรือเปล่าวว่าสำนวนที่ท่านทำนั้นท่านมีอำนาจหรือเปล่า อย่างกรณีบอกว่ามีเงินหมุนเวียน 300 ล้านนั้น ทั้งที่คดีฟอกเงินมูลฐาน 300 ล้านบาทขึ้นไปเป็นอำนาจ ดีเอสไอ เป็นคดีพิเศษ ดังนั้นท่านไม่มีอำนาจสอบสวน มันจะติดคุกทั้งหมด ดังนั้นจึงตั้งข้อสังเกตว่ามีอำนาจสอบสวนหรือไม่ กระบวนการสอบสวนชอบหรือไม่

และยังยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ไม่มีเส้นเงินจากเว็บพนันโอนเข้าบัญชีตน และไม่มีเส้นเงินจากบัญชีตนโอนเข้าเว็บพนัน ส่วนที่ลูกน้องตนใช้บัญชีม้านั้นก็ต้องเอาผิดลูกน้องตน แต่ไม่ใช่ว่าลูกน้องตนผิดแล้วตนจะผิดไปด้วย เพราะเขาทำอะไรบ้างตนจะรู้ไหม หากเขาผิดชัดเจนก็ต้องว่าไปไม่ใช่จะลากมาพันกับตน เพื่อให้ตนเสียชื่อเสียง และยืนยันว่าไม่มีเงินจากเว็บพนันโอนเข้าบัญชีญาติตนด้วย

ซึ่งวันนี้สื่อมวลชนรู้อยู่ว่าตำรวจกลุ่มไหนรับเงินเว็บพนันอยู่ รับกันเป็น 100 ล้าน ตำรวจทั้ง ตร.รู้หมด แต่ว่าวันนี้จะมาบอกว่าผมเกี่ยวกับเว็บพนัน รับเงินเว็บพนัน ก็ต้องถามว่าผมไม่ได้คุมกองบัญชาการไซเบอร์ ผมไม่ได้คุมเว็บพนัน ผมไม่มีอำนาจหน้าที่คุมเว็บพนัน แล้วใครจะมาจ่ายผม และอยากฝากถึงตำรวจทุกนายว่า เรามาแข่งกันทำงานดีกว่าอย่ามาแข่งกันอิจฉาริษยา เพราะรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจไม่มีทางตามกันทัน แต่ยศ ตำแหน่งเป็นเรื่องบุญวาสนา เพราะฉะนั้นท่านอย่าไปอิจฉาเลย ตนยังไม่อิจฉาน้อง ๆ เลย

ทั้งนี้ปัจจุบันปัญหาเว็บพนันแล้วทำไมไม่ปราบให้หมด หน่วยปราบเว็บพนันไปทำอะไรอยู่ หรือปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ทำไมไม่ทำมานั่งขัดขาขัดแข้งกันอยู่ได้ ดังนั้นฝากเตือนน้อง ๆ ถ้ารู้ตัวว่าเดินผิดก็ให้รีบกลับตัวกลับใจ รีบถอนตัว เพราะเป็นการทำโดยไม่มีอำนาจสอบสวน ส่วนกรณีตั้งข้อสังเกตว่าตนต้องการให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเพราะสนิทสนมกับกรรมการ ป.ป.ช.รายหนึ่งนั้น บอกว่า ยืนยันตนไม่ได้สนิทสนมกับกรรมการป.ป.ช. ไม่มีเบอร์ ไม่เคยโทรหา และตนยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องคดี แต่เป็นการดิสเครดิตตนล้วนๆ เพราะคดีไม่มีอะไร เพราะตนไม่ได้รับเงินเว็บพนัน อย่างไรก็ตามสังคมติดตามเรื่องนี้ วันนี้ตำรวจเราอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ก็ควรทำให้ประชาชนเชื่อมั่น ตำรวจต้องทำงานอย่างมืออาชีพ

‘ทยา-ณัฏฐพล’ โพสต์ ติดแบล็กลิสต์ ‘คดี กปปส.’ มาเกือบ 10 ปี ใช้ชีวิตเข้า-ออกประเทศไร้อภิสิทธิ์ เพราะเคารพกระบวนการยุติธรรม

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.67) ทยา ทีปสุวรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ภรรยาของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เผยภาพสามี ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะกำลังทำเรื่องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. พร้อมข้อความว่า

“ติด Black List คดีกปปส.มาเกือบ 10 ปี ต้องขอศาลเดินทางเข้า-ออกประเทศ ไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ เพราะเราเคารพในกระบวนการยุติธรรม!!”

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเดินหน้าปราบปรามจับกุมต่างด้าวที่กระทำผิดในไทย ล่าสุดจับกุม 4 คดี

วันนี้ (22 ก.พ.67) เวลา 11.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.กต.10 ปฏิบัติราชการ บก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พ.ต.ท.รัฐไกร ประยูรศร รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.ท.วิรชา สนั่นศิลป์ รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

1. สตม.รวบนักลงทุนชาวจีนตามหมายจับเลี่ยงภาษีมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท : ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ปอศ. จับกุม Mr.Wang (นามสมมุติ) อายุ 53 ปี สัญชาติจีน ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 60/2567 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเคลื่อนย้ายของออกไปจากเขตปลอดอากรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ภายในบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี  

พฤติการณ์แห่งคดี Mr.Wang ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้ร่วมกันกับพวกนำสินค้าเบ็ดเตล็ด อาทิเช่น กระเป๋า ผ้าพันคอ ชุดผ้าปูที่นอน กรอบโทรศัพท์ เก้าอี้ กล่องพลาสติก โคมไฟ ไม้เซลฟี่ ข้าวโพด (ป๊อบคอร์น) ฯลฯ เข้ามาในราชอาณาจักร ตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 31 ฉบับ โดยสำแดงการใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำเข้าไปในเขตปลอดอากร ตามมาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 จำนวน 31 ฉบับ เป็นใบขนสินค้าสั่งการตรวจ "ให้เปิดตรวจ" เพื่อนำไปทำการตรวจปล่อยที่เขตปลอดอากรเอ็มที ฟรีโซน โดยวิธีการมัดลวด และพนักงานศุลกากรที่กำกับดูแลเขตปลอดอากรได้บันทึกการตรวจรับของดังกล่าวเข้าไปเก็บในเขตปลอดอากรแล้ว แต่ในระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2562 พนักงานศุลกากรได้เข้าทำการตรวจสอบหลังการตรวจปล่อย ณ เขตปลอดอากร เอ็มที ฟรีโซน ในบริษัทดังกล่าว พบข้อเท็จจริงว่าสินค้าเบ็ดเตล็ดที่บริษัทฯ ได้นำเข้ามาตามใบขนสินค้าขาเข้าทั้ง 31 ฉบับนั้น ไม่ได้มีการเก็บรักษาไว้หรือคงเหลืออยู่ในเขตปลอดอากร เอ็มที ฟรีโซน และจากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าและส่งออกของบริษัทฯ จากระบบ CUSTOMS INFORMATION SYSTEM (CIS) ไม่พบว่าบริษัทฯ ได้มีการจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าโอนย้ายชำระภาษีอากร (ประเภท P) เพื่อนำของออกจากเขตปลอดอากรเพื่อใช้หรือจำหน่ายในราชอาณาจักร และไม่มีการจัดทำใบขนสินค้าขาออก เพื่อส่งของออกไปนอกราชอาณาจักร อีกทั้งไม่พบหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากรหรือหลักฐานการชำระภาษีอากรสำหรับของดังกล่าวเพื่อนำของออกจากเขตปลอดอากรในกรณีอื่นใด โดยได้ประเมินราคาและค่าภาษีอากร สินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้า จำนวน 31 ฉบับ ดังกล่าวมีราคารวมทั้งสิ้น 15,337,963.62 บาท อากรขาเข้ารวม 2,701,946.79 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 1,262,793.72 บาท ซึ่งพนักงานศุลกากรได้แจ้งให้บริษัทฯ จัดส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อชี้แจงในประเด็นดังกล่าวแล้ว แต่บริษัทฯ ก็ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อพนักงานศุลกากรเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงได้ และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของบริษัทฯ เป็นความผิดฐานเคลื่อนย้ายของออกไปจากเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร ตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 เมื่อบริษัทฯ ได้รับทราบผลการตรวจสอบแล้ว มิได้แจ้งความประสงค์จะขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร แต่บริษัทฯ เพิกเฉย ไม่มาติดต่อขอทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากร กรมศุลกากรจึงร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบริษัทฯ และ Mr.Wang รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้งในฐานะนิติบุคคลและฐานะส่วนตัว หลังจากที่ศาลจังหวัดพัทยาได้ออกหมายจับแล้ว จากการสืบสวนของ ตม.จว.ชลบุรี ทราบว่า Mr.Wang ได้เดินทางไปที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ปอศ. ไปตรวจสอบ    ผลการตรวจสอบพบ Mr.Wang จึงได้แสดงหมายจับและทำการจับกุม

2. สตม.รวบนักท่องเที่ยวไต้หวัน “OVERSTAY” (32 วัน) หนีหมายจับคดีคอลเซ็นเตอร์ มากบดานเมืองพัทยา  : ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จับกุม MR.LIU (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม พื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
​ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากอาสาสมัคร (volunteer) ว่าพบคนต่างด้าวมีพฤติการณ์น่าสงสัยซึ่งอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึกเบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ MR.LIU (นามสมมุติ) อายุ 22 ปี สัญชาติไต้หวัน ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (Overstay) และมักจะลักลอบกบดานใน พื้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จ.ชลบุรี จึงได้ตรวจสอบข้อมูลไปยัง สำนักเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (ไต้หวัน) รับแจ้งว่า MR.LIU เป็นบุคคลตามหมายจับของทางการไต้หวัน ในความผิด ฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้ร่วมกับ กก.2 บก.ทท.1 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสืบสวนติดตามจับกุม จากการสืบสวนทราบว่า MR.LIU จะมาท่องเที่ยวในย่านถนนคนเดินวอล์คกิ้งสตรีท (WAILKING STREET) ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันไปเฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบ MR.LIU จึงได้ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

3. สตม.รวบแม่ค้าออนไลน์ชาวเมียนมาแอบไลฟ์สดขายของหนีภาษีของกลาง 200 รายการ : ตม.จว.สมุทรสาคร จับกุม นางมิ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้, ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักย่าน ถ.เจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร  จ.สมุทรสาคร

ตม.จว.สมุทรสาคร ได้สืบสวนทราบว่า มีคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา มีพฤติการณ์ลักลอบขายสินค้าหนีภาษีทางช่องทางออนไลน์ จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึก เบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าว พักอาศัยอยู่ในบ้านพักย่าน     ถ.เจษฎาวิถี ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยได้มีการไลฟ์สดและโพสต์ขายสินค้าทางเฟซบุ๊ก ซึ่งตัวสินค้า มีความผิดทางกฎหมาย จึงขอหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาครเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบนางมิ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลาง เป็นกลุ่มสินค้าประเภทอาหารเสริม วิตามิน น้ำมันหรือสเปรย์    ฉีดเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งไม่มีฉลากภาษาไทย และเครื่องหมาย อย. ร่วม 200 รายการ และจากการตรวจสอบเอกสารของนางมิ พบใบอนุญาตทำงานระบุประเภทกรรมกร แต่มาลักลอบขายสินค้าออนไลน์ และไม่ได้ทำงานตามประเภทที่ได้รับอนุญาตไว้ตามกฎหมาย จึงได้ทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

4. ตม.3 ระดมเข้ม X-RAY พื้นที่เสี่ยง 25 จุด ปูพรมตรวจค้นสถานบริการ ร้านอาหาร คาราโอเกะ รวบ 4 คนไทย 7 ต่างด้าว ลอบทำงานผิดกฎหมาย : บก.ตม.3 มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออก ของประเทศไทย รวม 25 จังหวัด ได้ดำเนินการสืบสวน รวบรวมข้อมูล การกระทำผิดกฎหมายของคนต่างด้าวรวมถึงคนไทย ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบกระทำผิดกฎหมาย ลักลอบทำงาน เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต รับคนต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ามนุษย์ หลบหนีเข้าเมือง อยู่เกินกำหนดอนุญาต ซึ่งคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย อาจก่ออาชญากรรมอื่น ๆ สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนได้ บก.ตม.3 จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อวางแผนระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิด
​หลังได้รับรายงาน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด บก.ตม.3 ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด  ซึ่งในห้วงเดือน มกราคม 2567 - ปัจจุบัน ได้ดำเนินการตรวจค้น ตรวจสอบ เป้าหมายในพื้นที่ทั้งหมด 25 จุดเสี่ยง มีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 11 ราย แบ่งเป็น คนต่างด้าวสัญชาติลาว 4 ราย สัญชาติกัมพูชา 3 ราย และคนไทย จำนวน 4 ราย

ซึ่งผู้กระทำผิดทั้ง 11 รายข้างต้น ถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน, ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยได้ประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตพ้นจากการจับกุม รวมถึงความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของคนต่างด้าวยังถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และนอกจากนี้ในส่วนของเจ้าของสถานที่ที่ให้คนต่างด้าวพักอาศัย แต่ไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 38 ก็ได้ถูกจับกุมดำเนินคดีด้วย

​บก.ตม.3 ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และจะยังคงดำเนินมาตรการเข้มข้น ต่อเนื่องในการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน จับกุม การกระทำผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top