Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

‘เอรูน่า คาเฟ่’ ร้านกาแฟ สไตล์คาวาอิ ย่านบางชัน  มีมุมถ่ายรูปเพียบ เครื่องดื่ม อาหาร ของหวาน จัดเต็ม

A'RUNA CAFE - アルナカフェ หรือ ร้าน เอรูน่า คาเฟ่ ร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น น่ารักสดใส มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก โซนหน้าร้านมีป้ายรถเมล์แบบญี่ปุ่น ไฟจราจร ทางม้าลาย สวนจำลองสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมสะพานน่ารักตะมุตะมิ เหมือนอยู่ญี่ปุ่นจริงๆ ถ่ายรูปออกมาน่ารักสุดๆ

ส่วนด้านในแอร์เย็นฉ่ำ ตกแต่งมินิมอล โล่ง โปร่ง เน้นแสงจากธรรมชาติ นอกจากจะมีมุมถ่ายรูปให้เรา ถ่ายกันอย่างเพลิดเพลินแล้ว ที่นี่ก็ยังมีอาหารหลากหลาย ให้เราอิ่มท้องอีกด้วย

ที่นี่เมนูมีให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารจานเดียว อาหารประเภทแกงกะหรี่ สลัด
เบเกอรี่ก็มีจัดเต็มตู้ไปหมด ไหนจะของทานเล่นอีกมากมาย เครื่องดื่มก็มีพร้อมเสริฟ มีทั้ง coffee/ non coffee เค้กโฮมเมดมีให้เลือกแบบเยอะมาก สายหวานถูกใจแน่นอน 

ใครกำลังมองหาร้านน่ารัก ไว้ถ่ายรูปอัพเดท ไม่ผิดหวังแน่นอน มาร้านเดียวได้ถ่ายรูป ได้กินอิ่ม ได้สนุกเพลิดเพลินกันทั้งวัน

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : ถ.ปัญญาอินทรา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพ
พิกัด : https://goo.gl/maps/TwV3LaRWNAefUnRFA
โทร : 098-551-1660
LINE : https://lin.ee/CGH3myU6

เปิดบริการทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.

19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพระราชพิธีหมั้น กับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร (พระอิสริยยศ ณ ขณะนั้น)

วันนี้เมื่อกว่า 74 ปีก่อน ถือเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาติ โดยเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พระอิสริยยศ ณ ขณะนั้น) ทรงประกอบพระราชพิธีหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร (พระอิสริยยศ ณ ขณะนั้น) ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

จุดเริ่มต้นของการสืบสานความผูกพันของทั้งสองพระองค์ เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2491 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จจากเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มายังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยการเสด็จครั้งนั้น มีหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ในฐานะเอกอัครราชทูต ให้การเฝ้ารับเสด็จฯ พร้อมด้วยครอบครัว

ทั้งนี้ หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวที่ให้การเฝ้ารับเสด็จฯ ในครั้งนั้น มีหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ซึ่งเป็นบุตรีของหม่อมเจ้านักขัตรมงคล เข้าร่วมเฝ้ารับเสด็จฯ ด้วย จึงเป็นที่มาของการที่ทั้งสองพระองค์ทรงได้พบกันเป็นครั้งแรก

ต่อมา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2491 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้เข้าเฝ้าฯ เยี่ยมพระอาการ และถวายการพยาบาลอย่างใกล้ชิดเป็นประจำ จึงกลายเป็นความรักความเข้าพระราชหฤทัยซึ่งกันและกัน และสืบสานความผูกพันมากขึ้นเป็นลำดับ

ราวเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2492 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้มีรับสั่งให้หม่อมเจ้านักขัตรมงคลไปเฝ้าที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนที่ในวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 พระองค์จะเสด็จไปพบหม่อมเจ้านักขัตรมงคล ที่โรงแรมที่พัก และทรงมีรับสั่งถึงเรื่องการหมั้น 

จากนั้นเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 จึงได้มีการประกอบพระราชพิธีหมั้นเป็นการภายใน ณ โรงแรมวินเซอร์ เมืองโลซานน์ อันเป็นที่พักของหม่อมเจ้านักขัตรมงคลและครอบครัว โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงสวมพระธำมรงค์เป็นของหมั้นต่อหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ซึ่งพระธำมรงค์วงนี้ เป็นวงเดียวกับที่สมเด็จพระบรมราชชนกทรงมอบต่อสมเด็จพระบรมราชชนนี ในพระราชพิธีหมั้น เมื่อปี พ.ศ. 2462 

ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ราชเลขานุการประจำพระองค์ ทำหนังสือแจ้งข่าวที่ทรงหมั้นมายังรัฐบาลไทย ซึ่งมี จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น รัฐบาลได้แจ้งประกาศข่าวอันเป็นมงคลนี้ให้พสกนิกรทราบ ยังความปลื้มปีติยินดีแก่เหล่าประชาชนชาวไทยถ้วนทั่วหน้ากัน

‘เป้ย ปานวาด’ เผย!! ‘น้องปาลิน’ ได้กลับบ้านแล้ว หลังเข้ารับการผ่าตัดต่อมอะดินอยด์-ทอนซิลโต

(18 ก.ค. 66) หลังจากที่คุณแม่ยังสวย ‘เป้ย ปานวาด บุญยรัตกลิน’ ได้ออกมาเปิดเผยทั้งน้ำตาว่าลูกสาวสุดทีรัก ‘น้องปาลิน’ ต้องเข้ารับการผ่าตัดต่อมอะดินอยด์และทอนซิลเป็นการด่วน

ล่าสุด ‘แม่เป้ย’ ก็ได้อัปเดตอาการของน้องปาลินและแจ้งข่าวดีว่าตอนนี้ ‘น้องปาลิน’ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ผ่านอินสตาแกรมพร้อมระบุแคปชันว่า "น้องได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เป้ยขอขอบคุณทุก ๆ คนจากใจนะคะ" ท่ามกลางพี่ ๆ ชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจน้องปาลินและคุณแม่เป้ยกันมากมาย

HP แบรนด์ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก  เตรียมย้ายกำลังการผลิตคอมฯ บางส่วนออกจากจีนมายังไทย

(18 ก.ค. 66) ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่จากสหรัฐอเมริกาอย่าง HP ล่าสุดได้เตรียมย้ายกำลังการผลิตสินค้าบางส่วนออกนอกประเทศจีน โดยย้ายมายังประเทศไทย เม็กซิโก เวียดนาม เนื่องจากต้องการให้ห่วงโซ่การผลิตของบริษัทไม่สะดุด

Nikkei Asia รายงานข่าวว่า HP ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ได้เตรียมย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย และประเทศเม็กซิโก และบริษัทยังเตรียมขยายกำลังการผลิตในประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน รวมถึงทั่วโลกหลังจากนี้

สื่อธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่นได้รายงานว่า HP ได้ทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ในการย้ายฐานการผลิตมายัง 2 ประเทศนี้ โดยในประเทศไทย HP เตรียมที่จะผลิต Laptop สำหรับตลาดผู้บริโภค ขณะที่ Laptop ที่จำหน่ายให้กับองค์กรต่าง ๆ จะใช้ฐานการผลิตที่เม็กซิโก นอกจากประเทศไทยแล้ว HP ยังเตรียมย้ายกำลังการผลิตมายังเวียดนามในช่วงปีหน้าด้วย

ในปีที่ผ่านมา HP ได้ขายเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไปมากถึง 55.2 ล้านเครื่อง และในจำนวนดังกล่าวมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ผลิตนอกประเทศจีนอยู่ราว ๆ 3 ถึง 5 ล้านเครื่อง

สำหรับประเทศไทยนั้นมีซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่หลากหลาย ทำให้ HP ตัดสินใจเลือกไทยเป็นฐานการผลิตอีกแห่ง ขณะที่เม็กซิโกถือเป็นฐานการผลิตสินค้าสำคัญในอเมริกาเหนือ และยังมีข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

ปัจจุบันสหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดสำคัญของ HP เนื่องจากคำสั่งซื้อราวๆ 31% ขณะที่ตลาดในประเทศจีนนั้นมีสัดส่วนไม่ถึง 8% ของยอดขายของบริษัท เนื่องจากคู่แข่งอย่าง Lenovo รวมถึง Huawei ครองตลาดในประเทศจีนแทบเบ็ดเสร็จ

สาเหตุที่ทำให้ HP ต้องย้ายกำลังการผลิตบางส่วนออกนอกประเทศจีน บริษัทได้ให้เหตุผลเนื่องจากต้องการให้ห่วงโซ่การผลิตสินค้าของบริษัทมีความยืดหยุ่น เพื่อป้องกันการหยุดชะงักของภาคการผลิต และต้องการที่จะตอบสนองลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลก

นอกจากผู้ผลิตอย่าง HP แล้ว Dell ซึ่งเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่อีกรายก็ได้เตรียมที่จะย้ายกำลังการผลิต 20% ของสัดส่วนการผลิตทั้งหมดมายังประเทศเวียดนาม รวมถึงเปลี่ยนผ่านการผลิตสินค้าที่พึ่งพาชิปจากประเทศจีนด้วย ขณะที่ผู้ผลิตรายอื่น เช่น Apple เองก็ตั้งเป้าที่จะกระจายกำลังการผลิตไปยังเวียดนามหรืออินเดียด้วย

อย่างไรก็ดีบริษัทได้กล่าวว่ายังให้ความสำคัญกับฐานการผลิตในเมืองฉงชิ่งของจีนอยู่ โดยฐานการผลิตนี้เปิดตัวในช่วงปี 2008 และเป็นฮับในการผลิต Laptop สำคัญของบริษัทด้วย

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทหลายแห่งได้เตรียมการที่จะย้ายฐานการผลิต หรือแม้แต่ย้ายกำลังการผลิตออกนอกประเทศจีน หลังจากที่จีนได้ใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าทั่วโลก ตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงของใช้ในชีวิตประจำวัน และยังรวมถึงความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจกระทบกับการทำธุรกิจหลังจากนี้ได้

‘ดีเจเป้’ ปล่อยภาพร่วมเฟรม ‘เชียร์-ไฮโซบิ๊ก’  การันตีความรักแฮปปี้ ไม่ได้เลิกราตามข่าวลือ

ต้องบอกว่าเป็นประเด็นที่ทำเอาขาเมาท์ทั้งหลายฮือฮาตาลุกและสืบกันสนั่นเลยทีเดียวว่าคู่ไหน? หลังจากที่เพจดังอย่าง ‘เจ๊มอย 108’ ออกมาโพสต์ข้อความชวนเผือกว่า “มีคู่รักมาดเท่ เค้าอันฟอลกันอีกคู่ละนะ เนี่ยๆ จะมีคู่เลิกเงียบกันอีกละหรา ?”

ซึ่งหลังจากที่ได้เบาะแสดังกล่าวแล้วนั้น ก็ทำให้มีการพุ่งเป้าไปที่คู่ของนางเอกสาวสวยมาดเท่อย่าง ‘เชียร์ ฑิฆัมพร’ และแฟนหนุ่มนักธุรกิจอย่าง ‘ไฮโซบิ๊ก ธนพนธ์ เบญจรงคกุล’ เพราะสังเกตเห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้มีการอัปเดตภาพคู่หวาน ๆ ให้ได้กดไลก์นานแล้ว อีกทั้งยังพบว่าสาวเชียร์ได้อัลฟอลโลว์หนุ่มบิ๊กแล้ว แต่ขณะที่ฝ่ายชายยังฟอลโลว์แฟนสาวอยู่

แต่ทว่าล่าสุด (18 ก.ค. 66) แฟน ๆ ต่างก็ใจชื้นไปตาม ๆ กัน หลังจากที่ทางด้าน ‘ดีเจเป้ วิศวะ’ ได้อัปเดตภาพสยบข่าวลือได้ดีไม่น้อย ด้วยการเผยภาพร่วมเฟรมกับ ‘เชียร์-ไฮโซบิ๊ก’, ‘ดีเจพุฒ-จุ๋ย วรัทยา’ และ ‘คิริน ไซมอน’ ลงอินสตาแกรมส่วนตัวพร้อมกับเขียนแคปชันบอกว่า “อุ้ยๆ เจอคู่รักมาดเท่ มาดูหนังเรื่องเดียวกันเลยคับ Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One”

ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นโพสต์ดังกล่าวแล้วนั้น ก็ทำเอาเหล่าชาวเน็ตและแฟน ๆ แห่กดไลก์และคอมเมนต์กันสนั่น เช่น “สยบทุกข่าวลือในโพสต์นี้เลยค่ะ”, “ขอบคุณพี่เป้ตัวแทนหมู่บ้าน”, “ตัวแทนหมู่บ้าน”, “เหมือนเป็นยืนยัน”, “ขอบคุณพี่เป้”, “ชี้แจงหรออออ !!! น่ารักจังนะ”, “พี่เป้มาโปรด สบายใจ แยกย้าย”, “อุ๊ยๆๆ พี่เป้มาเฉลยแล้ว”, “เฮ้อออ..โล่งอกไปที ได้พี่เป้ มาโปรด”, “อุ๊ยๆๆๆ มีคนหน้าแหกจ้า”, “น่ารัก คู่รักมาดเท่”

และสำหรับกรณีที่พบว่าสาวเชียร์กดอัลฟอลโลว์อินสตาแกรมของแฟนนั้น ข่าวจากวงในก็เผยมาว่า เธอนั้นไม่ได้ฟอลโลว์ฝ่ายชายมาตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนที่ไม่ได้เห็นรูปคู่ในช่วงนี้ก็เนื่องจากว่าทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างโฟกัสการทำงานและทำหน้าที่ของตัวเอง พร้อมกับยืนยันว่า ‘เชียร์-บิ๊ก’ ยังรักกันดี ไม่ได้เลิกราหรือมีปัญหาตามที่มีข่าวลือแต่อย่างใด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top