Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48149 ที่เกี่ยวข้อง

‘Adolf Eichmann’ นาซีตัวเป้งแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้หนุนการสังหารหมู่ ‘Holocaust’ กับปฏิบัติการล่าตัวข้ามโลก

‘Operation Eichmann’ ปฏิบัติการล่านาซีข้ามโลก

หนึ่งในเรื่องราวที่สุดโหดและสุดสยอง ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองก็คือ ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในยุโรป’ โดยกองกำลังของพลพรรค Nazi ภายใต้การนำของ ‘Adolf Hitler’ ผู้ที่เป็นผู้นำของเยอรมนีในขณะนั้นด้วย ทั้งยังเป็นผู้ก่อสงครามในยุโรปด้วยการรุกรานประเทศต่าง ๆ จนกลายเป็นมหาสงครามโลกครั้งที่สองในที่สุด

‘Holocaust’ เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในยุโรป ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งคร่าชีวิตชาวยิวในยุโรปไปมากกว่า 6 ล้านคน และ ‘Adolf Eichmann’ ก็เป็นหนึ่งในตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการสังหารหมู่ในครั้งนั้นด้วย Eichmann ชาวเยอรมันเชื้อสายออสเตรีย เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรค Nazi และสมาชิกของกองกำลังติดอาวุธของพรรค Nazi คือ ‘Schutzstaffe’ (SS) โดยได้เข้าร่วมในปี ค.ศ.1932 ขณะที่อยู่ในออสเตรีย และเมื่อเขากลับมาเยอรมนีในปี ค.ศ.1933 เขาก็ได้เข้าร่วมกับ ‘Sicherheitsdienst’ (SD) อันเป็นหน่วยข่าวกรองของ SS เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกที่รับผิดชอบกิจการเกี่ยวกับชาวยิวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งพรรค Nazi ใช้ความรุนแรงและใช้แรงกดดันทางเศรษฐกิจกับชาวยิวในเขตยึดครอง หลังจากการปะทุของสงครามโลกครั้งที่สอง ในเดือนกันยายน ค.ศ.1939 Eichmann และเจ้าหน้าที่ของเขาได้จัดให้ชาวยิวไปรวมกันอยู่ในสลัมตามเมืองใหญ่ ๆ ด้วยความคาดหวังว่า พวกเขาจะส่งชาวยิวทั้งหมดไปทางยุโรปตะวันออก หรือออกไปจากประเทศ

อาคารเลขที่ 56–58 Großen Wannsee ซึ่งเป็นสถานที่จัด Wannsee Conference
ปัจจุบันเป็นอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์

20 มกราคม ค.ศ.1942 Eichmann ได้ประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรค Nazi และ SS ใน Wannsee Conference ใกล้กรุงเบอร์ลิน เพื่อจุดประสงค์ในการวางแผน ‘ทางออกสุดท้ายสำหรับคำถามของชาวยิว’ (The Final Solution to the Jewish Question) โดย Hermann Göring แกนนำสำคัญของพรรค Nazi กล่าวว่า พรรค Nazi ตัดสินใจที่จะกำจัดประชากรชาวยิวทั้งหมดในยุโรป Eichmann ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ประสานงานในการระบุตัวตน การรวบรวม และการขนส่งชาวยิวหลายล้านคนจากพื้นที่ถูกยึดครองในยุโรปไปยังค่ายมรณะต่าง ๆ ของพรรค Nazi ซึ่งชาวยิวถูกสังหารด้วยการรมแก๊ส ยิงทิ้ง ให้อดอาหาร หรือให้ทำงานจนตาย เขาทำหน้าที่นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวประมาณ 3 ถึง 4 ล้านคนเสียชีวิตในค่ายกักกัน และอีกราว 2 ล้านคนถูกประหารชีวิตในที่ต่าง ๆ รวมชาวยิวที่เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ที่ราว ๆ 6 ล้านคน

สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายอักษะ ซึ่งมีเยอรมนีเป็นแกนนำหลัก Eichmann ถูกกองทหารสหรัฐฯ จับตัว แต่เขาใช้เอกสารปลอมแปลงที่ระบุว่า เขาคือ ‘Otto Eckmann’ เขาหนีออกจากค่ายคุมขังในปี ค.ศ.1946 ก่อนที่จะต้องขึ้นศาลอาชญากรรมสงครามระหว่างประเทศที่ Nuremberg มีการสันนิษฐานเขาเดินทางจากยุโรปไปตะวันออกกลาง และในปี ค.ศ.1950 ก็มาถึงอาร์เจนตินา (โดยมีข่าวว่า เขาหายตัวไปและถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้ว) ซึ่งตอนนั้นระบบการตรวจคนเข้าเมืองยังคงหละหลวม และกลายเป็นที่หลบภัยสำหรับอาชญากรสงคราม Nazi จำนวนมาก เขาใช้หนังสือเดินทางกาชาดในชื่อว่า ‘Ricardo Klement’*

*Nansen passports : หนังสือเดินทาง Nansen หนังสือเดินทางสำหรับผู้อพยพลี้ภัย และคนไร้สัญชาติแบบแรกของโลก https://thestatestimes.com/post/2021042408

ในปี ค.ศ.1957 ‘Simon Wiesenthal’ ผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งอุทิศตนเพื่อตามหา Eichmann และนาซีคนอื่น ๆ Wiesenthal ทราบจากจดหมายฉบับหนึ่งที่ระบุว่า ในปี ค.ศ.1953 มีผู้พบเห็น Eichmann ในกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหวงของปะเทศอาร์เจนตินา เขาจึงได้ส่งต่อข้อมูลนั้นไปยังสถานกงสุลอิสราเอล ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียในปี ค.ศ.1954 เมื่อพ่อของ Eichmann เสียชีวิตในปี ค.ศ.1960 และ Wiesenthal ได้ให้นักสืบเอกชนแอบถ่ายรูปสมาชิกในครอบครัว กล่าวกันว่า Otto น้องชายของ Eichmann มีความคล้ายคลึงกับ Eichmann เป็นอย่างมาก เพราะไม่มีรูปถ่ายขณะนั้นของ Eichmann เลย เขาได้มอบภาพถ่ายเหล่านั้นให้กับเจ้าหน้าที่ของ Mossad ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์

‘บิชอป Alois Hudal’ บาทหลวงชาวออสเตรีย 
ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือด้านเอกสารต่าง ๆ แก่ Otto Adolf Eichmann

เจ้าหน้าที่จาก Mossad และ Shin Bet หน่วยข่าวกรองของอิสราเอลถูกส่งไปยังอาร์เจนตินา และในที่สุดต้นปี ค.ศ.1960 พวกเขาก็หา Eichmann เจอ โดยเขาอาศัยอยู่ในเขต San Fernando ของกรุงบัวโนสไอเรส ภายใต้ชื่อ ‘Ricardo Klement’ ซึ่งเขาได้รับความช่วยเหลือด้านเอกสารต่าง ๆ ผ่านองค์กรการกุศลในอิตาลีที่ดูแลโดย ‘บิชอป Alois Hudal’ บาทหลวงชาวออสเตรีย และเป็นผู้ที่ให้ความเห็นอกเห็นใจต่อพลพรรค Nazi เอกสารเหล่านี้ทำให้เขาได้รับหนังสือเดินทางเพื่อมนุษยธรรมของคณะกรรมการกาชาดสากล และใบอนุญาตเข้าเมืองที่เหลืออยู่ในปี ค.ศ.1950 ช่วยให้สามารถอพยพไปยังอาร์เจนตินาได้ เขาเดินทางข้ามทวีปยุโรปโดยพำนักอยู่ในอารามหลายแห่งที่ได้ถูกจัดเป็นบ้านปลอดภัย (Safe houses) เขาออกเดินทางจากเมืองเจนัวโดยเรือ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ.1950 และมาถึงกรุงบัวโนสไอเรสในวันที่ 14 กรกฎาคมในปีเดียวกัน เริ่มต้น Eichmann อาศัยอยู่ในจังหวัดทูคูมัน ซึ่งเขาได้ทำงานให้กับผู้รับเหมาของรัฐบาลอาร์เจนตินา เขาได้อพยพครอบครัวมาอาร์เจนตินาในปี ค.ศ.1952 แล้วพวกเขาก็ย้ายไปยังกรุงบัวโนสไอเรส เขาทำงานหลายอย่างซึ่งค่าตอบแทนต่ำ จนกระทั่งได้งานทำที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเขาได้ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าแผนก ครอบครัว Eichmann สร้างบ้านที่ 14 Garibaldi Street (ปัจจุบันคือ 6061 Garibaldi Street) และย้ายเข้าไปในช่วงปี ค.ศ.1960

‘Ben-Gurion’ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล 
ผู้สั่งให้จัดการลักพาตัว Adolf Eichmann

หลังจากมีเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลมีการยืนยันตัวตนว่า Ricardo Klement คือ Adolf Eichmann ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1960 ขณะที่อาร์เจนตินากำลังฉลองครบรอบ 150 ปี ของการปฏิวัติต่อต้านสเปน และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจำนวนมากเดินทางมายังอาร์เจนตินา เพื่อร่วมงานเฉลิมฉลอง อิสราเอลจึงได้ใช้โอกาสนี้ในการลักลอบส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาในประเทศอาร์เจนตินาเพิ่มมากขึ้น ด้วยอิสราเอลรู้ว่าอาร์เจนตินามีประวัติการปฏิเสธการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และน่าจะไม่ยอมจะไม่ส่งตัว Eichmann ให้เป็นผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อให้อิสราเอลดำเนินคดีได้ ‘Ben-Gurion’ นายกรัฐมนตรีอิสราเอลจึงตัดสินใจสั่งให้ ‘Isser Harel’ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง Mossad จัดการลักพาตัว Eichmann เพื่อพาตัวเขามายังอิสราเอล แม้จะผิดกฎหมายของอาร์เจนตินาก็ตาม

เครื่องบินโดยสารแบบ Bristol Britannia ของสายการบิน El Al
แบบเดียวกับที่พา Eichmann ออกจากอาร์เจนตินา

ในวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ.1960 เจ้าหน้าที่ของ Mossad และ Shin Bet เข้าประจำจุดที่ถนน Garibaldi ในเมือง San Fernando หลังจากเฝ้าสังเกตกิจวัตรของเขาเป็นเวลาหลายวัน โดยสังเกตว่า เขากลับจากที่ทำงานโดยรถประจำทางทุกเย็นในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของอิสราเอลวางแผนที่จะจับเขา ตอนที่เขากำลังเดินอยู่ข้างทุ่งโล่งจากป้ายรถเมล์ไปที่บ้านของเขา แผนเกือบถูกยกเลิกในวันที่กำหนดเมื่อ Eichmann ไม่ได้อยู่บนรถบัสที่เขามักจะกลับบ้าน แต่เขาลงจากรถบัสอีกคันในครึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าหน้าที่ของอิสราเอลปล้ำ Eichmann ลงกับพื้น และย้ายเขาไปยังรถ แล้วพาตัว Eichmann ไปยังบ้านปลอดภัยแห่งหนึ่งที่เตรียมขึ้นโดยทีมเจ้าหน้าที่ของอิสราเอล Eichmann ถูกคุมขังอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 9 วัน ในช่วงเวลานั้น ตัวตนของเขาได้รับการตรวจสอบและยืนยันซ้ำอีกครั้ง ใกล้เที่ยงคืนของวันที่ 20 พฤษภาคม Eichmann ถูกนพ.Yonah Elian วิสัญญีแพทย์ชาวอิสราเอลที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมภารกิจฉีดยาสลบ โดย Eichmann ถูกจับปลอมตัวให้เป็นพนักงานสายการบิน El Al ของอิสราเอลซึ่งถูกจัดฉากว่า ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่ศีรษะ พาตัวออกจากกรุงบัวโนสไอเรสด้วยเครื่องบินโดยสารแบบ Bristol Britannia ของสายการบิน El Al แล้ว 3 วันต่อมา นายกรัฐมนตรี Ben-Gurion ประกาศว่า “Eichmann อยู่ในการควบคุมตัวของรัฐบาลอิสราเอลแล้ว”

Adolf Eichmann ระหว่างการพิจารณาคดี

อาร์เจนตินาเรียกร้องให้อิสราเอลส่ง Eichmann กลับ แต่อิสราเอลแย้งว่า สถานะของเขาอยู่ในฐานะอาชญากรสงครามระหว่างประเทศ อิสราเอลจึงมีสิทธิที่จะดำเนินการพิจารณาคดี วันที่ 11 เมษายน ค.ศ.1961 การพิจารณาคดีของ Eichmann ได้เริ่มขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม เป็นการทดลองออกอากาศการพิจารณาคดีทางโทรทัศน์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Eichmann เผชิญกับ 15 ข้อหา รวมถึงอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมต่อชาวยิว และอาชญากรรมสงคราม เขาอ้างว่า เขาแค่ทำตามคำสั่ง ในวันที่ 15 ธันวาคม ผู้พิพากษาอิสราเอลตัดสินว่า เขามีความผิดในข้อหาทั้งหมด และลงโทษให้ประหารชีวิตเขา ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.1962 เขาถูกแขวนคอที่เรือนจำในเมืองรัมลา ไม่ไกลจากกรุงเทลอาวีฟ การประหารชีวิตของเขามีเจ้าหน้าที่กลุ่มเล็ก ๆ เป็นสักขีพยาน ประกอบด้วย นักข่าว 4 คน และ ‘William Lovell Hull’ บาทหลวงชาวแคนาดา ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณของ Eichmann ขณะอยู่ในเรือนจำ และคำพูดสุดท้ายของเขา คือ

“ขอให้เยอรมนีจงเจริญ ขอให้อาร์เจนตินาจงเจริญ ขอให้ออสเตรียจงเจริญ นี่คือ 3 ประเทศที่ผมผูกพันด้วยมากที่สุด และผมจะไม่ลืม ผมขอลาภรรยา ครอบครัว และเพื่อนของผม ผมพร้อมแล้ว เราจะได้พบกันอีกในเร็ว ๆ นี้ เช่นเดียวกับชะตากรรมของมนุษย์ทุกคน ผมจะตายกับศรัทธาในพระเจ้า”

Adolf Eichmann ขณะอยู่ในเรือนจำระหว่างการพิจารณาคดี

ร่างของเขาถูกเผาในเวลาต่อมา และเถ้าถ่านของเขาถูกโปรยลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนอกน่านน้ำอิสราเอล โดยเรือลาดตระเวนของกองทัพเรืออิสราเอล

เรื่อง : ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล
ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ อาจารย์พิเศษหลักสูตรปริญญาโทและเอก นักเล่าเรื่องมากมายในหลากหลายมิติ เป็นผู้ที่ชื่นชมสนใจในประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ

สวธ.เปิดแหล่งเรียนรู้มีชีวิต ณ “บ้านพิพิธภัณฑ์” นายเอนก นาวิกมูล ศิลปินแห่งชาติ

“เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า” คือ จุดเริ่มต้นแนวคิดการเป็นนักสะสมของนายเอนก นาวิกมูล  ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พุทธศักราช 2563 ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณศิลป์โดยเฉพาะงานด้านสารคดี และหลงใหลในการเป็นนักสะสมของเก่า ที่คนในสังคมอาจหลงลืมหรือคนทั่วไปมักมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นของเล่นวัยเด็ก ภาพถนนหนทาง ยวดยานพาหนะ สถาปัตยกรรมบ้านเรือน จิตรกรรมฝาผนัง เอกสารสิ่งพิมพ์ หนังสือเก่า ใบแจ้งโฆษณา ย้อนยุค ร้านทอง ร้านกาแฟโบราณ ร้านขายยา ร้านตัดผม ร้านตัดเสื้อ ร้านถ่ายรูป ห้องครัวและ โรงหนัง ฯลฯ 

เพื่อกระตุ้นให้อนุชนรุ่นหลังเกิดความรักและหวงแหนในมรดกของชาติอันนำไปสู่การอนุรักษ์ เพื่อความเป็นชาติอันมีรากเหง้าสมบูรณ์ สามารถต่อยอดพัฒนาไปในอนาคต  ในโอกาสอันดีนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงได้จัดงานเปิดบ้านพิพิธภัณฑ์มีชีวิตหลังนี้ให้ผู้รักงานวรรณศิลป์ รวมถึงเหล่าผู้ที่ชื่นชอบของสะสมได้เข้ามาสัมผัสและย้อนวันวาน ณ บ้านศิลปินแห่งชาติ นายเอนก นาวิกมูล เลขที่ 170/17 หมู่ที่ 17 ซอยศาลาธรรมสพน์ 3 ถนนศาลาธรรมสพน์ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒน กรุงเทพมหานคร โดยมี นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดงานฯ โอกาสนี้ ศิลปินแห่งชาติ สารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลธรรมศาลา ผู้แทนสำนักงานเขตทวีวัฒนา ผู้บริหารกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมงานเพื่อแสดงความยินดี       

วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2566  เวลา 10.00 น. นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม มอบหมายให้ นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธาน เปิดบ้านศิลปินแห่งชาติฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 “บ้านพิพิธภัณฑ์” ได้เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของชุมชน  วันนี้จึงถือเป็นโอกาสครบรอบ 22 ปี ของการเปิดบ้านพิพิธภัณฑ์จากแนวคิดของนายเอนก นาวิกมูล ศิลปินแห่งชาติ ที่ว่า “เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า” และความร่วมมือของกลุ่มอาสาสมัครต่าง ๆ ที่มีอุดมการณ์เดียวกันร่วมกันจัดตั้งขึ้น เพื่อทำให้บ้านพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่รวบรวมของเก่าโบราณที่หาดูได้ยาก โดยได้มาทั้งจากการบริจาคและซื้อเพื่อเก็บรวบรวมไว้เป็นประวัติศาสตร์และความทรงจำร่วมกันในช่วงเวลาที่ผ่านมาซึ่งแสดงถึงวิถีชีวิต ความเป็นมา และการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน ชาวเมือง ชาวตลาด ในห้วงเวลายุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีกลิ่นอายบรรยากาศสมัยก่อนที่ไม่สามารถหาดูได้ที่ไหนในปัจจุบัน ตามแนวทางการออกแบบเป็นเหมือนห้องแถวในตลาด เพื่อให้เด็ก เยาวชน และประชาชนที่สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม มุ่งหวังว่าบ้านศิลปินแห่งชาติหลังนี้ จะเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน ชาวตลาด ชาวเมืองที่จะเล่าประวัติศาสตร์สังคม (Social History) ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตทางสังคม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน     

จากนั้น นายอนุกูล ใบไกล ผู้อำนวยการกองกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่ากองกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมและขับเคลื่อนการดำเนินงานวัฒนธรรมของศิลปินแห่งชาติ ได้ดำเนินกิจกรรมเปิดบ้านศิลปินแห่งชาติและผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมไปแล้ว จำนวน 31 แห่ง วันนี้นับเป็นโอกาสอันดีของบ้านพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จึงได้จัดพิธีเปิดบ้านศิลปินแห่งชาติ นายเอนก นาวิกมูล ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง นับเป็นบ้านหลังที่ 32 ที่ได้รับการเปิดเป็นบ้านศิลปินแห่งชาติ บ้านพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของชุมชนที่เก็บสั่งสมองค์ความรู้ทั้งเครื่องมือทำมาหากินภูมิปัญญาชาวบ้าน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ภาพถ่ายต่าง ๆ มากมาย ที่จะพาเราย้อนเวลาไปสัมผัสกับอดีตผ่านภาพและห้องจำลองที่จัดแสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คน และประวัติศาสตร์อันล้ำค่าจากของสะสมที่ซ่อนเรื่องราวน่าสนใจเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา เรียนรู้ให้แก่เด็กและเยาวชนในชุมชนจนก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจและภาคภูมิใจในรากเหง้ามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมต่อไป     

สำหรับบรรยากาศในบ้านพิพิธภัณฑ์ ได้จัดแสดงผลงานเขียนและของสะสมต่าง ๆ ของนายเอนก 
นาวิกมูล ประกอบด้วย บริเวณชั้น 1 จัดเป็นร้านของเล่น ร้านขายยา ร้านขายของจิปาถะ มุมหนังสือ และร้านขายของที่ระลึก ส่วนชั้น 2 จัดเป็นโรงหนัง โรงพิมพ์ ร้านตัดผม ร้านตัดเสื้อ ร้านให้เช่าหนังสือนิยาย ร้านถ่ายรูป ห้องครัว บ้านสุวัตถี และห้องจัดแสดงของทั่วไป และชั้น 3 จัดเป็นห้องเรียน ห้องนายอำเภอ  ร้านขายแผ่นเสียง ร้านทอง และร้านสรรพสินค้า ซึ่งรอให้ทุกคนไปเยี่ยมชมและร่วมเพลิดเพลินกับบรรยากาศของวันวานที่หลายคนอาจโหยหาถึงความเรียบง่าย ความสงบ และความสนุกสนานของวงสนทนาสภากาแฟยามเช้าในอดีต

โอกาสนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจและชื่นชอบของสะสมมาร่วมย้อนวันวาน ณ บ้านพิพิธภัณฑ์ 1 แหล่งเรียนรู้ของชุมชนที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์  เปิดให้ชมเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-17.00 น. ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็กโต 10 บาท ผู้พิการ นักบวช เด็กเล็กและผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เข้าชมฟรี ณ บ้านเลขที่ 170/17 หมู่ที่ 17 ซอยศาลาธรรมสพน์ 3 ถนนศาลาธรรมสพน์ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร และบ้านพิพิธภัณฑ์ 2 แหล่งเรียนรู้ใหม่ที่ตำบลงิ้วราย ซอยงิ้วราย 4 อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เปิดให้บริการทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ สามารถติดต่อนัดหมายก่อนเข้าชมได้ที่ 089 200 2801 (อ.เอนก) หรือ 089 666 2008 (คุณวรรณา)

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะเดินทางมาประชุมตรวจเยี่ยมและมอบของบำรุงขวัญให้ข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พล.ต.ต. สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.กฤษฏา แก้วจินดี รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ ผกก.7 บก.ทล. เดินทางมาประชุมตรวจเยี่ยมและมอบของบำรุงขวัญให้ข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความห่วงใยในสถานการณ์และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาศาสนสถานวัดราษฎร์บูรณาราม หรือ วัดช้างให้ ริมทางรถไฟสายหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาศาสนสถาน ทำความสะอาด เก็บกวาดขยะ ตัดหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม้ ปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณโดยรอบวัด เพื่อให้มีความสะอาด สวยงาม ตรวจเยี่ยมกำลังพลในสังกัดสถานีตำรวจทางด่วน 5 กองกำกับการ 7 และสภ.ปะลุกาสาเมาะ พร้อมทั้งประชุมรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้นำศาสนาชาวมุสลิม และมอบเงินให้กับ วัด ชุมชน มัสยิด และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า การตรวจราชการเป็นนโยบายที่ทาง พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เน้นย้ำบำรุงขวัญผู้ใต้บังคับบัญชาโดยเฉพาะข้าราชการตำรวจที่ปฎิบัติอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำงานในพื้นที่ตลอด 24 ชม. และอยู่ในความขาดแคลนจริงๆ ทั้งในส่วนของกำลังพลอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ยังอยู่ตรงที่มีการบูรณาการหลายหน่วยงานที่ทำงานร่วมกันทั้ง ฝ่ายปกครองตำรวจทหาร ทหารพราน อาสาสมัคร ที่ทำงานเข็มแข็ง ในวันนี้ไม่ได้มาตรวจเยี่ยมการทำงานของตำรวจเท่านั้น เราให้ขวัญกำลังใจกับทุกหน่วยที่ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งในวันนี้มีผู้นำศาสนามาร่วมด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการทำโครงการจิตอาสาในเรื่องของความเป็นอยู่ทั้ง 3 จังหวัด อีกทั้งยังได้กิจกรรมโครงการปันสุขผ่านทีมงานจิตอาสา 904ในการทำบ้านให้กับคนที่ไร้บ้าน โดยในห้วง 2 -3 ปีที่ผ่านมาได้มอบความสุขผ่านการสร้างบ้านไปแล้วกว่า 28 หลัง 

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า เราอาจไม่ได้เห็นความสงบสุขในเร็ววัน แต่เรากำลังสร้างความสุขให้พี่น้องสามจังหวัดชายแดนใต้ เราอยากได้อะไรกับเขา พี่ก็จะ พยายามให้พวกเขาก่อน ทั้งความรักความจริงใจทุกอย่าง จากที่เราเห็นว่าวันนี้มีผู้นำศาสนากว่า 21 มัสยิดมาร่วมงานเป็นนิมิตหมายที่ดีในส่วนหนึ่ง เฟืองจักรสำคัญกำลังหมุน ความรักความเข้าใจการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตนก็พยายามเน้นย้ำการทำโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่ง คือการสืบสาน รักษา ต่อยอด และการปิดทองหลังพระ สักวันหนึ่งก็จะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามขอบคุณพี่น้องชาวไทยมุสลิมสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น และได้เน้นย้ำผู้ปฎิบัติให้ดำเนินการทำซีเอสอาร์ในเรื่องของการทำจิตอาสาเข้ามาในพื้นที่

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า กำชับการปฏิบัติหน้าที่และตรวจสอบอาวุธปืนอย่างเคร่งครัดและมอบนโยบายเกี่ยวกับงานป้องกันปราบปรามโดยกำชับให้ปฏิบัติงานโดยยึดหลักตามยุทธวิธีในการปฏิบัติหน้าที่ เน้นย้ำให้ผู้ที่ปฎิบัติหน้าที่หัวหน้าในแต่ละชุด ต้องตรวจสอบเพื่อพร้อมทั้งเรื่องสุขภาพของตำรวจ พาหนะและอาวุธประจำกายก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง ย้ำให้ผู้กำกับหัวหน้าส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด เพื่อความสามัคคีในหน่วย

‘เพื่อไทย’ ค้าน!! ‘ก้าวไกล’ แก้ รธน.272 ชี้ เป็นไปได้ยาก จ่อหารือกับพรรคร่วมรอบ 2 ยังไม่เคาะชื่อ ‘พิธา’ ชิงนายกฯ

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 66 ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ตัวแทนพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้นัดหารือกันหลังการโหวตชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตพรรคก้าวไกล ไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา โดยมีตัวแทนพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ขณะที่พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที

บรรยากาศที่ประชุมวันนี้เป็นไปได้ด้วยดี โดยได้หารือถึงภาพกว้างประเมินสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 วันที่ 19 ก.ค.นี้ โดยมองว่าในที่ประชุมรัฐสภาฯ จะมีการทักท้วงเกี่ยวกับการเสนอญัตติเดิมซ้ำในสมัยประชุมได้หรือไม่ รวมถึงประเมินว่าฝ่ายรัฐบาลเดิมอาจเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ เข้ามาแข่งด้วย ซึ่งวงหารือยังไม่ได้ลงรายละเอียด เพียงแต่อยากประเมินสถานการณ์ให้แต่ละฝ่ายไปหาทางรับมือประเด็นนี้ไว้ล่วงหน้า ส่วนเรื่องที่พรรคก้าวไกลยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 นั้น พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยเนื่องจากเป็นไปได้ยาก เพราะญัตติดังกล่าวต้องอาศัยเสียง ส.ว.ถึง 84 เสียง มองว่าเวลานี้ควรมุ่งหน้าเรื่องจัดตั้งรัฐบาลกันก่อน

ทั้งนี้ หลังจากนี้ทาง 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะนัดหารือกันอีกครั้ง ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา และจะมีการแถลงข่าวให้ทราบอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่สรุปว่ายังเสนอชื่อนายพิธา ให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตให้เป็นนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ และยังไม่มีการหารือรายชื่อนายกฯ รอบ 2 ว่าจะเป็นในรูปแบบใด เพราะต้องรอความเห็นจากที่ประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลก่อน ส่วนการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 พรรคก้าวไกลจะรวบรวมเสียง ส.ว.หรือไม่นั้น ที่ประชุมก็มีการพูดคุยกัน แต่ก็ต้องมาหารือกันอีกครั้งในที่ประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล

‘โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย’ โชว์พลังเสียง!! สร้างชื่อให้ประเทศไทย คว้า ‘เหรียญทอง’ แข่งขันขับร้องประสานเสียงโลกที่เกาหลีใต้

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 66 คณะนักร้อง ‘Wattana Children’s Chorus’ และคณาจารย์ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โชว์ขับร้องประสานเสียง ในแข่งขันขับร้องประสานเสียงโลก ที่จัดขึ้น ณ เมืองคังนึง จังหวัดคังวอน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 8 กรกฎาคม – 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 จนสามารถคว้ารับรางวัล ‘เหรียญทอง’ จากการแข่งขันได้สำเร็จ

ทั้งนี้ นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ส่งข้อความร่วมแสดงความยินดีแก่คณะนักร้อง ‘Wattana Children’s Chorus’ คณาจารย์ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า…

“ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนสมาชิก ‘Wattana Children’s Chorus’ คณาจารย์ และทุกท่านที่เกี่ยวข้องซึ่งมีส่วนสนับสนุนคณะนักร้องประสานเสียงจนสำเร็จได้รับรางวัลเหรียญทองที่เกาหลีใต้ในครั้งนี้ ผมเข้าไปดูคลิปการประกวดและการแสดงที่ส่งมาให้แล้ว ไพเราะและเหมาะสมกับความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชุดเพลงรำวงไทยที่นำมาเสนอ ได้แก่ งามแสงเดือน ยวนยาเหล และลอยกระทง ซึ่งมีท่อนที่นำทั้งสามเพลงมาสอดประสานกันนั้น ได้สะท้อนความเป็นไทยให้ผู้ชมได้เห็นความงดงามจนเป็นที่จับใจ

ในการนี้ ขอเป็นกำลังใจให้สมาชิกนักร้องประสานเสียงโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยรุ่นต่าง ๆ มุ่งฝึกฝนพัฒนาฝีมือการขับร้องด้วยความรักและความสนุกสนานต่อไป ขอให้มองการแข่งขันและการประกวดไกลไปกว่าเรื่องแพ้ชนะและรางวัล โดยสิ่งสำคัญคือการได้โอกาสสร้างมิตรภาพและการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนให้สมบูรณ์ยิ่ง ๆ ขึ้นครับ” นายวิชชุ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top