Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48149 ที่เกี่ยวข้อง

‘นักวิเคราะห์’ ชี้!! ซื้อหุ้นเทคโนโลยีตอนนี้ดีหรือไม่ หลังกระแส AI อาจจะช่วยดันหุ้นเทคได้มากขึ้น

(1 เม.ย.66) World Maker เผยว่า ท่ามกลางกระแสข่าวร้ายของภาคธนาคารที่โหมกระหน่ำตลาดไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังแทบไม่สะทกสะท้านและดีดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ในไตรมาส 1 ของปี 2023 นี้ Nasdaq100 ซึ่งเป็นดัชนีรวมของกลุ่มเทคโนโลยีเด่น ๆ ปรับตัวสูงขึ้น +17% ขณะที่หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่หลายตัวดีดขึ้นมาจากจุด Low มากกว่า +50% เลยทีเดียว!

การดีดขึ้น +17% ของ Nasdaq ในช่วง 1 ไตรมาสถือว่าทำสถิติได้ดีที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนหลายคนคิดว่าเป็นแรงหนุนสำคัญก็คือเรื่องของ Generative AI อย่าง ChatGPT รวมถึงท่าทีของ FED ที่ผ่อนคลายลงบ้างในเรื่องดอกเบี้ย

โดยหุ้นกลุ่มเทคพุ่งขึ้นท่ามกลางวิกฤต Bank Run และความเชื่อมั่นที่ลดลงของภาคธนาคาร ในขณะที่ FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุด +0.25% และแม้ว่า Jerome Powell จะกล่าวว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก แต่การปรับขึ้น +0.25% นั้นดูผ่อนคลายกว่าท่าทีก่อนหน้านี้ที่ FED กล่าวว่าอาจกระชับดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นอีก (ทำให้ก่อนเกิด Bank Run มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยคาดว่า FED มีโอกาสกลับไปขึ้นดอกเบี้ย +0.5%)

นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมักจะมีความอ่อนไหวด้านความเคลื่อนไหวของราคาต่อการประกาศดอกเบี้ยของ FED ดังนั้น ในช่วงที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วจึงทำให้หุ้นเทคฯ หลายตัวร่วงลงจนมีมูลค่าน่าดึงดูดใจ ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤต Bank Run และนักลงทุนจำนวนไม่น้อยคาดว่า FED จะชะลอหรือลดดอกเบี้ย จึงมีกระแสเงินไหลกลับเข้าไปในหุ้นเทค

อีกเหตุผลที่นักวิเคราะห์กล่าวคือ ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี 2022 หุ้นเทคได้ถูกจัดอยู่ในโซนมีการขายมากเกินไป (Oversold) และความเชื่อมั่นของหุ้นเทคได้ปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ พร้อมกับข่าวปลดพนักงานจำนวนมากที่หลายคนมองว่าจะทำให้หุ้นเทคมีผลกำไรดีขึ้น

เมื่อเหตุผลตามหลักเศรษฐศาสตร์เหล่านี้มารวมกัน มันจึงกลายเป็นสิ่งที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์มองว่าไม่น่าแปลกใจที่หุ้นเทคโนโลยีสามารถดีดขึ้นได้ท่ามกลางวิกฤตธนาคาร

นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยียังดูดีกว่าในเรื่องของความสามารถในการทำกำไรท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยสูง แต่มีสัดส่วนหนี้ค่อนข้างต่ำ พร้อมกับงบดุลที่แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่น ๆ โดยเฉพาะธนาคาร และยังถือเป็นผู้ได้รับประโยชน์จาก Megatrend ของโลกที่จะเปลี่ยนไปสู่ Digital Economy มากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต ทำให้หลายคนมองว่าเทคโนโลยีอาจเป็นจุดที่สดใสของตลาดได้ต่อไป?

อย่างไรก็ตาม บางคนไม่ได้มองเช่นนั้น โดยกล่าวว่านักลงทุนกำลังตัดสินใจผิดที่มองว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสามารถเป็นที่หลบภัยได้ท่ามกลางสภาพตลาดในตอนนี้ เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในการเติบโต แต่ปัจจัยดังกล่าวกำลังเสื่อมถอยลง และอนาคตก็ไม่แน่นอน เนื่องจาก Demand เริ่มอ่อนตัวในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว

คนกลุ่มนี้มองว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่บริษัทเทคกำลังเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก เพราะบริษัทตระหนักว่าไม่สามารถเพิ่มรายได้ในการดำเนินธุรกิจ จึงต้องลดค่าใช้จ่ายลง แตกต่างจากกลุ่มแรกที่มองว่าการลดพนักงานจะยิ่งส่งผลให้กำไรสูงขึ้น (ซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้จริง ๆ แต่ก็อาจไม่ใช่เรื่องดี?)
 

 3 ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญต่อหุ้นเทคโนโลยีนั้นถูกมองไว้ดังนี้...

1.) ความสามารถในการทำกำไร
2.) สภาพคล่องในตลาด (เช่นการ QE และ QT ของ FED) และดอกเบี้ย
3.) การประเมินมูลค่าหุ้น

ดังนั้น แม้ว่าปัจจุบันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะดูน่าดึงดูดในสายตาของหลายคน แต่พร้อมกันนี้ก็อาจมีความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ซึ่งอาจส่งผลเชิงลบได้ในอนาคต นั่นหมายความว่าเราไม่ควรประมาทหรือ Bias มากเกินไปว่าหุ้นกลุ่มเทคจะพุ่งขึ้นแบบไม่บันยะบันยังท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ เพราะมีความเป็นไปได้เช่นกันที่หุ้นเทคจะเกิดการปรับฐานอีกครั้งในระยะสั้น แม้ว่าจะไม่มีใครการันตีได้ 100% ว่าจะเกิดขึ้นจริงก็ตาม

อนึ่ง ทางด้าน Michael Burry นักลงทุนชื่อดังจาก The Big Short ได้ออกมา Tweet ยอมรับว่า “เขาผิด” ที่ก่อนหน้านี้ออกมาแนะนำให้ ‘นักลงทุนขายหุ้น’ เนื่องจากตลาดปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ที่เขาทวีตข้อความว่า Sell มาจนถึง ณ วินาทีนี้

โดยรวมแล้ว สถานการณ์ของหุ้นในปัจจุบันดูยืดหยุ่นว่าตลาดตราสารหนี้ซึ่งผันผวนอย่างมากในแต่ละวัน แต่หลังจากจบไตรมาสนี้ไปจนถึงท้ายปี เราก็คงต้องมาลุ้นกันว่าตลาดหุ้นจะยังคงความยืดหยุ่นและทนทานต่อแรงกดดันด้านเศรษฐกิจต่อไปได้อีกหรือไม่?

ไม่มีใครปฏิเสธว่ามีโอกาสที่หุ้นเทคฯ จะพุ่งได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีใครรู้เช่นกันว่าจะมีการปรับฐานหรือไม่ ดังนั้นสำหรับคำถามที่ว่าเราควรซื้อหุ้นเทคในตอนนี้หรือไม่นั้น คงไม่มีใครให้คำตอบกับเราได้ดีเท่ากับตัวเราเอง ซึ่งเราก็ควรชั่งน้ำหนักและตัดสินใจเอาระหว่างความเสี่ยงกับโอกาสในระยะยาว ว่าควรลงทุนหรือไม่ควร แล้วถ้าลงจะลงมากน้อยแค่ไหนเพื่อไม่ให้เสี่ยงเกินไป?

พร้อมกันนี้ Janet Yellen ออกมากล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีงานต้องทำอีกมากในการยกระดับกฏระเบียบการกำกับดูแลระบบการเงินของประเทศ หลังจากการล้มของ SVB, Silvergate และ Signature Bank แสดงให้เห็นว่ากฏระเบียบในปัจจุบันยังเข้มงวดไม่เพียงพอ โดยเฉพาะกับธนาคารขาดเล็ก-กลางที่มีกฏหมายยกเว้นให้ไม่ต้องทดสอบความเครียดเหมือนกับธนาคารใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด Bank Run ขึ้นมา

คำกล่าวของ Yellen เกิดขึ้นในขณะที่ทำเนียบขาวกำลังเร่งให้หน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารมีการกำหนดกฏเกณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะด้านการทำ Stress Test ที่เข้มงวดขึ้นโดยใช้มาตรฐานเดียวกันไม่ว่าจะเป็นธนาคารและสถาบันการเงินขนาดเล็กไปจนถึงยักษ์ใหญ่

แน่นอนว่า เมื่อใดก็ตามที่ธนาคารล้มเหลว จะทำให้เกิดความกังวลอย่างมาก ซึ่งข้อกำหนดด้านกฎระเบียบก็ได้รับการผ่อนปรนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา (ในยุคของทรัมป์) ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนทีมบริหาร จึงน่าจะถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯ จะประเมินผลกระทบของการผ่อนคลายกฎระเบียบ และดำเนินการกระชับการสอดส่องดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

กลับตัวทัน!! ทิ้งชีวิตเสเพล มุ่งหน้าไขว่คว้าหาความรู้ แนะคนจะเรียนต่อสหรัฐฯ เตรียมตัวดีมีชัยกว่าครึ่ง

เหตุการณ์ระทึกใจกับเจมส์และไมเคิลเหมือนเป็นลางเตือนให้เราเปลี่ยนการใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ เราจึงตั้งปณิธานไว้ว่าเราจะเที่ยวแค่อาทิตย์ละวันแทนอาทิตย์ละหกวันเพื่อที่จะมุ่งหน้าสมัครเรียนปริญญาโท ก่อนที่จะข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนที่อเมริกาเราเรียนวิชาเอกภาษาสเปนที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

สมัยนั้นเด็กนักเรียนสายศิลป์ภาษามักจะนิยมเลือกเรียนคณะอักษรฯ เพราะเป็นคณะที่คะแนนสูงที่สุด เราสมัครตามเพื่อนๆโรงเรียนเตรียมอุดมฯทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้ว่าคณะนี้มีเรียนอะไรบ้าง เรารู้แต่ว่ามีเรียนภาษาต่างชาติที่เราถนัดทั้ง ๆ ที่ใจของเราอยากจะเรียนโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์มากกว่า เราเลยเลือกวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ไว้เป็นอันดับสอง นึกในใจว่าอย่างไรซะเราคงไม่ติดอันดับหนึ่งแน่ ๆ เพราะอาจารย์แนะแนวฟันธงว่าเราไม่น่าจะติดคณะอักษรฯ เพราะผลการเรียนของเราไม่สูงพอที่จะเป็นไปได้ คงเป็นเพราะแกงจืดต้มหัวปลาที่คุณพ่อคุณแม่ทำให้ทานตอนสอบเอนทรานซ์ หรือแรงตั้งใจฮึดสู้ที่อยากจะเอาชนะการคาดการณ์ของอาจารย์แนะแนว เราดันติดคณะอักษรฯ ตอนแรกๆคุณพ่อเราไม่เห็นด้วยที่เราจะเรียนภาษาต่อเพราะท่านไม่เห็นประโยชน์ที่จะมาสานต่อทางธุรกิจของท่านในอนาคต ท่านเลยคะยั้นคะยอให้เราไปลองเรียนที่ ABAC ก่อนเผื่อจะชอบ ใจจริงเราไม่เคยชอบธุรกิจ แต่ขัดท่านไม่ได้จึงเรียนฆ่าเวลาไปพลางๆก่อนที่จุฬาฯ จะเปิดเทอม 

เมื่อถึงเวลาเราก็บอกท่านว่าเราอยากเรียนภาษาต่างประเทศอีกสักสี่ปีแล้วค่อยไปต่อปริญญาโทที่เกี่ยวกับด้านธุรกิจ เนื่องจากเราเรียนภาษาฝรั่งเศสที่โรงเรียนเตรียมฯมาเป็นเวลาสามปีแล้วเราเลยรู้สึกเบื่อกับมัน เราตั้งใจจะเรียนภาษาตะวันตกใหม่ๆ ตอนปีหนึ่งเราลงเรียนภาษาอิตาเลียน แต่เราใจแตกที่มีอิสระเป็นครั้งแรกที่ขับรถเองไม่ต้องมีคนขับรถของทางบ้านมารับมาส่งตามเวลา เราจึงมักจะโดดเรียนไปเดินตามห้างมาบุญครองหรือสยามเซนเตอร์ จนอาจารย์ทั้งหลายรวมทั้งอาจารย์ที่สอนภาษาอิตาเลียนไม่เคยเห็นหน้า ถึงเราสอบผ่านทุกครั้ง แต่คะแนนจิตพิสัยนั้นแทบไม่มีเลย ผลออกมาโดนแมวข่วนได้ซีตามระเบียบ 

พอถึงปีสองต้องเลือกวิชาเอก บังเอิญฟังเพลง “La Isla Bonita” ของมาดอนนาอยู่ในรถ ฟังท่อนที่นางพูดภาษาแปลกหูแต่โรแมนติกเลยถามรุ่นพี่ที่คณะจนได้คำตอบว่าที่นางพูดนั้นเป็นภาษาสเปน เราก็เลยตัดสินใจเลือกเรียน อย่างไรเราก็ละนิสัยขี้เกียจไม่ได้ เรียน ๆ โดด ๆ จนอาจารย์ที่ปรึกษาต้องเรียกไปตักเตือนว่าให้ตั้งใจเรียน มิฉะนั้นจะเรียนไม่จบ ด้วยความกลัวทางบ้านจะเสียใจ เลยขยันขึ้นมาในปีสามและปีสี่จนได้เกรดสูงขึ้นและจบปริญญาตรีภายในสี่ปี ตอนใกล้จบเราบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าเราจะไปเรียนปริญญาเอกที่อเมริกา พอท่านได้ยินก็พากันค้านว่าปริญญาโทก็พอสำหรับการทำธุรกิจ แต่เรายังคงยืนกรานว่าเราอยากเรียนถึงปริญญาเอก ด้วยความรักลูกท่านทั้งสองเลยอนุญาตให้เราเรียน ตอนที่จะมาอเมริกาเรายังไม่ตัดสินใจว่าจะเรียนสายไหน แต่แล้วเหมือนหลอดไฟติดขึ้นในหัวสมองว่าเราเคยอยากเรียนโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ก่อนเข้าจุฬาฯ เราควรจะมาเรียนต่อสาขานั้นแต่มาคิดอีกทีเราไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนั้นเลย ทางมหาวิทยาลัยที่อเมริกาคงไม่รับเราเข้าเรียนแน่ ๆ เมื่อเราคิดได้เช่นนั้นเราก็เลยปรึกษากับพี่สาวดู โชคดีที่พี่เขามีเพื่อนที่ทำบริษัทประชาสัมพันธ์เขาเลยฝากฝังให้เราฝึกงานที่บริษัทนั้นก่อนที่จะเดินทางมาเรียนต่อ 

ขณะที่เราฝึกงานเป็นช่วงที่เสื้อผ้าแบรนด์เนมจากยุโรปเริ่มที่จะมาเปิดสาขาในประเทศไทยและทางบริษัทที่เราฝึกงานได้รับเลือกเป็นผู้ประสานงานและทำประชาสัมพันธ์ของเหล่าแบรนด์ต่างๆ เราเลยมีโอกาสเข้าร่วมจัดแฟชั่นและจัดหาสื่อโฆษณาจนมีผลงานสะสมไว้เพื่อเป็นหลักฐานสมัครเข้าหลักสูตรปริญญาโท 
 
อย่างที่ได้เกริ่นไว้ในบทความแรกๆว่าเราสอบวัดระดับได้เรียนภาษาอังกฤษในระดับเกือบสูงสุด ช่วงนั้นทางโรงเรียนสอนภาษาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Boston University สนับสนุนให้นักเรียนที่มีทักษะภาษาอังกฤษในระดับสูงให้ไปลองสมัครเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้หนึ่งวิชาในตอนบ่าย แต่มีเงื่อนไขที่ว่าวิชาที่เลือกเรียนในช่วงที่เรียนภาษานั้นจะไม่นับหน่วยกิต เราเลยเลือกเรียนถ่ายภาพเพราะเป็นวิชาที่เราอยากเรียนอยู่แล้ว ตอนที่เราไปเรียนถ่ายภาพเราได้รู้จักกับนักเรียนคนไทยชื่อแพร์ซึ่งกำลังเรียนโฆษณาที่ College of Communication ที่มหาวิทยาลัยแห่งนั้น 

แพร์ได้แนะนำให้เราไปคุยกับฝ่ายรับนักเรียนปริญญาโทโดยตรง เพื่อที่เขาจะได้ทำความรู้จักกับเราและรู้ถึงความจำนงที่เราจะสมัครเข้าหลักสูตรปริญญาโทของคณะเขา แพร์บอกว่าการเข้าไปพบเป็นการส่วนตัวจะเอื้อให้เขาตัดสินใจรับเราได้มากกว่าถ้าเราแค่สมัครผ่านไปรษณีย์ เราเห็นด้วยกับคำแนะนำของแพร์ เราจึงนัดคุยกับหัวหน้าแผนกรับนักเรียนปริญญาโท เมื่อเขาเห็นว่าเราใช้พูดอังกฤษรู้เรื่อง เขาก็ให้เราสมัครอย่างเป็นทางการพร้อมกับลงเรียนวิชาระดับปริญญาโทสองตัวเพื่อแสดงความสามารถควบไปกับการเรียนภาษาเพื่อรักษาสถานภาพนักเรียนเต็มเวลาตามที่ทางกฎหมายสหรัฐฯได้บัญญัติไว้สำหรับนักเรียนต่างชาติ ถ้าหากว่าเราได้เกรดของสองวิชานั้นไม่ต่ำกว่าบี โอกาสที่เขาจะรับเราเข้าโปรแกรมก็จะสูงขึ้น 

‘ก้าวไกล’ เล่นใหญ่ รณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหารทั่วไทย ชี้!! นี่ต้องเป็นการจับ ‘ใบดำ-ใบแดง’ ครั้งสุดท้าย

(1 เม.ย. 66) พรรคก้าวไกล นำโดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ และนายปิยรัฐ จงเทพ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพ เขตพระโขนง-บางนา ได้เข้าสังเกตการณ์ ชวนพูดคุย และทำโพลสำรวจความเห็นต่อข้อเสนอยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ณ หน่วยจับใบดำ-ใบแดง เขตพระโขนง โดยมีผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ทั่วประเทศกระจายทำกิจกรรมรณงค์ลักษณะเดียวกันในเขตเลือกตั้งของตนเอง

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราตั้งเป้าจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารภายใน 1 ปี เพื่อให้เมษายนปีนี้ เป็นครั้งสุดท้าย ที่ต้องมีคนมาจับใบดำ-ใบแดง หรือต้องมีคนเป็นทหารทั้งที่ไม่อยากเป็น

“เหตุผลที่พรรคก้าวไกลเสนอการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เพราะระบบเกณฑ์ทหารทำให้เกิดความสูญเสียในสองระดับด้วยกัน กล่าวคือ การสูญเสียเสรีภาพในระดับปัจเจกบุคคล ซึ่งกระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพ โอกาสความก้าวหน้าทางการงาน และเวลาที่ได้อยู่กับครอบครัว ส่วนอีกระดับหนึ่งคือ ‘การสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจระดับประเทศ’ เพราะเป็นการดึงทรัพยากรมนุษย์ออกจากตลาดแรงงานในวันที่ประเทศไทยเผชิญกับ ‘สังคมสูงวัย’ และโครงสร้างประชากรที่มีสัดส่วนคนวัยทำงานที่ลดลง” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ ยืนยันว่า การยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารจะไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เพราะหากเราลดยอดกำลังพลที่ไม่จำเป็นหรือไม่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคง (เช่น พลทหารรับใช้) ควบคู่กับการยกระดับสวัสดิการ-สวัสดิภาพของพลทหาร และการกำจัดความรุนแรงในค่าย ยอดทหารที่สมัครใจเข้ามาจะเพิ่มขึ้นและเพียงพอต่อภารกิจการรักษาความมั่นคงของประเทศ ซึ่งหากการยกเลิกเกณฑ์ทหารสามารถเกิดขึ้นได้จริงจะส่งผลดีกับทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่กองทัพ ที่จะได้ลบข้อครหาว่าเป็น ‘สถาบันอำนาจนิยม’ และก้าวสู่ ‘กองทัพยุคใหม่’ ที่เต็มไปด้วยบุคลากรที่สมัครใจทำงานและพร้อมทุ่มเทให้องค์กรอย่างแท้จริง

ปทุมธานี "คึกคัก"ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี พรรค พปชร.ร่วมเปิดผู้สมัคร พปชร. 400 เขต นโยบาย “ 3 เร่งด่วน 8 เร่งรัด” พร้อมขอเสียง ปชช.เลือก พปชร.

เมื่อวันที่ 30  มีนาคม 2566 เวลา 14.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานจากบางกอก อารีน่า เขตหนองจอก กทม.นายเสวก ประเสริฐสุข ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต.1 ปทุมธานี หัวหน้าทีมพลังประชารัฐ พัฒนาปทุมธานี พร้อมด้วยนายนพดล ลัดดาแย้ม ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต.2 ดร.ปรีชาชื่น ชนกพิบูล ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต.3 ปทุมธานี นายยุทธวัฒน์ หาญเกียรติกล้า ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต.4 นายวิรัช พยุงวงษ์ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต.5 ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต.6  น.ส กฤษณา วงศ์คำ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต.7 ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 400 คน และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 92 คน และเปิดนโยบายพรรค

 

นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้า นายสกลธี ภัททิยกุล และแกนนำภาค ร่วมงานพร้อมเพรียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มกิจกรรม เจ้าหน้าที่ได้เปิดให้ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ลงทะเบียนและรับคู่มือชี้แจงขั้นตอนการเตรียมเอกสมัคร และข้อห้ามในการหาเสียง ขณะที่บรรยากาศในงาน ได้เปิดวิดีทัศน์การลงพื้นที่ของพล.อ.ประวิตร ในการปราศรัยช่วยว่าที่ผู้สมัครของพรรค ให้กองเชียร์ที่เดินทางมาจากทุกภาคและในกทม.เต็มความจุอัฒจันทร์ รับชม ก่อนที่พิธีกรได้เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. เป็นรายภาค ให้เดินทักทายและถ่ายรูปกับกองเชียร์ ที่ถือป้ายไฟส่งเสียงต้อนรับว่าที่ผู้สมัครอย่างสนุกสนาน

 

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับนโยบายพรรค พปชร.จะมุ่งฟื้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาครบทุกมิติให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย”นโยบาย 3 เร่งด่วน 8 เร่งรัด” โดย 3 นโยบายเร่งด่วน  ได้แก่ 1. แก้หนี้ประชาชน ผู้ประกอบการให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนด้วยวิธีใหม่ ควบคู่สร้างโอกาสใหม่ โดยทำทันที  2. ดูแลสวัสดิการ เสริมทักษะ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  3.การยกระดับคุณภาพชีวิตทุกช่วงวัย ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับนโยบายพรรคพปชร.จะมุ่งฟื้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาครบทุกมิติให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย”นโยบาย 3 เร่งด่วน 8 เร่งรัด” โดย 3 นโยบายเร่งด่วน  

 

ได้แก่ 1. แก้หนี้ประชาชน ผู้ประกอบการให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนด้วยวิธีใหม่ ควบคู่สร้างโอกาสใหม่ โดยทำทันที  2. ดูแลสวัสดิการ เสริมทักษะ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  3.การยกระดับคุณภาพชีวิตทุกช่วงวัย " 8 นโยบายเร่งรัด ”สำหรับบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์  ทั้งหมด 92 คน

รู้หรือไม่? ป้าย ‘Hollywood’ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก จริง ๆ แล้วคือป้ายโครงการบ้านจัดสรร!!

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 66 ผู้ใช้งานติ๊กต็อก ชื่อ ‘englishworld_jason’ ได้โพสต์วิดีโออธิบายเกี่ยวกับป้าย ‘Hollywood’ ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยระบุว่า…

ป้าย ‘Hollywood’ ที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้ แท้จริงแล้วมันคือ ป้ายสำหรับ ‘โครงการบ้านจัดสรร’ นอกจากนี้ เดิมทีป้ายนี้ไม่ได้มีชื่อว่า ‘Hollywood’ แต่มีชื่อว่า ‘Hollywoodland’ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2466 โดยในตอนแรกตั้งใจจะติดป้ายนี้ไว้ประมาณปีครึ่งแล้วคอยเอาออก แต่หลังจากที่ทางการของเมืองลอสแอนเจลิสได้ทำการซื้อไป และป้ายก็ได้กลายเป็นสัญญาลักษณ์ของเมืองนี้ไปแล้ว

ดังนั้น ป้าย Hollywood จึงยังคงติดตั้งอยู่ และเอาคำว่า ‘Land’ ออก เหลือแค่คำว่า ‘Hollywood’ ไว้อย่างที่ทุกคนได้เห็นในปัจจุบันนี้นั่นเอง


ที่มา : https://vt.tiktok.com/ZS8pQBjKa/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top