Saturday, 24 May 2025
ค้นหา พบ 48326 ที่เกี่ยวข้อง

‘โรม’ ซัด!! ‘พีระพันธุ์’ เป็นใครมาไล่ประชาชน หวังแต่จะแช่แข็งประเทศไทย-ไล่คนเห็นต่าง

‘ก้าวไกล’ เร่ง สตช. เคลียร์ให้ชัด ‘แฮกเกอร์ 9near’ มีใครอยู่เบื้องหลัง-เกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่ ชี้ ‘พีระพันธุ์’ ทัศนคติอันตราย แช่แข็งประเทศไทย-ไล่คนเห็นต่าง จี้ซ้ำ ปปง. จะเงียบไปถึงไหน ปม ‘ส.ว.ทรงเอ’ โดนข้อหาสมคบฟอกเงิน

(10 เม.ย.66) ที่พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวประจำสัปดาห์ในหลายประเด็น เริ่มจาก ข้อสังเกตต่อกรณีแฮกเกอร์ใช้ชื่อ ‘9near’ โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ ที่จนถึงตอนนี้ตำรวจยังจับกุมตัวไม่ได้ว่า เรื่องนี้เป็นการหลุดของข้อมูลครั้งสำคัญที่ไม่อาจประมาณมูลค่าความเสียหายได้ ตนและพรรคก้าวไกลติดตามอย่างใกล้ชิด และต้องการเห็นการรับมืออย่างเป็นมืออาชีพของรัฐบาล โดยจากข้อมูลที่ปรากฏ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ตำรวจขอออกหมายจับ มีการทราบตัวและทราบที่อยู่ของแฮกเกอร์ แต่กลับไม่มีการควบคุมตัว พรรคก้าวไกลมองว่ามีความไม่ชอบมาพากล อาจมีคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งหมายความว่าการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนี้กำลังเจอ ‘ตอ’ อยู่หรือไม่

เป็นไปได้หรือไม่ที่ทหารยศจ่าสิบโทคนดังกล่าวอาจอยู่ท่ามกลางข้อมูลจำนวนมากที่เกี่ยวกับความมั่นคง แต่การที่กองทัพออกมาปฏิเสธบอกว่าการกระทำที่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ตนคิดว่ากองทัพไม่ควรร้อนตัว ต้องให้มีการตรวจสอบก่อน จะอ้างขั้นตอนระบบราชการอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เว้นเสียแต่ว่าคนที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้เป็นคนมีอำนาจ หรือมีความเป็นไปได้ที่จะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อใส่ร้ายบางพรรคหรือนักการเมืองบางคน โดยพรรคก้าวไกลได้ติดตามการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเรื่องนี้ หวังว่าจะไม่ทำลายอาชีพของตัวเองด้วยการปล่อยให้ข้อมูลของประชาชนอยู่ในมือมิจฉาชีพ

ต่อมารังสิมันต์ กล่าวถึงกรณี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปราศรัยไล่คนเห็นต่างออกจากประเทศ พร้อมผลิตซ้ำวาทกรรมชังชาติ ล้มเจ้า โดยขอตั้งคำถามกลับว่า พีระพันธุ์เป็นใครจึงมาไล่ประชาชน ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ นักการเมืองมาเป็นรัฐบาลไม่มีสิทธิไล่ผู้เห็นต่าง ในสังคมประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติมากที่ประชาชนจะมีความเห็นแตกต่างกัน การแสดงความเห็นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตนสงสัยว่าทำไมพีระพันธุ์จึงไม่เข้าใจ ทั้งที่เป็นนักการเมืองมานาน เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เคยนั่งอยู่ในกรรมาธิการการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกรรมาธิการที่มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนทุกคนไม่ให้ถูกละเมิด

"ความคิดของคุณพีระพันธุ์ ที่จะแช่แข็งประเทศไทย เป็นเรื่องที่อันตรายของคนที่คิดจะเป็นรัฐบาล เพราะความคิดที่บอกว่าสังคมต้องเหมือนเดิมไม่ต้องเปลี่ยน ก็คงเท่ากับประชาชนต้องอยู่กับปัญหา ความคิดแบบนี้ไม่มีทางทำให้สังคมก้าวหน้าได้ ผมอยากให้คุณพีระพันธุ์คิดให้ดีว่าหากอยากทำเพื่อประชาชนจริงๆ ควรจะใช้อำนาจที่มีปกป้องประชาชน ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ทั่วประเทศ ผมพบว่าปัญหายาเสพติดกำลังเป็นปัญหาร้ายแรง ขอถามว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำอะไรบ้าง" รังสิมันต์กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดี ส.ว.ทรงเอ รังสิมันต์กล่าวว่า ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและรอคอยความคืบหน้าว่าจะนำไปสู่บทสรุปอย่างไร ยอมรับว่ารู้สึกกังวลอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะเป็นปาหี่ นำไปสู่การช่วยเหลือ ส.ว.ทรงเอ เพราะทั้งที่ ส.ว.ทรงเอ หรือ อุปกิต ปาจรียางกูร มีสายสัมพันธ์กับขบวนการค้ายาเสพติดของ ทุน มิน ลัต แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน ทำให้กระบวนการยุติธรรมอาจถูกตั้งคำถามว่ามี 2 มาตรฐาน

“ผมยังเชื่อใจว่าองค์กรอัยการจะไม่เอาชื่อเสียงของตัวเองมาทิ้งกับเรื่องนี้ คำถามคือตอนนี้รออะไร เมื่อไรกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จะส่งสำนวน เพื่อให้อัยการดำเนินการต่อไป หวังว่าก่อนสงกรานต์จะมีความชัดเจน มิเช่นนั้นประชาชนจะตั้งคำถามว่าพวกท่านกำลังช่วยเหลือ ส.ว.ทรงเอ ซึ่งอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” รังสิมันต์กล่าว

สวนสัตว์โคราชเปิดตัว!! ‘ลูกพญาแร้ง’ ตัวแรกของเอเชีย หลังพยายามเพาะขยายพันธุ์มานานกว่า 30 ปี 

องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย โดยสวนสัตว์นครราชสีมา เปิดตัว ‘ลูกพญาแร้ง’ ตัวแรกของทวีปเอเชียและของประเทศไทย หลังรอมากว่า 30 ปีภายใต้การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูประชากรพญาแร้งในถิ่นอาศัยของประเทศไทยเพื่อเป็นต้นแบบในการฟื้นฟูประชากรแร้งในพื้นที่ธรรมชาติของประเทศไทย

(10 เม.ย. 66) ที่สวนสัตว์นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย โดยสวนสัตว์นครราชสีมา ได้เปิดตัว ‘ลูกพญาแร้ง’ เพศเมีย ตัวแรกของทวีปเอเชีย และของประเทศไทย ภายใต้การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูประชากรพญาแร้งในถิ่นอาศัยของประเทศไทยเพื่อเป็นต้นแบบในการฟื้นฟูประชากรแร้งในพื้นที่ธรรมชาติ ของประเทศไทย โดยมีนายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และนายธนชน เคนสิงห์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์นครราชสีมา ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว

โดยแม่พญาแร้งได้ออกไข่ใบแรก เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 และทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้นำเข้าตู้ฟัก เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 โดยธรรมชาติพญาแร้งจะออกไข่ครั้งละ 1 ฟองเท่านั้นต่อฤดูการผสมพันธุ์แต่เพื่อเพิ่มโอกาสในการเพิ่มประชากร ทางเจ้าหน้าที่โดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ จึงนำไข่มาฟักในตู้ฟักเพื่อเพิ่มอัตราการฟักเป็นตัวมากยิ่งขึ้นและเพื่อเพิ่มประชากรพญาแร้ง โดยให้แม่พญาแร้งออกไข่ใบที่สอง และเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นความสำเร็จครั้งแรกของประเทศไทยที่แม่พญาแร้ง สามารถออกไข่ใบที่สอง ซึ่งใบนี้จะปล่อยให้แม่พญาแร้งฟักเองเพื่อยังคงสัญชาตญาณตามธรรมชาติ ซึ่งคาดว่าอาจได้รับข่าวดีในเร็วๆ นี้

โดยลูกพญาแร้งจากไข่ใบแรก ฟักออกมาเป็นตัว เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งใช้เวลาการฟักในตู้ฟักประมาณ 50 วัน สำหรับลูกพญาแร้ง ซึ่งเกิดจากแม่ชื่อว่า นุ้ย และพ่อชื่อ แจ็ค หลังจากพญาแร้งน้อยลืมตาดูโลกก็ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์เป็นอย่างดี

นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โลกของเรามีแร้งทั้งหมด 23 ชนิดในประเทศไทยพบ 5 ชนิด รวมถึงพญาแร้ง ซึ่งเป็นแร้งประจำถิ่นของประเทศไทย ปัจจุบันประเทศไทย ไม่พบแร้งประจำถิ่นอยู่ในธรรมชาติอีกเลยมานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยพญาแร้งฝูงสุดท้ายพบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติแล้วกว่า 30 ปี จากการโดนยาเบื่อที่พรานล่าสัตว์ป่าใส่ไว้ในซากเก้งเพื่อล่าเสือโคร่ง ซึ่งพบซากพญาแร้งครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535 แร้งทุกชนิดทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะพญาแร้ง ที่มีสถานภาพเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ (CR) ตามองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ ปัจจุบันทั่วโลกมีประชากรพญาแร้งในธรรมชาติไม่ถึง 9,000 ตัว การเกิดขึ้นของลูกพญาแร้งในสถานที่เพาะเลี้ยงถือเป็นเรื่องยากมาก โดยปัจจุบันประเทศไทยมีพญาแร้งแค่ในสถานที่เพาะเลี้ยง จำนวนเพียงแค่ 6 ตัวเท่านั้น

สวนสัตว์นครราชสีมา มีความพยายามเพาะขยายพันธุ์พญาแร้งมากว่า 20 ปี โดยพ่อแม่พญาแร้งคู่แรก เริ่มให้ไข่ครั้งแรกเมื่อปี 2563 แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไข่ไม่มีเชื้อ จึงมีความพยายามจับคู่ผสมพันธุ์ใหม่โดยใช้วิธีตามธรรมชาติ ปัจจุบันลูกพญาแร้งเกิดใหม่ในสถานที่เพาะเลี้ยงทั่วโลก มีเพียงแค่ประเทศอิตาลี และประเทศไทยนับเป็นประเทศที่สองที่สามารถเพาะขยายพันธุ์พญาแร้งได้ในสถานที่เลี้ยง นับเป็นความสำเร็จขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย

‘จ๊ะ นงผณี’ งง!! คู่กรณีตุ๋นลงทุน ‘Forex3D’ ขอไกล่เกลี่ย ลั่น!! “เสียเงิน เสียเวลา และยังเสียได้อีก ขอแค่ให้เข้าคุก”

จ๊ะ เหวอคู่กรณีตุ๋นลงทุน Forex3D ทำสูญ 60 ล้าน ขอเลื่อนนัด-ไกล่เกลี่ย ลั่นไม่ยอม จะเสียแค่ไหนก็ได้ ขอแค่ให้พวกมึงเข้าคุก

จากกรณีที่ จ๊ะ – นงผณี มหาดไทย นักร้องดัง ยอมรับว่าเคยถูกหลอก ชวนลงทุนใน FOREX-3D สูญเงินสดกว่า 60 ล้าน และไม่ได้เงินคืน เธอโทษตัวเองก่อนเพราะโลภเอง ทุกวันนี้ทำงานไม่บ่นสักคำเพราะชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป กระทั่งได้ตัดสินใจฟ้องเพื่อเอาผิดกับผู้ที่ชวนลงทุน

(10 เม.ย. 66) จ๊ะได้โพสต์บทสนทนาระหว่างเธอกับทนายความส่วนตัว เกี่ยวกับคดีฟ้องร้องดังกล่าวว่า “วันนี้ทนายของจ๊ะมีนัดขึ้นศาล กรณี forex 3d ที่จ๊ะโดนหลอกให้ไปร่วมลงทุน สรุป คู่กรณีที่จ๊ะฟ้อง ขอเลื่อนการมาขึ้นศาล แต่แจ้งทางเรามาว่า พร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ย”
ซึ่งในรูปภาพก็สรุปได้ว่า ทนายความจ๊ะแจ้งว่า ทางคู่กรณีไม่ได้มาขึ้นศาลเองแต่ส่งทนายมา โดยมีประสงค์ที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยในนัดหน้า

ปัญหาใหญ่ของโลก คนรุ่นใหม่คลั่ง ‘ลัทธิปัจเจกชนนิยม’ ขั้นรุนแรง จนขาดความเข้าใจใน ‘ลัทธิเสรีนิยม’

คนรุ่นใหม่และพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ซึ่งคลั่งไคล่ใน Individualism (ลัทธิปัจเจกชนนิยม) อย่างรุนแรง มีวิธีคิดและการปฏิบัติที่ล้ำเส้นของ Liberalism (ลัทธิเสรีนิยม) ที่ได้นำมากล่าวอ้างจะทำให้สังคมอยู่อย่างสงบสุขได้ยากมากขึ้น

เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งในสังคมไทยกำลังพยายามทำให้ Individualism กลายเป็นกระแสหลัก ซึ่งที่สุดเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น สังคมก็จะต้องพบกับปัญหาต่าง ๆ เยอะแยะมากมายที่จะตามมา

เรื่องแรกคือ...การตรากฎหมายใหม่ ๆ จะทำได้ยากมากขึ้น เพราะการตรากฎหมายมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครอง Public interest (ผลประโยชน์สาธารณะ) ซึ่งตรงข้ามกับ Individual requirement (ความต้องการของแต่ละปัจเจก)

คนกลุ่มนั้นเองที่จงใจบิดเบือน โดยกล่าวอ้างถึงความเป็น Liberalism (ลัทธิเสรีนิยม) แต่เปล่าเลย สิ่งซึ่งคนเหล่านั้นแสดงออก และเรื่องต่าง ๆ ที่คนเหล่านั้นพูดและทำล้วนแล้วแต่เป็นเรื่อง Individualism ทั้งหมดทั้งสิ้น

อันที่จริงแล้ว Individualism เป็นลัทธิที่เบี่ยงเบนไปจาก Liberalism (ลัทธิเสรีนิยม) มาก เพราะแม้ Liberalism จะเน้นถึงเสรีภาพ แต่ก็ยังยอมรับว่า ทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่คุ้มครองประโยชน์ส่วนรวมของสังคม แต่ Individualism นั้นกลับไปเน้นที่เสรีภาพของปัจเจกบุคคล โดยยึดปัจเจก (ตนเอง) เป็นศูนย์กลาง โดยไม่ถึงความผิด ชอบ ชั่ว ดี ตามบรรทัดฐานของสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ๆ

เพราะกระแสของ Individualism จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยอ้างเหตุผลว่า การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่นั้น ขัดต่อ Free will (เจตจำนงเสรี) อันเป็น Fundamental right (สิทธิขั้นพื้นฐาน) ของ Free people (เสรีชน) ซึ่งจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยพยายามเรียกกันให้ดูดีว่า อารยะขัดขืน (Civil disobedience) และใช้ช่องทางกฎหมายที่มีอยู่ในการต่อสู้ หากไม่ชนะคดีก็จะกล่าวหาว่า กฎหมายไม่เป็นธรรม หรือกระบวนการยุติธรรมไม่เป็นธรรม เพื่อสถาปนาความชอบธรรมให้แก่ข้ออ้างของตนเอง ซึ่งตอนนี้ก็เห็นกันมากมายเกิดขึ้นทั้งโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบ้านเมืองของเราในห้วงเวลาที่ผ่านมาไม่นาน

ภาวะเช่นนี้อันตรายต่อความเป็นอยู่ (Existing) ของรัฐ แต่ใครก็ตามที่โต้แย้งปรากฏการณ์เช่นนี้จะถูก Classify (จัดประเภท) ว่าเป็นบุคคลจำพวกอำนาจนิยมโดยอัตโนมัติ และเป็นฝ่ายตรงข้ามของคนรุ่นใหม่ เพราะแนวคิดของ Individualism จะให้น้ำหนักแก่ Individual interest (ผลประโยชน์ของแต่ละปัจเจก) โดยไม่สนใจ Public interest ระบบกฎหมายมหาชนจึงถูกท้าทายและทดสอบโดยมีความถี่มากขึ้น แล้วต่อไปการตรากฎหมายเพื่อกลุ่มผลประโยชน์ยิบย่อยก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนน่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันเองระหว่างกฎหมายเก่าที่มุ่งรักษา Public interest กับกฎหมายใหม่ที่สนับสนุน Individualism เหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและกระจัดกระจาย แต่ก็ชัดเจนมากขึ้น

 

''ผบ.ตร.เปิดศูนย์ลดอุบัติเหตุทางถนน วันสงกรานต์''

“ผบ.ตร.เปิดศูนย์ลดอุบัติเหตุทางถนน สงกรานต์ ส่งตำรวจกว่า 1 แสนนาย ดูแลความปลอดภัย เข้มงวดจราจร รถเร็ว เมาขับ สวมหมวก นั่งรถกระบะเล่นน้ำ หวังลดอุบัติเหตุ ชวนฝากบ้าน 4.0 พบมียอดฝากแล้ว 1,012 หลัง” 

วันนี้ (10 เม.ย.66) เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์  รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์  ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วีระ  จิรวีระ รอง จตช. และผู้บังคับบัญชาของศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ร่วมแถลงเปิด "ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566" เพื่อกำกับ ดูแลและสั่งการ ในการอำนวยการจราจรและแก้ไขสถานการณ์อุบัติเหตุ ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (11 – 17 เม.ย.66)  

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร. กล่าวว่า “ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยความปลอดภัยพี่น้องประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้ทุกหน่วยบูรณาการร่วมปฏิบัติทุกมิติ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งเตรียมกำลังพลกว่า 100,000 นาย เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมอำนวยความสะดวกการจราจร ให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุ  โดยจะปฏิบัติงานตลอดช่วงเทศกาลไม่มีวันหยุด สำหรับวันนี้ เป็นวันแรกที่เปิด ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ได้สั่งการให้ บช.น. ภ.1-9 และ บก.ทล. ปฏิบัติดังนี้

1) มาตรการอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย  ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีรถเดินทางเข้าออก กทม. มากถึงจำนวน 7 ล้านคัน ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว 5.3% โดยคาดการณ์ปริมาณรถขาออกมากที่สุด วันที่ 12 และ 13 เม.ย.66 และปริมาณรถขาเข้ามากที่สุด วันที่ 16 และ 17 เม.ย.66  จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยประสานเจ้าของถนนคืนพื้นผิวการจราจร จุดที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซม เป็นเหตุให้รถชะลอตัว โดยสามารถคืนพื้นผิวได้ทั้งหมด 536 จุดทั่วประเทศ รวมระยะทางกว่า 1,595 กม. จัดตำรวจอำนวยการจราจร ตามจุดสำคัญที่มีปัญหาการจราจร รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว และในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ให้มีชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์ เช่น รถยก รถสไลด์  เข้าถึงที่เกิดเหตุและคลี่คลายการจราจรได้ทันที นอกจากนี้ ยังได้ออกข้อบังคับเปิดช่องทางพิเศษเพื่อเร่งระบายรถ ทั้งขาเข้าและออก กทม. 9 เส้นทาง 16  จังหวัด รวมระยะทาง 457 กม. โดยตำรวจทางหลวงได้เปิดช่องทางพิเศษไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน และจะดำเนินการต่อเนื่องตามสภาพการจราจร  มีการได้ออกข้อบังคับห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินในถนน 7 เส้นทาง เพื่อลดความหนาแน่นของการจราจรรวมระยะทาง 194 กม. สำหรับรถบรรทุกที่มีความจำเป็นต้องเดินรถ เช่น รถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารสด สามารถยื่นคำขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ ของ บก.ทล. ได้ที่  www.hwpdth.com 

2) มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กำหนดเป้าหมายให้ทุก ภ.จว. ลดจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ จากค่าเฉลี่ยสงกรานต์ 3 ปีย้อนหลัง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 โดยมีมาตรการให้ทุกหน่วยทำบัญชีกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เพื่อเข้าไปรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องปรามกลุ่มเป้าหมาย และตั้งจุดตรวจเพื่อกวดขันจับกุมการกระทำผิดกฎจราจรที่ เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยเริ่มบังคับใช้กฎหมายตั้งแต่ 4 เม.ย.66 เป็นต้นมา  เน้นหนักใน 10 ข้อหา ด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะ ขับรถในขณะเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งตั้งแต่วันที่ 4 – 9 เม.ย.66 (รวม 6 วัน) ที่ผ่านมามีการจับกุม 10 ข้อหา รวมทั้งสิ้น 171,539 โดยมีข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 443 ราย โดยในห้วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (11-17 เม.ย.66) ตร. ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มในการกวดขันวินัย

โดยมีการตั้งจุดตรวจทั่วประเทศรวม 3,820 จุด แบ่งเป็น จุดตรวจกวดขันวินัยจราจร  2,183 จุด (กำลังพล 20,605 นาย) จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 1,637 จุด (กำลังพล 14,821 นาย) นอกจากนั้น กรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต  จะทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกรายเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน  หากผู้ขับขี่ปฏิเสธไม่ยอมให้ทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ จะถูกกฎหมายสันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522

สำหรับวิธีการปฏิบัติตนในการนั่งท้ายกระบะ ตร. ได้มีประกาศ เรื่อง การยกเว้นให้คนโดยสารไม่ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยในรถบางประเภท พ.ศ.2566 ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่ 19 มี.ค.66 โดยกำหนดจำนวน นั่งท้ายรถกระบะไม่เกิน 6 คน   นั่งใน Space cab ไม่เกิน 3 คน  และการนั่งท้ายกระบะต้องไม่นั่งริมขอบกระบะ และต้องปิดฝากระบะ รวมทั้งต้องขับชิดซ้ายใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.  จึงขอประชาสัมพันธ์ในช่วงสงกรานต์ หากจะมีการใช้รถกระบะบรรทุกคนโดยสารเล่นน้ำ จะต้องนั่งไม่เกิน จำนวนดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ

ผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ต้องการสอบถามเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุ หรือ ขอความช่วยเหลือ โทร. 1193 (ทางหลวงทั่วประเทศ) หรือ 1197 (กทม. และปริมณฑล) หรือ 191 และ 1599

ทั้งนี้ ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ตั้งแต่ 10 เม.ย.66 ถึง 18 เม.ย.66 กำหนดให้มีการประชุมติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุและการจราจรทุกวัน ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น โดยมอบหมาย พล.ต.อ.รอยฯ พล.ต.ท.ธนาฯ พล.ต.ท.ประจวบฯ และ พล.ต.ท.วีระฯ เป็นประธานการประชุมตลอด 7 วัน และวันนี้เป็นการประชุมเปิดศูนย์ฯ  เพื่อสั่งการทุกหน่วยให้เตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายก่อนเริ่มภารกิจจริง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top