Thursday, 15 May 2025
ค้นหา พบ 48079 ที่เกี่ยวข้อง

เยียวยา เยียวใจ "ลุงตู่" นายก ผู้มากับสารพัด โครงการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

ถ้า “ลุงตู่” จะได้ชื่อว่า เป็น “นายกรัฐมนตรีที่สร้างสรรค์ “บทเพลง” ออกมามากมายแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ถือว่าเป็น “ที่สุด” เช่นกัน นั่นคือ การเป็นนายกรัฐมนตรีที่มี “โครงการเยียวยาประชาชน” จำนวนมากมาย

คนละครึ่ง, กำลังใจ, เราไปเที่ยวด้วยกัน, ม.33 เรารักกัน, ชิมช้อปใช้, เราไม่ทิ้งกัน, เราชนะ, ช้อปดีมีคืน ฯลฯ นี่คือเหล่าบรรดาชื่อโครงการที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้น แม้จะต่างกรรมต่างวาระ แต่ว่ามีวัตถุประสงค์เดียวกัน นั่นคือ “ช่วยเหลือประชาชน”

ถึงจะหลีกเลี่ยงข้อวิพากษ์วิจารณ์ บ้างหาว่า “แจกเงิน” บ้างหาว่า “ประชานิยมทางอ้อม” แต่ไม่จะอย่างไร คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกโครงการล้วนส่งผลต่อการเยียวยาประชาชนอย่างแท้จริง เพราะหากลองวัด “เรตติ้ง” หรือวัดกระแสความนิยม แทบทุกครั้งที่โครงการเหล่านี้ถูกเผยแพร่พร้อมใช้ มักจะมีข่าวสารความเคลื่อนไหวออกมาสู่สังคมเสมอ

‘สมศักดิ์’ มั่นใจ 99% ‘เพื่อไทย’ ได้เป็นรัฐบาล ชี้ เห็นโอกาส มีนายกฯหญิงคนที่ 2

‘สมศักดิ์’ มั่นใจ 99% ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาล เผื่อใจเป็นฝ่ายค้านแค่ 1% ชี้เห็นโอกาส มีนายกฯหญิงคนที่ 2 จากตระกูลชินวัตร ยันตีไข่แตก ส.ส.ใต้ได้แน่ ปัดคุยจับขั้ว ‘พท.-พปชร.-ภท.’ 

วันที่ 20 มี.ค.2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสว่า ตนเองได้ส่งหนังสือสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้ววันนี้ พร้อมระบุเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะชื่นชอบทีมงานโดยเฉพาะทีมนโยบาย ที่สามารถปฏิบัติสำเร็จได้จริง ต่างจากพรรคการเมืองอื่น ที่ยังมีปัญหาเรื่องการไปสู่เป้าหมาย ไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และไม่มีความชัดเจน 

นายสมศักดิ์ ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จะตีไข่แตกได้ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ และส่วนตัวมีความคุ้นเคยกับคนภาคใต้หลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่เคยทำหรือมีแนวคิด เช่นปลดล็อกกระท่อมออกจากยาเสพติด โครงการเปลี่ยนวัวชนเป็น Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา การไกล่เกลี่ยหนี้สินให้ประชาชนทั่วประเทศได้ถึงแสนครอบครัว ตัดวงจรยาเสพติดสามารถยึดทรัพย์ได้หลายพันล้าน ซึ่งการเข้าพรรคเพื่อไทยก็จะนำนโยบายที่เคยทำเหล่านี้และมีแนวคิดจะทำไปนำเสนอ ดังนั้นขอให้คอยดูเพราะพรรคเพื่อไทย มีพื้นที่ว่างเพื่อให้ไปขับเคลื่อนได้ รวมถึงมั่นใจว่าเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล 99% ถ้าได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ส่วนถ้าสถานการณ์การเมืองพลิกการประเมินเกิดพลาดและเป็นฝ่ายค้าน นายสมศักดิ์กล่าวว่า เปอร์เซ็นต์ต่ำมาก ไม่ถึง 1% ส่วนโอกาสจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวหรือไม่อยู่ที่พี่น้องประชาชน แต่ที่เข้าพรรคเพื่อไทยจะช่วยเท่าที่ทำได้ เพื่อเป้าหมายแลนสไลด์ 310 ส.ส.

ส่วนเรื่องขั้วการเมือง เพื่อไทย พลังประชารัฐและภูมิใจไทย หลังปรากฏภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล นำคณะแกนนำพรรคภูมิใจไทยไปพบพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และถัดมาอีกวันนายสมศักดิ์ และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าพบพลเอกประวิตรนั้น นายสมศักดิ์ ยืนยันไม่ได้เป็นการพูดคุยเรื่องจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่เข้าพบเพื่ออำลา ในอนาคตถ้ามีปัญหาขัดแย้งก็สามารถพูดคุยกันได้ 

เมื่อถามว่าขั้วการเมืองเหล่านี้จะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้อาจจะเขม็งเกลียวในการเลือกตั้งแย่งคนจากพรรคนั้นไปพรรคนี้วิพากษ์วิจารณ์ว่ากันไป แต่หลังการเลือกตั้ง อาจต้องใช้คำพูดของพลเอกประวิตรคือ ก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่วันนี้ไม่ได้จับมือตั้งรัฐบาล ไม่ได้คุย และตนไม่ได้มีหน้าที่ ส่วนคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง ครั้งนี้ ของพรรคเพื่อไทยคือความยากจนและการทำความเข้าใจกับประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง คู่แข่งไม่ใช่พรรคการเมืองที่จะสู้กัน เพราะมันข้ามจุดนั้นไปแล้ว 

นายสมศักดิ์ ยังปฏิเสธไม่ได้พูดคุยหรือดีลตรงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย แต่คนในพรรคเพื่อไทยขานรับดีมาก ขอบคุณที่เข้าไปแล้วไม่ว้าเหว่ ได้ทำงานร่วมกัน และยืนยันว่าจะไม่มีกลุ่มไปต่อรองใดๆ โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรตอนนี้แยกย้ายไปอยู่หลายพรรค

ผบ.ตร.แสดงความเสียใจเหตุการณ์สายไหม ไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย สั่งกำชับสำนวนคดี ตั้งคณะทำงาน รวบรวมหลักฐานทุกมิติ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่สายไหมว่า  “ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดความสูญเสีย 


สำหรับสถานการณ์วันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับทีมแพทย์ และนักจิตวิทยาของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข มีการพูดคุยและประเมินอาการของผู้ก่อเหตุตลอดเวลา  เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามทุกอย่าง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย

  
ซึ่งการดำเนินการควบคุมสถานการณ์ต้องใช้ความระมัดระวัง คำนึงถึงความปลอดภัยทั้งของผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ที่ทำงาน และประชาชน จึงต้องระมัดระวังในการดำเนินการตามหลักยุทธวิธีอย่างดีที่สุด จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยเกี่ยวข้อง เน้นการเจรจามาตลอด แต่เมื่อมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ ตำรวจได้ปฏิบัติตามหลักยุทธวิธี จนกระทั่งผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

‘กรณ์’ ยัน!! ‘นโยบายเศรษฐกิจเฉดสี’ จับต้องได้จริง มั่นใจ!! ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ-สร้างรายได้ให้ ปชช.

(20 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับเชิญจาก บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง (Bualuang Securities) ในเครือธนาคารกรุงเทพ โดยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่ถูกเชิญไปบรรยายให้กับนักลงทุนฟัง เนื่องจากแนวนโยบายที่นำเสนอมาตลอด 2 เดือน นั้นนักลงทุนขานรับว่าจับต้องได้และเป็นไปได้จริง โดย นายกรณ์ กล่าวว่า ชุดนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่นำเสนอมานั้น พรรคได้คิดมาอย่างละเอียดว่าทำได้จริง และทุกนโยบายมุ่งไปสู่เป้าหมาย 3 ข้อ คือ งานดี มีเงิน ของไม่แพง 

สาเหตุที่เราคิดนโยบายออกมาในลักษณะนี้เพราะประเทศไทยเพิ่งผ่านวิกฤตโควิด เศรษฐกิจโลกผันผวน เกิดภาวะสงคราม ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ประชาชน หมดโอกาสทำมาหากิน มีภาระหนี้สินมาก เราจึงหาทางออก โดยการหาเงินเข้าประเทศ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดต่อไปต้องเร่งทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา และสร้างให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาสเหมือนในอดีตที่เคยทำได้มาแล้ว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า นโยบาย 7 เฉดสี หรือ Spectrum Economy ของพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่มีอะไรสวนกระแส ทุกอย่างอยู่ในกระแสหลักของโลกและในประเทศ ยกตัวอย่าง เฉดสีเขียว มุ่งเน้นเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อน เป็นโอกาสที่จะนำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่ จากการปรับโครงสร้างของภาคเศรษฐกิจ 3-4 ภาค ได้แก่ 

1.ภาคพลังงาน ปัจจุบันพลังงานไฟฟ้า 80% ใช้เชื้อเพลงฟอสซิลเป็นตัวเผา ต้องมุ่งไปสู่การใช้พลังงานทดแทน ปัจจุบันเทคโนโลยีไปแล้ว แต่ต้องปรับโครงสร้าง เปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน เพราะปัจจุบันยังมีการผูกขาด 
 

2.ภาคการคมนาคม ระบบขนส่ง 90% ทางถนน ส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษ ก็จะมีการปรับโครงสร้างไปใช้ระบบรางหรือรถยนต์อีวี 

3. ภาคอุตสาหกรรม ที่จะมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ Net Zero 

4. ภาคการเกษตร ที่ปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ถึงเวลาต้องฟื้นฟูป่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีนโยบายออกพันธบัตรป่าไม้ คืนพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ 40% ของพื้นที่ป่าทั้งประเทศหรือ 26 ล้านไร่ และดึงเกษตรกลับมาปลูกป่าไม้เศรษฐกิจ แทนพืชไร่ ลดการเผาป่า และช่วยฟื้นฟูป่าทดแทน 

นายกรณ์ กล่าวว่า เฉดสีน้ำเงิน หรือการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี ผู้ที่ต้องปรับตัวมากที่สุดคือระบบราชการที่ต้องไปสู่ Gov Tech ทุกอย่างทำบนมือถือได้ เฉดสีเทา ข้อมูลธนาคารโลกระบุชัดว่า ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่มาจากธุรกิจใต้โต๊ะ เมื่อเทียบกับจีดีพี มากที่สุดในโลก แต่เราเก็บภาษีไม่ได้เลย เพราะธุรกิจสีเทาจะมีคนได้รับประโยชน์เพียงไม่กี่คน และส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลที่จะเชื่อมโยงไปถึงการคอร์รัปชันและการซื้อสิทธิขายเสียงได้ ถึงเวลาที่เราจะนำมาไว้บนโต๊ะและหารายได้เข้าประเทศ แต่ไม่ใช่เสรี ธุรกิจสีเทาต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย 

นอกจากนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า ยังเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว คือเศรษฐกิจสีเหลือง ที่จำเป็นต้องเพิ่ม ใน 3 ส่วนคือ เพิ่มเงิน เพิ่มวัน และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 2 เท่า จากเดิมก่อนโควิดเรามีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน และหลังโควิดเราน่าจะได้นักท่องเที่ยว 25 คน การจะเพิ่มจำนวนให้เป็น 80 ล้านนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยเทียบเคียงกับประเทศฝรั่งเศสที่มีจำนวนประชากรและพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย และรายล้อมด้วยประเทศที่มีศักยภาพสูงรายล้อมทำให้ฝรั่งเศสมีจำนวนนักท่องเที่ยว 80 ล้านคนต่อปี และที่ต้องพัฒนาควบคู่ คือเศรษฐกิจสายมู ที่สามารถกระจายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ในบางจังหวัด เราจึงมีนโยบายสนับสนุนงบประมาณจังหวัดละ 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวสายมู และที่เชื่อมโยงกันมาคือ เศรษกิจสีรุ้ง คือกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง และประเทศไทยก็เป็นประเทศเป้าหมาย 1 ใน 6 ของโลก ที่กลุ่ม LGBTQ+ จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และหากมีการเปิดโอกาสให้มีการสมรสเท่าเทียม ก็จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะเพิ่มรายได้เข้าประเทศได้อีกมากจากคนกลุ่มนี้ที่จะแห่กันเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 

บิ๊กอู๊ด ลงพื้นที่ลุยค้นยาเสพติดและอาวุธปืนครั้งใหญ่กว่า 600 จุด ในพื้นที่ภูธรภาค 9 วันเดียวจับผู้ต้องหากว่า 200 คน สั่งขยายผลทลายเครือข่ายตัดเส้นทางการเงิน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 มี.ค. ที่ ห้องประชุมชัยจินดา สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.พิชัย กิระวาณิช รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.เธียรวิโรจน์  เชี่ยวชาญ รอง ผบก.อก.ภ.7 พ.ต.อ.ภัคพงศ์  สายอุบล รอง ผบก.วจ.สยศ.ตร. พ.ต.อ.จารุพันธ์  เสริมพงศ์ รอง ผบก.อฎ. พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ ร่วมกันแถลงผลการติดตาม และเร่งรัดการปฏิบัติขับเคลื่อนการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (บช.ภ.9) โดยได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 319 เครือข่าย รวม 609 จุด ใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เมื่อเช้าตรู่ของวันนี้

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า การปฏิบัติการวันนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. สั่งการให้กวาดล้างคดียาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างหลังพบการแพร่ระบาดจำนวนมาก เช้าวันนี้ตนจึงได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติดใน 7 จังหวัด ประกอบด้วยสงขลา ตรัง สตูล พัทลุง ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส รวม 609 จุด จากการตรวจค้นสามารถจับกุมได้ 227 คดี รวมผู้ต้องหา 235 คน ยึดของกลางเป็นยาเสพติด ประกอบด้วย ยาบ้า 320,829 เม็ดไอซ์ 4.75 กรัม เฮโรอีน 4.81 กรัม อาวุธปืน 29 กระบอก นอกจากนี้ยังตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ จำนวน 72 รายการ มูลค่าทรัพย์สิน รวม 17,446,723 บาท โดยเบื้องต้นได้สั่งการตำรวจภูธรภาค 9 ขยายผลการจับกุมเพื่อสาวให้ไปถึงตัวการรายใหญ่ต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาถึงวันที่ 15 มี.ค. ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 9 ได้มีการจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ได้ 4 เครือข่าย ประกอบด้วย 1. เครือข่าย น.ส.สุภาพร หรือ สุ ฟักหมิด และนายพิชิต หรือ บิ๊ก บัวผุด (ในพื้นที่ จว.พัทลุง) 2. เครือข่าย นายนฎดล หรือ บ่าว เข็มนาค ( พื้นที่ จว.สงขลา ) 3. เครือข่าย นายวีรยุทธ หรือเล็ก ทส. (พื้นที่ จว.สงขลา ) และ 4. เครือข่าย นายมะตายูดิน หรือ แช เจ๊มะ (พื้นที่ จว.ยะลา ) ได้ผู้ต้องหารวมทั้ง 4 เครือข่าย รวม 18 คน ได้ของกลางยาบ้า 1,971,700 เม็ด ไอซ์ 30 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สินทั้งหมด 14,274,500 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top