Friday, 9 May 2025
ค้นหา พบ 47963 ที่เกี่ยวข้อง

‘โรม’ ขอบคุณโพลปชช. กรุงเทพฯ ไว้ใจ ‘พิธา’  เผยชาวบ้านตจว. ให้การต้อนรับ-รู้จักมากขึ้น

รังสิมันต์ ขอบคุณ ปชช.วางใจ พิธา เป็นนายกฯ มองก้าวไกลเปลี่ยนไป ตจว.ต้อนรับ-รู้จักมากขึ้น

(26 มี.ค.66) นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลโพลสำรวจพบว่า ประชาชนต้องการให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีมาเป็นอันดับ 1 ว่า ต้องขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจ และสนับสนุนพรรค จริงๆ ตนเดินทางไปทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ต้องยอมรับว่าเราได้รับการตอบรับจากประชาชนดีมาก จุดนี้เองได้สะท้อนออกมาจากโพลหลายสำนัก คะแนนของพรรคได้ขยับขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ และต้องขอบคุณอย่างพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเราได้รับความไว้วางใจเป็นอันดับ 1 ในที่นี่ และหวังว่าเราจะได้เป็นอันดับ 1 ในอีกหลายพื้นที่ เพื่อให้ประเทศเปลี่ยนไปในทิศทางที่เราอยากจะเห็น

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะเร่งลงพื้นที่อย่างไร เพื่อให้เป็นที่รู้จักในต่างจังหวัดมากขึ้น นายรังสิมันต์กล่าวว่า ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ประชาชนแทบทุกคนมีสมาร์ทโฟน ทางเลือกของสื่อที่มีหลากหลายให้รับข้อมูลข่าวสาร มากกว่าแค่โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์อย่างในอดีต ทำให้มองเห็นความเป็นไปได้ที่จะทำให้ประชาชนรู้จักพรรค และนโนบายของพรรคก้าวไกลมากยิ่งขึ้น

"ชาวนากับงูเห่า" นิทานอีสป ที่ให้ข้อคิดสอนใจว่าอย่าไปไว้ใจสัตว์ร้ายที่เลี้ยงไม่เชื่อง

ซึ่งเปรียบเป็นคนแล้ว ก็คือผู้ที่มีลักษณะคิดไม่ซื่อ ทรยศ หักหลัง ได้แม้คนที่เคยช่วยเหลือฟูมฟักมา

และ "งูเห่า" นี่เองที่เป็น "คำแรง" ใช้เปรียบเปรยนักการเมืองในสภา ที่มีพฤติกรรม ข้ามค่าย ย้ายขั้ว หรือโหวตสวนมติพรรค จนถึงวันนี้ และแน่นอนว่า บรรยากาศการเมืองไทยในช่วงเวลานี้ ที่กำลังเข้าสู่ฤดูกาลแห่งการเลือกตั้ง กิจกรรมการย้ายค่าย สลับขั้วเหล่านี้ ยิ่งทวีความร้อนแรง ว่าแล้ว The State Times เลยขอนำตำนาน “งูเห่าการเมือง” ที่เคยเกิดขึ้น มาย้อนความทรงจำคอการเมืองกันสักหน่อย...

จุดเริ่มต้นของ "งูเห่า" ในสภา เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 26 ปีที่แล้ว เป็นคำพูดเปรียบเปรยที่เกิดจากความรู้สึกบอบช้ำแสนสาหัส ของชาวนาที่ชื่อ "สมัคร สุนทรเวช"

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2540 วิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ส่งผลกระทบหนักในไทยและหลายประเทศในเอเชีย ทำให้รัฐบาลของ "พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ" ขณะนั้น ตัดสินใจประกาศ "ลอยตัวค่าเงินบาท" ผลที่ตามมาคือผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ภาคการเงินการธนาคาร และภาคอุตสาหกรรมจำนวนมากต้องปิดกิจการ หรือล้มละลายไป รัฐบาลถูกกดดันอย่างหนักทั้งในและนอกสภา จนสุดท้าย "บิ๊กจิ๋ว" ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศลาออก นำมาสู่การช่วงชิงจังหวะของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลใหม่

ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลเดิม มีพรรคความหวังใหม่ ประชากรไทย ชาติพัฒนา และมวลชน กุมเสียงอยู่ 197 เสียง ตกลงกันว่าจะดึง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย ขณะที่ฝ่ายค้าน ที่มีพรรคประขาธิปัตย์เป็นแกนนำได้เสียงจากพรรคกิจสังคม และเสรีไทยย้ายขั้วมาเติม จนมี 196 เสียง น้อยกว่าฝั่งรัฐบาลเพียงแค่เสียงเดียว โดยชู นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาท้าชิง

แต่แล้วก็เกิด "บิ๊กดีล" ขึ้น เมื่อพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ เลขาธิการประชาธิปัตย์สมัยนั้น เปิดการเจรจา ดึงเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.กลุ่มปากน้ำของพรรคประชากรไทย รวม12 เสียง ไปโหวตสนับสนุน ให้นายชวน หลีกภัย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ด้วยเสียง 208 ต่อ 185 เสียง

สำหรับ ส.ส.กลุ่มปากน้ำ นำโดย นายวัฒนา อัศวเหม เคยมีความขัดแย้งกับพรรคชาติไทย จนไม่มีสังกัดพรรคอยู่ ซึ่งต่อมานายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ในขณะนั้น รับเข้ามาสังกัดพรรค แต่ท้ายที่สุดกลับไปยกมือสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม ทำให้นายสมัครรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ และเปรียบตัวเองเป็นเหมือนชาวนา ช่วยเหลืองูเห่าแต่สุดท้ายกลับมากัดตนเอง และคำว่า "งูเห่า" จึงกลายเป็นคำเรียก ส.ส.กลุ่มปากน้ำ และยังใช้แทน ส.ส. ที่มีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะอีกเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นคล้อยหลังมาอีก 10 ปี

"มันจบแล้วครับนาย" ประโยคที่ "เนวิน ชิดชอบ" ส่งถึง "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายเก่า เป็นประโยคทิ้งท้าย ย้อนภาพจำถึงอีกหนึ่งจุดพลิกผันทางการเมืองในปี 2551 เป็นที่มาของเหตุการณ์ที่ถูกเรียกขานต่อมาว่า "งูเห่าภาค 2"

หลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของพรรคพลังประชาชน "เนวิน ชิดชอบ" เป็นหนึ่งในสมาชิกบ้าน 111 ที่ถูกเว้นวรรคทางการเมือง แต่เขายังคงมีอิทธิพลต่อ ส.ส. สายอีสาน "กลุ่มเพื่อนเนวิน" จำนวนมากกว่า 20 คนในพรรคพลังประชาชน

พิษยุบพรรค

นับจากวันนี้ ถนนทุกสายกำลังมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งใหญ่ 14 พฤษภาคม 2566 หลายพรรคการเมืองเริ่มทยอยเปิดตัวผู้สมัคร  ชูนโยบายหาเสียง และเริ่มลงพื้นที่ปราศัยกันมากขึ้น แต่หนึ่งสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองต้องระแวดระวัง คือการดำเนินการใดๆ ที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย จนอาจนำไปสู่โทษสูงสุด คือการถูก "ยุบพรรค" ซึ่งที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์ ที่ชวนให้ย้อนกลับไปดูเพื่อทวนความจำและนำเป็นบทเรีบนให้กับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

จุดเปลี่ยนสำคัญของการปฏิรูปการเมืองร่วมสมัย คือการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่มีการออกแบบให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง พร้อมกับเกิดองค์กรอิสระต่างๆ  รวมถึง คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. และ ศาลรัฐธรรมนูญ  และเมื่อมีบทบัญญัติที่ให้เสรีภาพบุคคลในการรวมตัวจัดตั้งพรรคการเมืองได้แล้ว อีกด้านก็มีกลไกที่นำไปสู่การ "ยุบพรรค" ได้ หากพรรคการเมืองมีการดำเนินการที่ขัดต่อหลักการตามที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องบัญญัติไว้  ซึ่งที่ผ่านมามีหลายกรณียุบพรรค ที่กลายเป็นบันทึกหน้าสำคัญของประวัติศาสตร์การเมือง

เริ่มจากกรณี "จ้างพรรคเล็ก" นำมาสู่การยุบ "พรรคไทยรักไทย" จนเกิดเป็นตำนานบ้านเลขที่ 111

ย้อนไปเมื่อต้นปี 2549  ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา ก่อนกำหนดวันเลือกตั้ง 2 เมษายน แต่อีก 3 พรรคการเมือง ที่เป็นคู่แข่งในสภา คือประชาธิปัตย์  ชาติไทย และมหาชน ประกาศ "บอยคอต" เหลือเพียงพรรคไทยรักไทยที่เดินหน้าส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง บนเงื่อนไขกฎหมายที่กำหนดว่า ในเขตที่มีผู้สมัครพรรคเดียว ไร้คู่แข่ง จะต้องได้คะแนนเสียง มากกว่าร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้นจึงจะได้เก้าอี้ ส.ส. ซึ่งต่อมาเกิดการร้องเรียนว่า พรรคไทยรักไทยทำผิดกฎหมายจากการ "จ้างพรรคเล็ก" ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหนี "เกณฑ์ร้อยละ 20"  

เมื่อกกต.ตรวจสอบหลักฐาน ชี้มูลความผิด จึงนำไปสู่การยื่นร้องให้ยุบพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ระหว่างนั้นเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. ทำให้ต่อมาคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ถูกแต่งตั้งขึ้น มีมติ ในวันที่ 30 พ.ค. 2550 ให้ "ยุบพรรค" ไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ฐานเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ผลที่ตามมาคือกรรมการบริหารพรรคทั้ง 3 พรรค รวม 111 คน ถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี  เป็นที่มาของ "บ้านเลขที่ 111"

วิบากกรรมยังมีต่อเนื่อง เมื่อบรรดาขุนพลไทยรักไทยเดิมที่ยังเหลือรอด พากันย้ายบ้านมาที่ "พรรคพลังประชาชน" ลงสู้ศึกเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550  แต่กลับเกิดกรณี "ยงยุทธ ติยะไพรัช" ส.ส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ถูก กกต.ให้ใบแดง เนื่องจากพบการกระทำที่น่าเชื่อได้ว่า "ทุจริตเลือกตั้ง" เช่นเดียวกับพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่กรรมการบริหารพรรคกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเช่นกัน กรณีดังกล่าวนำมาสู่การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 2 ธันวาคม 2551 สั่งให้ทั้งยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารทั้ง 3 พรรค รวม 109 คน ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ในจำนวนนั้น มีนายสมชาย  วงศ์สวัสดิ์ ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยที่ต้องเว้นวรรคทางการเมืองไปด้วย

กาลล่วงมาจนถึงยุคของการใช้รัฐธรรมนูญ ปี 60 ผลจากการกำหนดการเลือกตั้งแบบ "จัดสรรปันส่วนผสม" ป้องกันการผูกขาดในสภา ทำให้พรรคใหญ่อย่าง "เพื่อไทย" ต้องปรับกลยุทธ์ แตกแบงค์พันเป็นแบงค์ร้อย ด้วยการจัดตั้งพรรคการเมืองเครือข่ายเพื่อเรียกจำนวน ส.ส. ในสภา หนึ่งในนั้นคือ "พรรคไทยรักษาชาติ"

นอกจากถูกจับตาเพราะกรรมการบริหารพรรคเป็นอดีตรัฐมนตรี และ ส.ส. คนรุ่นใหม่ในเครือข่ายพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมึประเด็นที่ถูกจับตาที่สุดคือการ ยื่นพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค เป็นเหตุให้ กกต. มีมติยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค

‘วราเทพ’ มั่นใจ ‘พปชร.’ ได้นั่งส.ส. ยกทีมทั้ง 4 เขต พร้อมผลักดันยุทธศาสตร์ สร้างประโยชน์ให้ประชาชน

‘วราเทพ’ มั่นใจ พปชร. รักษาฐานมั่นกำแพงเพชร ยกความเหนียวแน่น กวาดยก 4 เขตทั้งจังหวัด

(26 มี.ค.66) ที่ลานตลาดนัดวันอาทิตย์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร นายวราเทพ รัตนากร กรรมการฝ่ายนโยบายและฝ่ายอำนวยการพรรคพลังประชารัฐ และอดีต ส.ส.กำแพงเพชร ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงช่วย 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กำแพงเพชร ถึงความมั่นใจในการเลือกตั้งของจ.กำแพงเพชร ว่าหลายคนอาจสงสัยทำไม จ.กำแพงเพชร ส.ส.ยังอยู่กันเหนียวแน่น ก็เพราะว่านักการเมืองอาวุโสได้สร้างไว้

“ได้พูดคุยอยู่ตลอดว่า ไม่ว่าเราจะอยู่พรรคการเมืองไหนก็ตาม เราจะอยู่กันเป็นทีมไปแบบนี้ เพราะฉะนั้นเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เราก็จะผ่านไปเป็นส.สได้เหมือนเดิม ยกทีมทั้งจังหวัด และพลังประชารัฐก็เป็นพรรคที่เราอยู่ด้วยกันมานาน แต่ถึงแม้ตนไม่ได้ลงสมัคร แต่ได้พูดคุยกับผู้สมัครทุกคนแล้ว มั่นใจว่าพรรคนี้จะสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ เพราะฉะนั้นมั่นใจว่า 4 เขต และ 1 บัญชีรายชื่อจะสามารถเข้าไปเติมเต็มพรรคพลังประชารัฐได้“นายวราเทพ กล่าว

‘อุ๊งอิ๊ง’ เผย เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่เป็นลูกพ่อ ดีใจ!! โพลโตขึ้นตามท้อง สะท้อน ปชช. วางใจ 

‘อุ๊งอิ๊ง’ รับหวัง ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน เผย “เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่เป็นลูกพ่อ” ถ้ายุติธรรมจริงคงไม่เป็นเช่นนี้ ยันปมนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค ขอบคุณและดีใจเห็นโพลโตตามท้อง 

(26 มี.ค.66) ที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานส.ส.พรรค พท. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครปฐม เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเดินทางมาพูดคุยกับผู้ประกอบการค้าสุกรใน จ.นครปฐมที่ห้องประชุม สนามกีฬากลาง 1 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม

จากนั้น เวลา 17.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน พร้อมให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพ่อ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนประเทศญี่ปุ่นว่า พร้อมกลับประเทศไทยภายในปีนี้และรับโทษนั้น ว่า ตนได้คุยกับนายทักษิณแล้ว ซึ่งประโยคเช่นนี้เราก็ได้คุยในครอบครัวตลอด ถ้าเหตุการณ์ปกติที่คดีต่าง ๆ ดำเนินไปตามปกติ ไม่ใช่หลังรัฐประหาร ก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ แต่ที่ต้องเป็นแบบนี้ หากกระบวนการยุติธรรม ยุติธรรม มันก็ดี อย่างไรก็ตาม ตนเคารพการตัดสินใจของนายทักษิณอยู่แล้ว เพราะเขาออกไปนอกประเทศนานแล้ว เขาจะตัดสินใจอย่างไรเราก็เคารพการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว และเป็นกำลังใจให้

“อิ๊งค์พูดจากใจเลยว่า อิ๊งค์เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่อิ๊งค์เป็นลูกของคุณพ่อ และอิ๊งค์ก็ไม่อยากจะเปลี่ยนด้วย ฉะนั้น การนำพรรคเพื่อไทยต่อไปสำหรับการเลือกตั้ง และยื่นนโยบายสู่ประชาชน เป็นหน้าที่หลักซึ่งเราจะทำต่อไป ในสิ่งที่คุณพ่อพูด ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น และเป็นผลอย่างไร ก็อยากให้เป็นส่วนของท่าน เพราะท่านพูดอยู่แล้วว่าการที่จะกลับมาหรืออะไรก็ตามไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย และบอกว่าจะไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้น คุณพ่อพูดมาก่อนหน้านี้ตั้งหลายเดือนแล้ว ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่” น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่า นายทักษิณระบุเวลากลับประเทศแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ได้บอก ถ้าบอกแล้วตนอาจจะตื่นเต้นจนหลุดไปแล้วก็ได้ ทั้งนี้ จากใจตนหวังตลอด ทำไมเราจะไม่อยากให้คุณพ่อกลับบ้าน ทำไมจะไม่อยากให้คุณตากลับมาเลี้ยงหลาน โดยเฉพาะตอนนี้ที่เหลือไม่ถึง 2 เดือนก็จะคลอดแล้ว ฉะนั้น มีความหวังแน่นอน 

ถามต่อว่า การที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์ในช่วงนี้ เกี่ยวข้องกับการหาเสียงแบบแลนด์สไลด์ เพื่อจะนำนายทักษิณกลับมาประเทศไทยได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราถามหัวหน้าและทุกคน คุณพ่อก็คือหนึ่งในแรงใจของเรา นั่นเป็นสิ่งที่เถียงไม่ได้ เป็นกำลังใจสำคัญ ท่านเป็นคนก่อตั้งพรรคตั้งแต่ไทยรักไทย ฉะนั้น ตอนนี้ไม่เกี่ยวกัน 

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า ตัวชี้วัดที่แท้จริงคือประชาชนก่อนการเลือกตั้ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่า คนอีกกลุ่มหนึ่งพยายามใช้สถานการณ์นี้ กล่าวหาและโจมตีพรรค พท. เสมือนต้องการดิสเครดิตแลนด์สไลด์ วิธีการแบบนี้ปรากฏขึ้นเมื่อเขามีโอกาส พรรคพท.จึงมองว่า ท่านเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของคนที่รักไทยรักไทย พลังประชาชน ความเชื่อความศรัทธาเราห้ามไม่ได้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมนี้อยู่แล้ว แต่หากใช้ประโยชน์นอกเหนือข้อกฎหมายจนพรรคเสียหาย พรรค พท.ก็ต้องใช้สิทธิของเรา

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วิจารณ์ถึงพรรค พท.ว่าระวังจะแลนด์สไลด์ออกนอกเลน น.ส.แพทองธาร นิ่งครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “นายกฯ เป็นคนครีเอทีฟเนอะ ให้ท่านครีเอทีฟไป เราก็เดินหน้าหาเสียงต่อ” 

เมื่อถามถึง กรณีมีรายงานข่าวรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน แต่ไม่ปรากฏชื่อของ น.ส.แพทองธาร ที่ถูกจับตาว่าอาจเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท. น.ส.แพทองธาร หันไปถามนพ.ชลน่านว่า “เห็นว่าจะสรุปรายชื่อกันเมื่อไหร่” 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในวันที่ 26-28 มีนาคม เราจะส่งรายชื่อผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและเขต ให้ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้ความเห็นชอบหรือไพรมารีโหวต ซึ่งบัญชีรายชื่อที่ปรากฏไปแล้ว ก็ต้องมาฟังความเห็นว่าประชาชนในเขตเลือกตั้งทั้งประเทศเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ซึ่งกรรมการบริหารจะเป็นด่านสุดท้ายในการประกาศรายชื่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีควรเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ไม่จำเป็น จะมีหรือไม่มีก็ได้ เราก็ทำหน้าที่ของเราต่อ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในจุดของตนจะเดินหน้าทำเพื่อประชาชนต่อไป ในฐานะอะไรก็ได้ เพราะประเทศไม่ไหวแล้ว และต้องการการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก

เมื่อถามว่า นายทักษิณให้การสนับสนุนและได้ฉันทามติจากประชาชนแล้ว หากจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่หนึ่ง พร้อมหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “เขินเลย อิ๊งค์คิดว่าขอคนที่เหมาะสมและดีที่สุด เป็นอย่างนั้นดีกว่า”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top