Saturday, 26 April 2025
ค้นหา พบ 47667 ที่เกี่ยวข้อง

สัญญาณบวก!! จาก ‘โจ ไบเดน’

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ได้นายโจ ไบเดน แห่งพรรคเดโมแครต มาเป็นผู้นำมะกัน ด้วยผลคะแนนโหวตท่วมท้นเหนือ ทรัมป์ 290 ต่อ 214

.

คำถามต่อมาที่หลายๆ คนรอลุ้น คือ โจ ไบเดน จะทำให้อุณหภูมิโลกร้อนระอุขึ้นกว่าเดิม หรือเบาบางลง โดยเฉพาะกับประเทศไทย

.

พรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ เชื่อว่า โจ ไบเดน จะทำให้การค้าโลกและเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น จากการดำเนินนโยบายที่เป็นระบบ

.

โดยไบเดนจะดำเนินการให้การค้าระหว่างประเทศกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง และนั่นจะเป็นผลดีต่อ ‘ประเทศไทย’ ในด้าน ‘การค้าการส่งออก’ ที่เป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญกับสหรัฐฯ

.

สอดคล้องกับ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก ที่มองว่า ไบเดนจะทำให้ความสงบเรียบร้อยของโลกดีขึ้น

.

เพราะไบเดนมีแนวโน้มในการดึงบรรยากาศการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการค้าของเอเชียในตลาดอเมริกาให้ค่อยๆ กลับมาดี เหมือนสมัยที่ นายบารัก โอบาม่า ได้ทำไว้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ไบเดนน่าจะหลีกเลี่ยงการทำสงครามการค้ากับจีน และหันมาผูกมิตรกับจีนและประเทศใกล้เคียง ซึ่งก็รวมถึงไทยด้วย ให้กลายเป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกามากยิ่งขึ้น

.

แต่นายศุภชัย ทิ้งมุมมองที่น่าสนใจไว้ว่า ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อมให้มาก เพราะพรรคเดโมแครต จะเน้นย้ำนโยบายด้านนี้เป็นหลัก โดยไม่คิดกีดกันทางการค้าในเชิงของภาษีอากร

.

พูดง่าย ๆ ก็คือ เดโมแครตจะให้ความสนใจกับทุกประเทศที่มีการลงทุนเกี่ยวข้องกับความเป็นธรรมชาติที่สะท้อนไปถึงความปลอดภัยในชีวิตคนอเมริกันมากขึ้น

.

ตรงนี้จึงเป็นสัญญาณบวกต่อภาคส่งออกไทย เช่น ภาคการผลิตอาหารที่มีมาตรฐานความปลอดภัยที่จะสร้างโอกาสในตลาดส่งออกไทย-สหรัฐฯ ได้ชัดกว่ายุคทรัมป์ บนแต้มต่อจากการรับมือได้ดีกับโควิด-19 มาก่อนหน้านี้

คปส.ได้ซีน ปัด ตอบยุรัฐประหาร

นายกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เลขาเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (คปส.) บุกหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ยื่นหนังสือถึง ผู้บัญชาการทหารบก ให้กำลังใจ ผบ.ทหาร ผบ.ตำรวจ และทหารทั่วประเทศ เพื่อให้มีพลังแก้ไขปัญหาและปกป้องสถาบัน

.

ประเด็นยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ผบทบ. ทำรัฐประหาร เลขาคปส. เลี่ยงตอบ ย้ำวันนี้มาให้กำลังใจเท่านั้น ขณะเดียวกันชายสวมเสื้อเหลืองชูป้ายเตรียมป่วน ระบุข้อความว่า “การรัฐประหารคือกบฏ” ก่อนรีบแยกย้ายไร้เหตุชุลมุน

'Pico Finance' ตัดทางหากินเจ้าหนี้นอกระบบ

สารพัดวิกฤติกำลังทำให้คนไทยขาดสภาพคล่อง ทางออกเร่งด่วนที่คิดออกไวๆ เลยไม่พ้น ‘แหล่งเงินกู้’ ที่ส่วนใหญ่มักมาเงินกู้นอกระบบ
.
หนี้นอกระบบ เป็นปัญหาที่ยิ่งทำให้คนจน ยิ่งจนหนักกว่าเดิมจากดอกเบี้ยมหาโหด และตามมาสู่ปัญหาสังคมมากมาย
.
เมื่อเป็นปัญหามากกว่าทางออก นายกรัฐมนตรี ‘บิ๊กตู่’ เลยสั่งให้มีการเอาผิดเจ้าหนี้นอกระบบกฎหมายอย่างจริงจัง
.
โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2559 จนถึงสิ้นเดือนกันยายน พ.ศ.2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จับเงินกู้ผิดกฎหมายสะสม 7,476 ราย
.
เมื่อปิดกั้นเงินผิดกฎหมาย ก็ต้องหาทางออกเงินถูกกฎหมายให้ประชาชน ซึ่ง ‘บิ๊กตู่’ ได้เข็นเงินกู้ที่เรียกว่า ‘พิโกไฟแนนซ์’ (PICO Finance) ออกมา
.
‘พิโกไฟแนนซ์’ นี้เป็นสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลัง ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ
.
สำหรับผู้ประกอบการที่จะดำเนินธุรกิจ ‘พิโกไฟแนนซ์’ ถูกกำหนดให้ปล่อยกู้เรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใดๆ ได้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี ส่วนผู้กู้จะกู้เงินในระบบได้ง่ายกว่าเดิม รายละไม่เกิน 50,000 บาท
.
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อดีของ ‘พิโกไฟแนนซ์’ คือ ผู้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันและไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันสามารถเข้าถึงได้หมด แถมเงินต้นและดอกเบี้ยลดลงเรื่อยๆ
.
นับแต่ปี พ.ศ.2559 ที่เริ่มเปิดให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ก็มีผู้สนใจจำนวนมาก มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อนี้รวม 858 ราย ใน 72 จังหวัด
.
ส่วนคนที่สนใจและได้รับอนุมัติสินเชื่อก็มีจำนวนทั้งสิ้น 328,300 บัญชี คิดเป็นวงเงิน 8,250.38 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 25,130 บาทต่อบัญชี
 

‘คนละครึ่ง’ ดึงเงินได้เกินคาด

แม้ช่วงแรกที่โครงการของรัฐอย่าง ‘คนละครึ่ง’ จะถูกสบประมาทเบาๆ ว่าไม่น่ากระตุ้นกำลังซื้อคนไทยได้มากนัก

.

แต่กลับกันโครงการนี้ เริ่มดูดเงินจากกระเป๋าประชาชนให้ออกมาใช้จ่ายกันได้เยอะเกินคาด 

.

แล้วตอนนี้โครงการคนละครึ่งเดินหน้าไปถึงไหน?

.

อัพเดทข้อมูลของกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2563
.

  • มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 5.7 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 7,387,647 คน 
  • มียอดการใช้จ่ายผ่านแอพฯ เป๋าตังของธนาคารกรุงไทยราว 1.1 หมื่นล้านบาท 
  • เงินที่ประชาชนใช้จ่ายเองอยู่ที่ 5.61 พันล้านบาท 
  • ภาครัฐร่วมจ่ายไป 5.40 พันล้านบาท คิดเป็น 18.01% จากกรอบงบ 30,000 ล้านบาท
  • มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 212 บาทต่อครั้ง แต่ส่วนใหญ่ใช้ต่อบิลทะลุเกิน 300 บาท
  • จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด คือ กรุงเทพ / สงขลา / นครศรีธรรมราช / สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่

.

สำหรับโครงการคนละครึ่ง ของกระทรวงการคลัง เป็นโครงการเพื่อร้านค้ารายเล็ก และจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ร้านค้ารายใหญ่เข้าร่วม 

.

โดยรัฐบาลจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ประชาชนครึ่งหนึ่ง คิดเป็นวงเงินคนละไม่เกิน 3 พันบาท และใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าได้ไม่เกินวันละ 300 บาท

.

ฉะนั้นหากคิดจากฐานผู้รับสิทธิ์ที่กำหนดไว้ทั้งหมดที่ 10 ล้านคน จะทำให้เกิดเม็ดเงินไหลเวียนจากฝั่งประชาชน 3 หมื่นล้านบาท 

.

และพอมาบวกกับอีกครึ่งจากรัฐบาล จะทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินไปสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยไหลไปร้านค่าย่อยๆ ได้ราว 6 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

.

ส่วนใครที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ยังเหลือพื้นที่อีกราว 2.3 ล้านคนที่สามารถลงรอบใหม่ได้ในวันนี้ (11 พ.ย.)

แม้ช่วงแรกที่โครงการของรัฐอย่าง ‘คนละครึ่ง’ จะถูกสบประมาทเบาๆ ว่าไม่น่ากระตุ้นกำลังซื้อคนไทยได้มากนัก

.

แต่กลับกันโครงการนี้ เริ่มดูดเงินจากกระเป๋าประชาชนให้ออกมาใช้จ่ายกันได้เยอะเกินคาด 

.

แล้วตอนนี้โครงการคนละครึ่งเดินหน้าไปถึงไหน?

.

อัพเดทข้อมูลของกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2563
.

  • มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 5.7 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 7,387,647 คน 
  • มียอดการใช้จ่ายผ่านแอพฯ เป๋าตังของธนาคารกรุงไทยราว 1.1 หมื่นล้านบาท 
  • เงินที่ประชาชนใช้จ่ายเองอยู่ที่ 5.61 พันล้านบาท 
  • ภาครัฐร่วมจ่ายไป 5.40 พันล้านบาท คิดเป็น 18.01% จากกรอบงบ 30,000 ล้านบาท
  • มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 212 บาทต่อครั้ง แต่ส่วนใหญ่ใช้ต่อบิลทะลุเกิน 300 บาท
  • จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด คือ กรุงเทพ / สงขลา / นครศรีธรรมราช / สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่

.

สำหรับโครงการคนละครึ่ง ของกระทรวงการคลัง เป็นโครงการเพื่อร้านค้ารายเล็ก และจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ร้านค้ารายใหญ่เข้าร่วม 

.

โดยรัฐบาลจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ประชาชนครึ่งหนึ่ง คิดเป็นวงเงินคนละไม่เกิน 3 พันบาท และใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าได้ไม่เกินวันละ 300 บาท

.

ฉะนั้นหากคิดจากฐานผู้รับสิทธิ์ที่กำหนดไว้ทั้งหมดที่ 10 ล้านคน จะทำให้เกิดเม็ดเงินไหลเวียนจากฝั่งประชาชน 3 หมื่นล้านบาท 

.

และพอมาบวกกับอีกครึ่งจากรัฐบาล จะทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินไปสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยไหลไปร้านค่าย่อยๆ ได้ราว 6 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

.

ส่วนใครที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ยังเหลือพื้นที่อีกราว 2.3 ล้านคนที่สามารถลงรอบใหม่ได้ในวันนี้ (11 พฤศจิกายน พ.ศ.2563)

 

คปส.ได้ซีน ปัดตอบยุรัฐประหาร

นายกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เลขาเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (คปส.) บุกหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ยื่นหนังสือถึง ผู้บัญชาการทหารบก ให้กำลังใจ ผบ.ทหาร ผบ.ตำรวจ และทหารทั่วประเทศ เพื่อให้มีพลังแก้ไขปัญหาและปกป้องสถาบัน

ประเด็นยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ผบทบ. ทำรัฐประหาร เลขาคปส. เลี่ยงตอบ ย้ำวันนี้มาให้กำลังใจเท่านั้น ขณะเดียวกันชายสวมเสื้อเหลืองชูป้ายเตรียมป่วน ระบุข้อความว่า “การรัฐประหารคือกบฏ” ก่อนรีบแยกย้ายไร้เหตุชุลมุน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top