Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48959 ที่เกี่ยวข้อง

‘ไทยสร้างไทย’ ตามรอย ‘ชัยวุฒิ’ หนุน!! บุหรี่ไฟฟ้าถูกกม.ตามกระแสโลก

วันนี้สังคมมุมหนึ่งมีการคัดค้านต้านบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย แต่สังคมอีกมุมหนึ่งก็มองว่าควรผลักดันให้ถูกให้ควร เพราะมวลสารแห่งสาระสำคัญ มีผลประโยชน์ต่อองค์กรรวมมากกว่าผลเสีย

จากรายงานเรื่อง E-cigarettes: an evidence update จัดทำโดยกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ระบุว่าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป ส่งผลกระทบด้านสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไปร้อยละ 95 พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเนื่องจากมีหลักฐานผู้เลิกบุหรี่ได้ในกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอัตราที่สูง

นั่นคือผลดีในเชิงของสุขภาพที่ถูกนำมาตีแผ่ แม้จะมีข้อมูลอีกฟากฝั่งที่มักมองว่า บุหรี่ไฟฟ้า ก็ยังเป็นควันภัยที่ยากเกินจะยอมรับ และแฝงด้วยโทษในเชิงวิทยาศาสตร์มากกว่าบุหรี่มวนทั่วไปเสียอีก

กระแสอันร้อนแรงระหว่างกลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย และผู้ต่อต้านแรงขึ้น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เดินหน้าหนุนดึงบุหรี่ไฟฟ้าเข้าระบบให้เป็นสินค้าที่มีกฎหมายควบคุม เพราะมองผลระยะยาวในเชิงที่สามารถลดอันตรายให้กับนักสูบที่ไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ ช่วยเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบมีช่องทางรายได้ใหม่จากการป้อนผลผลิตให้โรงงานผลิตบุหรี่ไฟฟ้า อีกทั้งปิดช่องภาษีรั่วไหลจากการลักลอบนำเข้า

“เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาข้อกฎหมายเพื่อดึงบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาอยู่ในระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยกำลังดูว่ามีประเด็นติดขัดเรื่องอะไรบ้าง เนื่องจากมองว่าหากทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายได้จะสามารถลดอันตรายให้กับผู้สูบ เพราะบางคนไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ แม้จะมีการรณรงค์ให้คนเลิกสูบบุหรี่มาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันยังมีจำนวนผู้สูบบุหรี่อีกเกือบ10 ล้านคน” นายชัยวุฒิกล่าว

รัฐมนตรีดีอีเอส กล่าวอีกว่า “ตอนนี้ผมจะรวบรวมข้อมูล นำไปประสานผู้เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและทบทวนแนวคิด หาแนวทางขับเคลื่อนเพื่อทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพราะปัจจุบันทั้ง อย.สหรัฐฯ อังกฤษ และญี่ปุ่น ยอมรับให้ใช้แล้ว ดังนั้นเราต้องไปศึกษาต่อไปว่าข้อติดขัดอยู่ที่ภาคส่วนใด อย่างเช่น ในเรื่องใบอนุญาตให้ใช้ การขาย การผลิต เพราะจากที่ศึกษาเบื้องต้นในแง่กฎหมายน่าจะใช้ พ.ร.บ.ยาสูบฯ ควบคุมให้เข้ามาอยู่ในระบบได้อยู่แล้ว คงต้องมีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำงานเรื่องนี้โดยเฉพาะ”

สำหรับเหตุผลที่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพราะเครื่องยาสูบที่เป็นไฟฟ้าถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ปัจจุบัน 67 ประเทศทั่วโลกมีการยอมรับบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา, จีน แม้แต่มาเลเซีย เพราะถือว่าเป็นยาสูบที่มีความอันตรายน้อยกว่าบุหรี่จริง โดยบุหรี่ไฟฟ้าจะมีสารพิษน้อยกว่า ขณะที่ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับ

“หลายประเทศยอมรับว่า หากเรามีบุหรี่ไฟฟ้าจะสามารถลดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนได้มากกว่า เรื่องนี้ผมขอศึกษาข้อกฎหมายก่อน นอกจากนี้ ปัจจุบันทราบว่าโรงงานยาสูบและผู้ปลูกยาสูบเองก็มีรายได้ลดลง เนื่องจากคนนิยมไปสูบบุหรี่นำเข้า หรือบุหรี่ที่ลักลอบนำเข้ามา ดังนั้น ถ้าเราสามารถเอายาสูบที่ปลูกในประเทศมาผลิตบุหรี่ไฟฟ้าได้ จะสามารถแก้ปัญหาให้กับโรงงานยาสูบและเกษตรกรได้ รวมทั้งส่งออกได้ด้วย” นายชัยวุฒิกล่าว

พร้อมทั้งย้ำว่า การดึงสินค้าในกลุ่มบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาอยู่ในระบบ เป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้กฎหมายนั้น อยู่ที่ว่าประเทศไทยและผู้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้อง จะสามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีได้มากน้อยแค่ไหน เพราะปัจจุบันสินค้านี้มีขายกันใต้ดินและทางออนไลน์ 

ดังนั้นถ้าไม่ปรับตัวตามเทคโนโลยีก็จะเกิดปัญหาภายในประเทศ และเสียหายในอนาคตได้ ทั้งในเรื่องการลักลอบจำหน่าย การสูญเสียรายได้จากภาษี การสูญเสียโอกาสและกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบชาวไทยและการลดผลกระทบต่อสุขภาพของนักสูบชาวไทยที่ไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้

ในขณะที่นโยบายการสนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายโดยรัฐมนตรีดีอีเอสเริ่มกระจายเป็นข่าวใหญ่ ด้าน นายเจตุบัญชา อำรุงจิตชัย รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย ก็ดูเหมือนจะหยิบยกกรณีบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ออกมาร่วมตีแผ่ด้วยเช่นกัน 

“แม้จะมีการระบุเรื่องการห้ามจำหน่ายและนำเข้าก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติจะพบว่าเมื่อเดินไปตามแหล่งท่องเที่ยวก็ยังคงมีวางขายกันอย่างเปิดเผย และปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีตำรวจเรียกรับผลประโยชน์กับพ่อค้าแม่ค้าแลกกับการ มองข้ามในเรื่องเหล่านี้ ถ้าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังนิ่งเฉย ไม่ยอมปรับแก้กฎหมายให้สามารถขายได้ ประเทศจะสูญเสียรายได้แทนที่จะเก็บภาษีเกี่ยวกับธุรกิจนี้ได้ถูกต้อง กลับการเป็นการจ่ายใต้โต๊ะให้คนไม่กี่คนที่มีอำนาจจับกุม สุดท้ายเงินก็กลายเป็นส่วยใต้โต๊ะที่ไม่จบสิ้นอยู่ดี”

ผบ.ตร.ลงพื้นที่อีสาน ร่วม นายกฯ ตรวจเยี่ยม 'หนองบัวลําภู ต้นแบบสีขาว ปลอดยาเสพติด' ขานรับนโยบายนำโมเดลความสำเร็จขยายทั่วประเทศ บรรยายพิเศษ แก้ปัญหายาเสพติด ลดผู้เสพ คืนคนดีสู่สังคม

เมื่อวันที่ (2 มี.ค. 66) เวลา 13.45 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เดินทางไปร่วมต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการตรวจเยี่ยมและติดตามการดําเนินงานตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จังหวัดหนองบัวลําภู ในระยะเวลาเร่งด่วน 3 เดือน หนองบัวลําภูต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติด ณ ศูนย์ปฏิบัติการชุมชนยั่งยืนบ้านท่าอุทัย ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่าย ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูร่วมต้อนรับ

ผบ.ตร. กล่าวว่า “โครงการหนองบัวลําภูต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติด เป็นโครงการ ที่สืบเนื่องมาจาก มติประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีข้อสั่งการเรื่องยาเสพติด กำหนดให้จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นต้นแบบของจังหวัดสีขาว ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่เดือน พ.ย.65  ทาง ตร.ได้ส่งชุดตำรวจภูธรภาค 4 มาช่วยในการปราบปราม การขยายผล และส่งทีมวิทยากรมาช่วยในชุมชนยั่งยืน บูรณาการร่วมกันระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สาธารณสุข และท้องถิ่น จนสามารถค้นหาผู้เสพได้เป็นจำนวนมาก และยังได้นำตัวผู้เสพเข้าสู่การบำบัดฟื้นฟูตามรูปแบบ CBTx โดยใช้ชุดปฏิบัติการยั่งยืน จัดกิจกรรมบำบัดในรูปแบบผสมผสาน ทั้งศาสนาบำบัด อาชีพบำบัด และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์บำบัด มีชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม ให้กำลังใจสร้างความเชื่อมั่นผู้เสพให้ ลด ละ เลิก ทำให้ผู้เสพมีกำลังใจ บำบัดฟื้นฟูผ่าน เป็นคนดีคืนสู่สังคม ใช้ชีวิตปกสุขร่วมกับชุมชนได้ 

ขณะทำสำเร็จไปแล้ว 72 ชุมชน ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ในการช่วยบำบัดผู้เสพกว่า 1,000 ราย และราคายาเสพติดที่สูงขึ้น เป็นตัวบ่งชี้ความสำเร็จของโครงการ ประกอบกับความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก โดยสนับสนุนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการให้ข้อมูล และขจัดปัญหายาเสพติดในชุมชนให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม

หลังจากโครงการประสบผลสำเร็จ ได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบ จนเป็นที่มาของการลงพื้นที่ในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการนำโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรทุกมิติของจังหวัดหนองบัวลำภูขยายสู่จังหวัดอื่นๆ เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเกิดความยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาล โดย ตร.จะรับไปดำเนินการ ซึ่งมีโครงการชุมชนยั่งยืน 1 โรงพักต่อ 1 ชุมชนที่ทำมา 3 ปี และจะหารือเตรียมขยายเป็น 1 โรงพัก ต่อ 1 ตำบล เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดให้มากยิ่งขึ้นต่อไป” 

โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเช้า เวลาประมาณ 10.30 น. ที่โรงแรมเจริญธานี ต.ในเมือง จว.ขอนแก่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้บรรยายพิเศษ  โครงการฝึกอบรมวิทยากรต้นแบบชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติตำรวจภูธรภาค 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ครู ก)  รุ่นที่ 8 ให้ผู้เข้ารับการอบรม โดยมี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นพล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เข้าร่วม 

‘แอร์ คำรณ’ ชวนอ่าน!! ‘มาเหนือเมฆ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ตีแผ่เรื่องจริงน่ารู้ของ ‘บิ๊กตู่’ ที่ไม่บิดเบือน

นายคำรณ ปราโมช ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและอดีตกรรมการผู้จัดการนิตยสารอิมเมจ โพสต์เฟซบุ๊กถึงพ๊อคเก็ตบุ๊คเล่มแรกของอิมเมจ มีเดียว่า 

“มาเหนือเมฆ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” คือพ๊อคเก็ตบุ๊ค เล่มแรกของอิมเมจ มีเดีย และการกลับมาทำงานด้านสิ่งพิมพ์ ถือว่าอินเทรนด์ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศ อีกไม่นานนี้นะครับ

หัวใจของหนังสือเล่มนี้ แน่นอนเกี่ยวกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในหลายๆด้าน รวมทั้งการพัฒนาประเทศที่เกิดขึ้นภายใต้พลเอกประยุทธ์

สถานทูตจีน ย้ำสัมพันธ์ 2 ประเทศแน่นแฟ้น ชู การค้า-การลงทุน พุ่งหลักแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เคลื่อนไหวโพสต์ตามคำถามเกี่ยวกับเรื่องชาวจีนมีส่วนเกี่ยวข้องธุรกิจสีเทาในไทย ฝ่ายจีนมีความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวอย่างไร ซึ่งทางโฆษกสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ก็ได้มองว่า พร้อมหนุนให้รัฐบาลไทยจัดการ หากพบการทำผิด แต่ไม่อยากให้คนไทยเหมารวมว่าคนจีนทั้งหมดไม่ดี การทำผิดเกิดขึ้นเฉพาะบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น

ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ยังได้เปิดเผยถึงแง่มุมความสัมพันธ์ไทย-จีน ทั้งเรื่องการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างประเทศร่วมกัน เนื่องจากมองว่าไทยและจีนต่างก็เป็นเมืองพี่ เมืองน้อง โดยมีใจความตอบคำถาม ดังนี้

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีสื่อไทยตั้งคำถามต่อโฆษกสถานทูตจีนเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการไปมาหาสู่กันระหว่างจีน-ไทย ดังต่อไปนี้

Q: คุณคิดว่าความสัมพันธ์จีน-ไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร ความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างสองประเทศได้พัฒนาเป็นอย่างไร
A: จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี หุ้นส่วนที่ดี และพี่น้องที่ดี หลายปีมานี้ทั้งสองประเทศได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อเผชิญกับโรคโควิด-19 และได้เอาชนะความยากลำบากร่วมกัน ซึ่งส่งผลให้ 'จีนไทยพี่น้องกัน' ของประชาชนทั้งสองประเทศมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เยือนประเทศไทย ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ และหารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ทั้งสองประเทศประกาศจะสร้างประชาคมระหว่างจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน และมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งได้ชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในยุคใหม่อย่างชัดเจน ด้วยการควบคุมสถานการณ์โรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การแลกเปลี่ยนการเยือนและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศย่อมจะนำไปสู่ระดับสูงครั้งใหม่ 

จีนเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดและตลาดสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทย ในปี 2565 ยอดมูลค่าการค้าระหว่างจีนกับไทยสูงถึง 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน สินค้าเกษตรของไทยที่ส่งออกไปจีนมีมูลค่า 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในปี 2565 จีนได้กลายเป็นประเทศที่ลงทุนรายใหญ่ที่สุดของไทย โดยมีมูลค่าเงินลงทุน 77,381 ล้านบาท ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-ไทยตั้งอยู่บนหลักการเอื้อผลประโยชน์แก่กันและความร่วมมือแบบ win-win และได้ส่งผลประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ให้แก่การพัฒนาและประชาชนของทั้งสองประเทศ 

'หมอยง' ชี้ บทสรุป 'วัคซีนทุกตัว' ประสิทธิภาพไม่ต่างกัน ฉีดกี่เข็มก็ไม่กันการติดเชื้อ ได้แค่ลดความรุนแรงของโรค

(3 มี.ค. 66) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเรื่อง โควิด 19 วัคซีน ความต้องการที่น้อยลง ระบุว่า...

ในปีแรกที่เริ่มมีวัคซีน ทุกคนแย่งกันมาก เมื่อมีวัคซีนมากขึ้น เรียกร้อง mRNA เป็นวัคซีนเทพ เมื่อกาลเวลาผ่านไป จะเห็นได้ว่าวัคซีนทุกตัวประสิทธิภาพไม่ต่างกันเลย

มาถึงปัจจุบัน จะฉีดวัคซีนกี่เข็มก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้เพียงแต่ลดความรุนแรงของโรคลง

ในวันนี้ ประชากรทั่วโลกส่วนใหญ่ได้ติดเชื้อไปแล้ว น่าจะถึง 5 พันล้านคน แม้กระทั่งประเทศไทยก็น่าจะติดเชื้อไปแล้วมากกว่า 50 ล้านคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top