Friday, 25 April 2025
ค้นหา พบ 47667 ที่เกี่ยวข้อง

หยุดกร่างได้ละ ลุงแซม!!

หลังโจ ไบเดน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มีการคาดเดาถึงภาพเศรษฐกิจโลกที่จะลดความตึงตัวลง

ผลดีในเชิงเศรษฐกิจที่อเมริกาเคยระรายไปทั่ว ก็น่าจะผ่อนคลายในยุคของเขา ซึ่งหนึ่งในประเทศที่จะยืดตัวคุยได้มากขึ้น ก็คงมีไทยรวมอยู่ด้วย

"จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่า ต่อจากนี้ ไบเดน น่าจะหันมาใช้เวทีพหุภาคีหรือการทำข้อตกลงระหว่างประเทศมากกว่าสองประเทศ

ไม่ทำตัวลับๆ แบบเดิมที่มักใช้เงื่อนไขระหว่าง 2 ประเทศ คือ สหรัฐ และประเทศคู่ค้าทีละประเทศในการเจรจาทางการค้า

ฉะนั้นถ้าภาพไปในแนวดังกล่าว ก็จะเป็นเวทีให้ประเทศไทยสามารถร่วมกับอาเซียนในการเจรจาต่อรองทางการค้ากันได้มากขึ้น

รวมไปถึงใช้กลไกขององค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งถือเป็นเวทีการค้าพหุภาคีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

...ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ไบเดน จะให้ความสำคัญ

เพราะให้ความสำคัญกับ WTO พร้อมๆ กับให้ความสำคัญกับนโยบายอินโด-แปซิฟิกที่มีประเทศไทยร่วมอยู่ด้วย จะทำให้สหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองไม่ด้อยไปกว่าจีน

ภาพนี้จะช่วยกระตุ้นตัวเลขทางการค้าระหว่างไทย-สหรัฐ ให้มีโอกาสบวกเพิ่มสูงขึ้นอีกถึงร้อยละ 7 จากเดิมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าการค้าไทย - สหรัฐ บวกถึง 20% ตามมุมมองของจุรินทร์

เรียกว่าผลลัพธ์จากการได้ โจ ไบเดน มานั่งแท่นผู้นำมะกันในตอนนี้ ดูจะมีแต่สัญญาณบวกสำหรับการค้าโลก และประเทศไทยเสียเหลือเกิน

อังกฤษวิกฤติ ! พยาบาลขาดแคลนหลักหมื่นชีวิต

สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศแถบยุโรปยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ล่าสุดเริ่มมีการระบาดระลอกสอง เป็นเหตุให้ในประเทศอังกฤษ ประกาศล็อคดาวน์รอบใหม่ไปเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา

งานนี้กินระยะเวลากว่า 1 เดือน เพื่อควบคุมการระบาดรอบใหม่ครั้งนี้ วิกฤติรอบใหม่ในอังกฤษเริ่มมีสัญญาณเตือนจากยอดผู้ป่วยหนักที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพิ่มขึ้นจากราว 2,000 คน มาเป็นเกือบ 10,000 คน ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา

แต่เรื่องที่น่ากังวลไปกว่านั้น เมื่อมีรายงานจากราชวิทยาลัยการพยาบาล (Royal College of Nursing) แห่งสหราชอาณาจักร แจ้งว่า ตำแหน่งงานด้านพยาบาลในระบบสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ยังว่างอยู่ถึง 40,000 อัตรา

ปัญหานี้ดูจะสวนทางกับตัวเลขจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่มากขึ้น แถมตามรายงานยังบอกอีกด้วยว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัว การสรรหาบุคลากรตำแหน่งนี้จะยิ่งเป็นได้ยากมากขึ้นอีก

เรียกว่าเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติที่ต้องแก้ไขไปให้ได้ ขอส่งกำลังใจและภาวนาให้ยอดผู้ป่วยลดลงโดยไว


อ้างอิง: https://www.xinhuathai.com/inter/151940_20201109

ภาพจาก: Manchester Evening News

10 Playlist อยากเปิดให้ ‘ทรัมป์’ ฟังตอนว่างงาน

ตามหน้าข่าว! ศึกแย่งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อย 'โจ ไบเดน' ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต มีผลคะแนนเสียง Electoral Votes เกิน 270 เสียง ทำให้สามารถคว้าชัยชนะเหนือ 'โดนัลด์ ทรัมป์' อดีตผู้นำจากพรรคริพับลิกันได้สำเร็จ เตรียมก้าวสู่การเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 

งานนี้ทรัมป์ คุณคือผู้ที่ไม่ได้ไปต่อ ><’ ต้องเก็บกระเป๋าออกจากทำเนียบขาว โบกมือบ๊ายบายวลีอันโด่งดัง “Make America Great Again” หลงเหลือไว้เพียงตำแหน่ง ‘อดีตประธานาธิบดี’ จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา

การกลับมาเป็นพลเมืองอเมริกันธรรมดาก็คงทำให้ทรัมป์ตกอยู่ในสถานะว่างงานสักพักใหญ่ The State Time Lite ก็เลยเห็นใจท่าน เอ้ย! เห็นว่าท่านว่างๆ จึงขอจัด Playlist รวบรวม 10 เพลงดัง มอบให้ทรัมป์ฟังในช่วงเวลานี้ ถือเป็นบทเพลงแห่งการมูฟออนและการพักผ่อนหลังทำงานหนักมา 4 ปีเต็ม จัดไป!!


 

.

1. In The End - Linkin Park

เพลงร็อกระดับขึ้นหิ้งจากอัลบั้ม Hybrid Theory ของวง Linkin Park ที่เล่าถึงการพยายามทำอะไรสักอย่างอย่างเต็มที่ โดยทุ่มเททั้งความเชื่อมั่นและเชื่อใจ แต่สุดท้ายผลลัพธ์กลับว่างเปล่า ไม่ต่างจากทรัมป์ที่พยายามจะครองเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 พยายามทำทุกหนทางเพื่อรั้งตำแหน่งไว้ แต่ก็พ่ายแพ้ผลการเลือกตั้งจากการตัดสินใจของประชาชนทั้งประเทศในที่สุด 

.

 

.

2. Don't Look Back In Anger – Oasis

สาวกบริตป๊อบและคอเพลงยุค ‘90s ต้องรู้จักเพลงนี้ของวง Oasis อย่างแน่นอน เหมาะที่จะมอบให้ทรัมป์ฟังเพื่อเตือนใจไว้เสมอว่า จงอย่ามองย้อนกลับไปในความโกรธเคืองเลยนะ เงยหน้าและมูฟออนต่อไป แพ้เลือกตั้งไม่ใช่จุดสิ้นสุดของทุกอย่าง กลับบ้านเปิดเพลงนี้กรอกหูน่าจะช่วยทำให้ใจเย็นขึ้นได้

.

 

.

3. American Idiot – Green Day

บทเพลงวิจารณ์การทำงานของสื่อและเหน็บแนมความฝันแบบอเมริกันชน ซึ่ง Green Day ขึ้นชื่อว่าเป็นวงดนตรีที่มักทำเพลงมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง และเคยทำมิวสิกวิดีโอล้อเลียนทรัมป์อยู่หลายครั้ง เมื่อทรัมป์ลงจากตำแหน่งแล้วก็หวังว่าเขาจะมีเวลาว่างนั่งทบทวนกระแสวิจารณ์ต่างๆ ผ่านบทเพลงของวงนี้ 

.

 

.

4. Be My Mistake - The 1975

เมื่อ 4 ปีก่อน ทรัมป์เคยได้คะแนนส่วนใหญ่มาครองและมีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ ระหว่างนั้นมีการดำเนินหลายนโยบายที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นการกีดกันทางเชื้อชาติและศาสนา หรือแม้กระทั่งการควบคุมการระบาดของ COVID-19 แต่ยุคสมัยของผู้นำคนใหม่มาถึงแล้ว สิ่งที่ผิดพลาดในอดีตก็เก็บไว้เป็นบทเรียน

.

 

.

5. F*ck, I'm Lonely – Lauv

เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนแพ้ที่ต้องดูแลตัวเอง โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ผู้คนทั่วโลกต่างพากันให้ความสนใจ ‘โจ ไบเดน’ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา สื่อต่างๆ ก็นำเสนอชีวประวัติและผลงานของเขาแทบทุกชั่วโมง จนแทบไม่มีใครสนใจทรัมป์แล้ว งานนี้แหละคือความเหงาที่แท้จริงจนต้องเปิดแทร็ก “F*ck, I’m Lonely” ฟังแก้เซ็ง

.

 

.

6. When The Party's Over - Billie Eilish 

งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราฉันใด การนับผลคะแนนเลือกตั้งก็ต้องสรุปผลฉันนั้น แม้ช่วงแรกๆ คะแนนของทรัมป์จะนำโด่งในหลายรัฐ แต่ช่วงท้ายคะแนนของไบเดนก็ตีคู่และแซงขึ้นเป็นที่ 1 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคะแนนจากรัฐเพนซิลเวเนียที่เริ่มชี้ชะตาเป็นสัญญาณให้ทรัมป์เก็บกระเป๋ากลับบ้าน ไม่มีเพลงไหนจะเหมาะกับสถานการณ์นี้ไปกว่า “When The Party’s Over” เมื่อปาร์ตี้สิ้นสุดลงของบิลลี ไอริช  

.

 

.

7. Vacation Time - Part Time Musician

"This is the vacation time เวลานี้ช่างมีความหมาย ดื่มชีวิตช้าๆ แล้วพักผ่อน ลืมความจริงร้ายๆ ทิ้งเอาไว้ก่อน..."  เนื้อเพลงที่สื่อถึงช่วงเวลาของการพักผ่อนที่แท้จริง ต่อไปนี้จะไม่มีภาพทรัมป์หัวเสียหรือสบถเวลาแถลงข่าวในทำเนียบขาวให้เห็นกันอีกแล้ว เพราะจะเป็นเวลาแห่งการว่างงานให้ทรัมป์หยุดและพักเสียที 

.

 

.

8. ถ้าเขาจะรัก ยืนเฉยๆ เขาก็รัก - First Anuwat

ซิงเกิ้ลที่กำลังฮิตที่สุดในเวลานี้ เปรียบเทียบให้เห็นภาพได้ชัดเจน เหมือนอย่างทรัมป์ที่ผลปรากฏชัดแล้วว่าเขาพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้เสียทีเดียว มีการประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าตัวเองชนะเลือกตั้ง และเรียกร้องให้มีการนับผลคะแนนใหม่ในบางรัฐ ถือเป็นการฮึดสู้ครั้งสุดท้ายก่อนบ๊ายบายตำแหน่ง แต่สุดท้ายต่อให้พยายามแค่ไหน แต่ถ้าผลการเลือกของชาวอเมริกันส่วนใหญ่ชี้ชัดออกมาแล้ว ก็ต้องเคารพกติกาตามนั้น

.

 

.

9. ขวัญเอยขวัญมา - Palmy

ดูเหมือนทรัมป์จะเสียขวัญพอสมควรกับผลการเลือกตั้งที่ผลิกโผเหนือความคาดหมาย หลังจากที่คะแนนนำมาอยู่ดีๆ ก็ต้องถอยให้ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตซะงั้น และคาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าทรัมป์จะยอมรับความจริงข้อนี้ได้ เห็นได้ชัดจากการถ่วงเวลาในการไม่ยอมแถลงรับผลการเลือกตั้ง อีกทั้งการกล่าวหาเรื่องการโกงเลือกตั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าคงต้องส่งเพลงเรียกขวัญให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวของทรัมป์ซะหน่อย

.

 

.

10. คนไม่จำเป็น - Getsunova

ปิดท้ายด้วยบทเพลงที่อยากให้ทรัมป์ยอมรับความจริงและมูฟออนโดยเร็ว ท่องไว้ให้ขึ้นใจว่าอดีตมันได้ผ่านไปแล้ว แต่ในปัจจุบันเขาคือคนไม่จำเป็นอีกต่อไป ต้องหลีกทางให้ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 46 เข้ามารับช่วงต่อและทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ ทรัมป์ควรทำใจและเก็บกระเป๋าเดินออกจากทำเนียบขาวไปตามระเบียบ 

 

 

จับตาสภาฮ่องกง ใต้เงาปักกิ่ง

สถานการณ์การเมืองในสภาฮ่องกงวันนี้ กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีคำสั่งจากรัฐบาลกลางปักกิ่ง ปลด สส. ฝ่ายค้าน จำนวน 4 คน เนื่องจากหมดคุณสมบัติการเป็นผู้แทน ตามระเบียบของกฏหมายความมั่นคงใหม่ของฮ่องกง ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา

สมาชิกฝ่ายค้านทั้ง 4 คน ที่โดนคำสั่งเด้งฟ้าผ่าได้แก่

1.) Alvin Yeung หัวหน้าพรรค Civic Party ฝ่ายค้านดาวรุ่ง ที่ยอมยกเลิกสิทธิ์การได้เป็นพลเมืองแคนาดา เพื่อมาลุยงานสภาที่ฮ่องกงโดยเฉพาะ และเพิ่งได้รับเลือกตั้งเข้าสภามาเมื่อปี ค.ศ.2016 นี้เอง นับเป็นสมัยแรกของเขา

2.) Dennis Kwok หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรค Civic Party และเป็น สส. ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ตัวแทนจากรัฐบาลจีนอย่างเผ็ดร้อน

3.) Kenneth Leung อดีตที่ปรึกษาด้านภาษีอาวุโส หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Pro-Democracy ที่ได้รับคัดเลือกจากสภาวิชาชีพ และเป็น สส. มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2012

4.) Kwok Ka-ki แพทย์เฉพาะทาง ที่เคยได้รับเลือกเข้าสภาจากกลุ่มแวดวงวิชาชีพ ปัจจุบันสังกัดพรรค Civic Party เช่นเดียวกัน และกลายเป็นหนึ่งใน สส. ที่ถูกขับออกจากสภาจากกฏหมายความมั่นคงใหม่

พอมีประกาศออกมาจากสภานิติบัญญัติฮ่องกง โดยที่ไม่มีรายละเอียดใด ๆ ว่า ทั้ง 4 สส. มีคุณสมบัติข้อใดที่ขัดกับกฏหมายความมั่นคง แต่สื่อฮ่องกงก็คาดเดาว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ ทั้ง 4 คนเป็นสมาชิกคนสำคัญของกลุ่ม Pro-Democracy หรืออีกนัยยะหนึ่งคือ ฝ่ายที่ต่อต้านนโยบายจากรัฐบาลจีนที่เป็นหนึ่งในแกนนำ

เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจกับสมาชิกฝ่ายค้าน จึงได้ประกาศตบเท้า ลาออกจากสภาฮ่องกงตามเพื่อนไปอีก 15 คน เป็นการประท้วงคำสั่งจากรัฐบาลจีน

เลยทำให้บรรยากาศการเมืองระหว่างจีน และ ฮ่องกงเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง

สภานิติบัญญัติฮ่องกง หรือ ที่เรียกชื่อย่อว่า สภา LegCo จะมีผู้แทนทั้งหมด 70 คน ส่วนในสภาชุดปัจจุบันนี้ มีสมาชิกฝ่ายค้านมีอยู่ทั้งหมด 21 เสียง จากจำนวน 70 ที่นั่ง หลังจากที่โดนปลดไป 4 และลาออกไป 15 ก็จะเหลือฝ่ายค้านเหลือเพียง 2 เสียง ซึ่งก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว

และสภาชุดนี้ มาจากการเลือกตั้งทั่วไปตั้งแต่ปี 2016 ที่เสียงส่วนใหญ่เป็นฝ่ายที่สนับสนุนจีนมากกว่าฝ่ายเสรีนิยม ที่มักถูกเรียกกว่ากลุ่ม Pro-Democracy

แต่หลังจากเกิดกระแสการประท้วงกฎหมายผู้ร้ายข้ามแดน ครั้งใหญ่ในฮ่องกงเมื่อปี ค.ศ.2019 จนบานปลายกลายเป็นการต่อต้านรัฐบาลจีน และเรียกร้องขอปลดแอกเป็นอิสระจากการปกครองของจีน ที่ทำให้กลุ่ม Pro-Democracy ได้รับการสนับสนุนจากชาวฮ่องกงเป็นจำนวนมาก

ภาพสะท้อนที่ชัดที่สุด ที่ส่งเสียงดังสนั่นถึงปักกิ่งนั้นมาจากผลการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นในปี ค.ศ.2019 ที่ฝ่ายเสรีนิยมได้รับคะแนนเสียงถล่มทลายที่สุดในประวัติศาสตร์ฮ่องกง

โดยสามารถชนะการเลือกตั้งใน 17 เขต จากทั้งหมด 18 เขตเลือกตั้ง กวาดที่นั่งในสภาท้องถิ่นไปถึง 388 นั่ง เหลือที่นั่งให้กับฝ่ายสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ไปเพียง 62 ที่นั่ง

และ ผู้แทนจากสภาท้องถิ่น ก็จะมีผลต่อการเลือก ผู้บริหารสูงสุดแห่งเกาะฮ่องกงในอนาคตด้วย เนื่องจากจะมีการคัดเลือก สมาชิกจากสภาท้องถิ่นบางส่วนเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการคัดเลือกหัวหน้าผู้บริหารเกาะฮ่องกงในลำดับต่อไป

ด้วยเหตุนี้ ชาวฮ่องกงจำนวนมากจึงใจจดใจจ่อรอที่การเลือกตั้งใหญ่ในสภา LegCo เป็นอย่างมากที่มีกำหนดจะต้องจัดการเลือกตั้งไปแล้วตั้งแต่กลางปี ค.ศ.2020 แต่ทว่า นางแครี่ ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกงคนปัจจุบัน ได้เลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปออกไปจนกว่าจะถึงปีหน้า เพราะผลพวงจากการระบาดของ Covid-19

จึงทำให้หลายคนไม่พอใจ เพราะเชื่อว่าหากทางการฮ่องกงได้จัดเลือกตั้งตามกำหนด หรืออย่างน้อย ก่อนการมาถึงของกฎหมายความมั่นคงใหม่ของจีน ฝ่ายเสรีนิยมจะสามารถกวาดที่นั่งในสภา LegCo ได้อย่างถล่มทลายแน่นอน อย่างน้อยที่สุดก็ครึ่งสภา

ว่าแต่ทำไมถึงมีโอกาสแค่ครึ่งสภา?

เนื่องจากที่นั่ง สส. ในสภา LegCo จำนวน 70 ที่นั่งมีที่มาจาก 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปที่ชาวฮ่องกงสามารถลงคะแนนเลือกผู้แทนได้โดยตรงจำนวน 35 ที่นั่ง

ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง เป็นการเลือกผู้แทนพิเศษตามกลุ่มสายอาชีพ 27 สาย โดยมีคณะกรรมการในสาขาวิชาชีพนั้น ๆ เลือกผู้แทนมาสายละ 1 คน ยกเว้นภาคแรงงานที่จะได้ผู้แทน 3 คน

ถึงแม้ว่าการเลือกผู้แทนครึ่งสภามาจากคณะกรรมการในแต่ละสาขาอาชีพ ที่ส่วนมากมักได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลปักกิ่ง จะมีชาวฮ่องกงหลายคนไม่เห็นด้วยกับระบบนี้

แต่อย่างน้อย สมาชิกอีกครึ่งสภาก็มาจากเสียงของชาวฮ่องกง ที่คาดว่าในสมัยหน้า หากวัดจากผลการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา ก็น่าจะมีฝ่ายที่สนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยเข้ามาได้ท่วมท้นเต็มสภาแน่นอน

เพียงแต่ตอนนี้ ต้องรอไปจนถึง 5 กันยายน ค.ศ.2021

และด้วยกฎหมายความมั่นคงใหม่ของจีน ที่ระบุข้อห้ามชัดเจน 3 ข้อว่า ห้ามปลุกระดม ห้ามสมคบคิดกับต่างชาติ และห้ามล้มล้างการปกครองเพื่อแยกประเทศ

หากใครที่เคยกระทำการที่เกี่ยวโยงกับความผิดใน 3 ข้อนี้ ก็อาจจะโดนดำเนินคดี ซึ่งรวมถึงการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง

ดังนั้น คำสั่งเขย่าสภาฮ่องกงด้วยการปลด 4 สส. ฝ่ายค้าน เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสกัดดาวรุ่ง กลุ่มแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจีน ที่คาดว่าน่าจะโดนอีกหลายคนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า

สิ่งหลายคนกำลังจับตานับจากนี้ อาจจะไม่ใช่แค่การเลือกตั้งครั้งต่อไปในฮ่องกง แต่เป็นกระแสแรงต้านที่อาจทำให้ชาวฮ่องกงต้องออกมาส่งเสียงดังถึงปักกิ่งอีกครั้งบนท้องถนนใจกลางเมืองฮ่องกงอย่างเมื่อปีที่ผ่านมา

รวมถึงบทบาทของสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ ว่าจะกระโดดเข้ามากดดันจีนแบบไหนในสมรภูมิที่เกาะฮ่องกงแห่งนี้

.

ข้อมูลอ้างอิง

BBC

https://www.bbc.com/news/world-asia-china-54900174

Channel News Asia

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/hong-kong-pro-democracy-lawmakers-to-resign-en-masse-13516730#cxrecs_s

The Standard Hong Kong

https://www.thestandard.com.hk/breaking-news/section/4/158916/Empty-seats-left-behind

Wikipedia

https://en.wikipedia.org/wiki/Legislative_Council_of_Hong_Kong

https://en.wikipedia.org/wiki/2019_Hong_Kong_local_elections

PS5 ฮอตเว่อร์! ขายดีเหมือนเชื้อไวรัสระบาด!!

ขึ้นต้นหัวข่าวอย่างนี้ ฟังดูเวอร์จริงไรจริง แต่นี่เรื่องจริง ขนาด BBC.com ยังใช้คำอ้างอิงว่า Pandemic Launch

สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (12 พฤศจิกายน พ.ศ.2563) เป็นวันแรกที่มีการวางจำหน่ายเครื่องเพลย์สเตชั่น 5 (PS5) ในประเทศสหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, แคนาดา, เม็กซิโก, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ผลปรากฎว่า กระแสการตอบรับดีชนิดที่ต้องเปรียบด้วยคำว่า Pandemic Launch อารมณ์คล้ายๆ การแพร่ระบาดยังไงยังงั้น

จากการรายงานบอกว่า PS5 เครื่องใหม่นี้ ปรู๊ดปร๊าดรวดเร็วกว่าเดิม แถมกราฟิกก็สวยงามกว่าเดิม และมีรายละเอียดที่ตอบสนองนักเล่นเกมมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ จะมาเพิ่มประสบการณ์ของนักเล่มเกมได้ดีกว่าเดิมชัวร์ๆ

ราคาเปิดตัว PS5 อยู่ที่ประมาณ 450 ปอนด์ (ราว 18,000 บาท) แต่สำหรับที่เมืองไทยในเวลานี้ แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีการเปิดตัวจำหน่ายกันวันไหน แต่ตอนนี้ก็มีประเภท "เครื่องหิ้ว" เข้ามาขายกันแล้ว สนนราคาจะอยู่ที่ 35,000-40,000 บาท (เอื้อก!)

ส่วนเรื่องเกมที่มีคนแอบสงสัยว่า PS5 จะเป็นยังไง ทางต้นสังกัดโซนี่แจ้งว่า นอกจากเกมใหม่เจ๋งๆ ที่เตรียมเปิดตัวแล้ว ยังมีเกมยอดนิยมมากมายจาก PS4 ที่จะมาต่อยอดในเครื่อง PS5 ได้สบาย

ก่อนจะได้สัมผัส PS5 กันจริงจัง ย้อนกลับไปในเครื่องเวอร์ชั่นก่อนๆ อย่างเครื่อง PS4 รุ่นก่อนหน้านี้ ก็ทำยอดขายไปได้ทั่วโลก มากกว่า 112 ล้านเครื่อง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องสืบเลยว่า เครื่อง PS5 ตัวล่าสุดนี้ จะ "โกย" ไปเท่าไร

ช่วงนี้ถ้าคนใกล้ตัวเราจะเพ้อลอยๆ ออกมาว่า "เพลย์ห้า เพลย์ห้า" ก็โปรดเข้าใจเขาหน่อยแล้วกันนะ

.

อ้างอิง: https://www.bbc.com/news/newsbeat-54889795


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top