Thursday, 19 June 2025
ค้นหา พบ 48906 ที่เกี่ยวข้อง

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! ‘ชาไทยเย็น’ ติด Top 10 เครื่องดื่มที่ดีที่สุด เร่งผลักดัน Soft power ชูครัวไทย สู่ครัวโลก

(25 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบว่า TasteAtlas ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบทความและข้อมูลอาหารยอดนิยมทั่วโลกได้จัด 10 อันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (10 Best Rated Non-Alcoholic Beverages in the World) (https://www.tasteatlas.com/best-rated-non-alcoholic-beverages-in-the-world#!#modal)

โดย “ชาไทยเย็น” ได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 7 ของโลก สะท้อนเอกลักษณ์และวัฒนธรรมอาหารของไทยที่โดดเด่น ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2018 ชาเย็นไทย ก็ได้รับการจัดอันดับที่ 27 ใน 50 เครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลก (World’s 50 most delicious drinks) จากเว็บไซต์ CNN Travel เช่นเดียวกัน (https://edition.cnn.com/travel/article/most-delicious-drinks-world/index.html)

นายอนุชา กล่าวว่า ผลการจัดอันดับดังกล่าวได้ให้รายละเอียดว่า ชาไทยเย็น ได้รับคะแนนโหวต 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยถือเป็นเครื่องดื่มที่ผสมผสานเข้ากันได้ดีระหว่างชาดำเข้มข้น นมข้นหวาน/จืด น้ำตาล และสมุนไพรเครื่องเทศต่าง ๆ ซึ่งเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง โดยปัจจุบันจะพบชาไทยเย็นได้ ทั้งใน Street Food และร้านอาหารทั่วไป

นายอนุชา กล่าวว่า การจัดอันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่

1.) Hong Kong-Style Milk Tea จากฮ่องกง

2.) Aguas Frescas จากเม็กซิโก

3.) Chai masala จากอินเดีย

4.) Maghrebi Mint Tea จากเมืองอัลมัฆริบ (Maghreb) และโมร็อกโก

5.) Horchata จากเม็กซิโก

6.) Salep จากตุรเคีย

7.) ชาไทยเย็น จากไทย

8.) El submarino จากอาร์เจนตินา

9.) Ristretto จากอิตาลี

10.) Darjeeling จากอินเดีย

‘นทท.จีน’ ปลื้ม!! ‘ตร.บางรัก’ ติดตามค้นหาไอโฟน ใช้เวลาเพียง 5 ชม. ส่งคืนถึงมืออย่างปลอดภัย

(25 ก.พ. 66) เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ที่สน.บางรัก พ.ต.ท.เกียรติภูมิ ทินาโชติ รอง ผกก.สส.สน.บางรัก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน นำโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน (Iphone 14 pro max สีม่วง) ที่สามารถติดตามกลับคืนมาได้จากกล้องวงจรปิดโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งมอบคืนให้ MISS SHIYI DENG นักท่องเที่ยวสัญชาติจีน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากได้มีนักท่องเที่ยวชาวจีน เดินทางมาร้องทุกข์ต่อ พงส.สน.บางรัก ได้นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างทั่วไป ไม่ทราบทะเบียน และไม่รู้จักคนขับ ในระหว่างทางคนขับ ใส่เสื้อมีฮู้ด ผู้แจ้งซึ่งนั่งซ้อนท้าย ได้เอาโทรศัพท์ IPhone 14 Pro Max สีม่วง ใส่เคสใส ใส่ไว้ในฮู้ดคนขับ และเมื่อมาถึงบริเวณหน้าโรงแรมมณเฑียรสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. ผู้แจ้งได้ลืมโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวไว้ และพยายามเรียกแล้วแต่ไม่ทัน และไม่สามารถติดต่อคนขับได้ จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อให้ตำรวจบางรัก ช่วยติดตามโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว

ภายหลังรับทราบ พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผกก.สน.บางรัก ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.เกียรติภูมิ ทินาโชติ รอง ผกก.สส.สน.บางรัก จัดทีมนำโดย พ.ต.ต.สมถวิล ไสลจักร์ สว.สส. ร.ต.อ.วรพัฒน์ เจริญมาก รอง สว.สส.สน.บางรัก ร.ต.ต.สุระสิทธิ์ คำล้นธนิสร์กุล ร.ต.ต.จิรัฏฐ์ วงษ์วิวงษ์ รอง สว.(สส.) และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณที่เกิดเหตุและใกล้เคียง พบชื่อผู้ครอบครองทะเบียนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว จึงเดินทางไปพบกับชายคนดังกล่าว

โดยเจ้าตัวยอมรับว่า โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวอยู่ที่ตนจริง แต่ทราบเมื่อหลังจากได้กลับมาถึงบ้านพักซึ่งอยู่ในฮู้ดของเสื้อคลุม แต่ไม่รู้จะนำส่งคืนที่ใด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ตามมาพบที่บ้าน ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อนำส่งคืนให้กับเจ้าของต่อไป

พ.ต.ท.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ภายหลังรับทราบข้อมูลจากเจ้าทุกข์ จึงนำเรียน พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผกก.สน.บางรัก ท่านรีบสั่งการให้ดำเนินการ ตามแผนป้องกันเหตุ การบริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ที่มีต่อกองบัญชาการตำรวจนครบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เคยละเลย มองข้าม รีบดำเนินการภายในระยะเวลาอันสั้น จนนำทรัพย์สินดังกล่าวส่งคนเจ้าของโดยเร็วภายในระยะเวลา 5 ชั่วโมง

‘สุวัจน์’ เปิดงาน ‘เดิน เดิ่น โคราช’ หนุน Soft Power ดันสตรีทฟู้ดไทยสู่ระดับโลก หวังดึง นทท. - กระตุ้น ศก.

(25 ก.พ. 66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดงาน ‘เดิน เดิ่น โคราช’ ประจำปี 2566 เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 24 ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ สส.นครราชสีมา เขต 2 พรรคชาติพัฒนากล้า, นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร สท.ผู้นำชุมชน, นักธุรกิจ, พ่อค้า, แม่ค้า และพี่น้องประชาชนร่วมงานจำนวนมาก ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และสวนอนุสรณ์สถานวีรกรรมท้าวสุรนารี

นายสุวัจน์ กล่าวว่า งานถนนคนเดิน เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อสร้างความสุข กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างบุคลิกคาแรคเตอร์ให้กับเมืองโคราช ที่เราเรียกว่า ‘เดิน เดิ่น โคราช’ คือ เดินชมเมืองโคราช เดินชมร้านค้า เดินชมดนตรี เดินไปตามถนนที่สวยงามย่านอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เดินชมอนุสรณ์สถานคุณย่าโม เดินไปท่ามกลางสตรีทฟู้ดที่มีอาหารดี ๆ พื้นบ้าน พื้นเมืองของคนโคราช เดินไปท่ามกลางสินค้าโอทอป สินค้าที่หลากหลายแล้วก็มีดนตรี มีอะไรมากมาย ที่ถือว่าเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Night Market บวกกับ Streetfood บวกกับถนนวัฒนธรรม รวมแล้วเลยกลายเป็น ‘เดิน เดิ่น โคราช’

ซึ่งทางเทศบาลนครนครราชสีมา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์นี้ และเห็นว่าจะจัดกันเป็นประจำทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จัดกันไปเรื่อยๆ ก็จะทําให้เมืองมีความคึกคัก มีสีสัน มีบรรยากาศของการท่องเที่ยวและก็รองรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาประเทศไทย รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และเป็นการอวดของดีเมืองโคราช ของดีทางด้านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม Soft Power ของดีทางด้านอาหารการกิน สินค้าโอทอป ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ดี แล้วก็จะนําไปสู่เรื่องเศรษฐกิจ ทําให้พ่อค้า แม่ค้า คนขายของที่ระลึก คนขายโอทอป คนขายอาหาร ทุกคนได้ขายสินค้า พี่น้องประชาชนได้ออกมาเที่ยวจับจ่ายใช้สอย นักท่องเที่ยวก็อยากจะมาที่โคราช ถือว่าเป็นโมเดลที่ดี ซึ่งทุกจังหวัดก็จะมีของดีอย่างนี้ แล้วก็ร่วมกันจัดงานลักษณะนี้จะเป็นถนนวัฒนธรรม ถนนคนเดิน หรือจะเป็นถนนสําหรับสตรีทฟู้ด

“เมืองไทยมีชื่อเสียงทั่วโลกพอพูดถึงเรื่องสตรีทฟู้ด ทุกคนจะนึกภาพเมืองไทยมาอันดับหนึ่ง สตรีทฟู้ด ขนาดมิชลิน สตาร์ บ้านเรายังมีอยู่ที่สตรีทฟู้ด ถ้าเราส่งเสริมเรื่องสตรีทฟู้ด ไปทุกตําบล ทุกเมือง ให้มีสตรีทฟู้ด แล้วเอาของดีมาอวด หรือส่งเสริมพวกมิชลิน สตาร์ เพราะนักท่องเที่ยวชอบไปกิน คือ เป็นการแนะนําของอร่อยที่เซอร์ติฟายด์โดยมิชลิน ส่งเสริมให้ มิชลิน สตาร์ Michelin เข้ามาให้ดาวให้เพจ ไปตามร้านอาหารดัง ๆ เมืองท่องเที่ยว ทุกจังหวัด ทุกอําเภอ ต่อไปเมืองไทยก็จะมีชื่อเสียงเหมือนเป็นเมืองของกินของโลก เมืองอาหารอร่อยของโลก สตรีทฟู้ดของโลก จะช่วยส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวได้มาก” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้การท่องเที่ยวเป็นหัวใจสําคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเงินจากนักท่องเที่ยวมาเร็ว มาแรง มาทั่วถึง ไปทุกหมู่บ้าน ไปทุกตําบล วันนี้เราจะอาศัยการลงทุนจะต้องรอจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจ ถดถอย เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยแพง ผลกระทบ ใช้เรื่องการลงทุนจะค่อนข้างชะลอ แต่เรื่องท่องเที่ยว เรื่องปาก เรื่องท้อง เรื่องอยากไปเที่ยว คิดได้ทุกวัน ขออย่างเดียว บ้านเมืองคุณปลอดภัย คุณมีสตรีทฟู้ด มีอาหารอร่อยๆให้ผมทานหรือเปล่า ผมก็อยากจะมา ฉะนั้น สตรีทฟู้ด เป็นเสน่ห์ของเมืองไทยมากขอให้ส่งเสริมให้ดีกันเยอะๆ ในทุกเมืองท่องเที่ยวจะเป็นประโยชน์ เพราะการท่องเที่ยวเป็นหัวใจในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมา

‘ภูมิใจไทย’ ผุดไอเดีย ‘ผันน้ำยวม’ เติมน้ำให้เขื่อนภูมิพล ช่วยเกษตรกรสู้ภัยแล้ง ลั่น!! ‘ภท.’ ยืนเคียงข้างเกษตรกรไทย

(25 ก.พ. 66) นายวีระกร คำประกอบ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันภัยแล้งของพรรคภูมิใจไทยว่า จากการศึกษาพบว่า ลุ่มน้ำเจ้าพระยาต้องการน้ำ 18,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อปี แบ่งเป็น

3,500 ล้าน ลบ.ม.สำหรับขับไล่น้ำเค็ม และรักษาระบบนิเวศเพื่อไม่ให้น้ำเค็มเข้าใน กทม. หรืออาจจะขึ้นไปถึงพระนครศรีอยุธยาได้, 2,500 ล้าน ลบ.ม. สำหรับผลิตน้ำประปา

3,000 ล้าน ลบ.ม.สำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้ปริมาณน้ำค่อนข้างมาก

1,000 ล้าน ลบ.ม.สำหรับการปศุสัตว์

ที่กล่าวไปรวมกัน 10,000 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี และยังมีส่วนของภาคการเกษตร ชาวนา ชาวไร่ ที่ต้องการน้ำอีกประมาณปีละ 8,000 ล้าน ลบ.ม.

“เพราะฉะนั้น ปีหนึ่ง เราต้องใช้น้ำ 18,000 ล้าน ลบ.ม. แต่ในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยขาดแคลนน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เฉลี่ยประมาณปีละ 4,000 ล้าน ลบ.ม. และในช่วงที่เกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาขาดแคลนน้ำถึง 8,000 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี ทำให้เกิดภาวะภัยแล้ง คำถามมีว่า จะเอาน้ำที่ไหนมาช่วยเหลือพี่น้องชาวนาชาวไร่” นายวีระกร ระบุ

นายวีระกร ซึ่งเป็นอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทย จึงได้เสนอทางออก โดยการผันน้ำจากลำน้ำยวม ที่มีต้นน้ำ อยู่ที่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน และไหลลงใต้ไปลงแม่น้ำเมยแล้วออกนอกประเทศ ไปยังแม่น้ำสาละวิน ที่ไหลไปเข้าประเทศเมียนมา โดยแทนที่เราจะปล่อยน้ำออกไปนอกประเทศ เราก็ปิดประตูน้ำที่ปากแม่น้ำยวม และตั้งสถานีสูบน้ำข้ามภูเขาสูงประมาณ 160 เมตร เพื่อไหลลงน้ำแม่งูด อ.ฮอด จ.เชียงใหม่

นายวีระกร อธิบายต่อว่า เพื่อให้น้ำไหลลงเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ซึ่งปัจจุบันเขื่อนภูมิพลสามารถกักเก็บน้ำ ได้ 13,500 ล้าน ลบ.ม. แต่ตลอดระยะเวลาที่เกิดเอลนีโญ ช่วงปี 2555-2563 มีน้ำเฉลี่ยอยู่ไม่เกิน 5,000 ล้าน ลบ.ม. เพราะฉะนั้น เขื่อนภูมิพล ยังมีพื้นที่สามารถกักเก็บน้ำได้อีกประมาณ 8,500 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี เมื่อเราปิดไม่ให้น้ำยวมไหลออกไปนอกประเทศ แล้วสูบน้ำมายังเขื่อนภูมิพล โดยน้ำยวมจะสามารถสูบข้ามเขามาได้ประมาณปีละ 2,000 กว่าล้าน ลบ.ม.

นายวีระกร กล่าวอีกว่า ปริมาณน้ำ 2,000 กว่าล้าน ลบ.ม.จากแม่น้ำยวมก็ถือว่า ยังไม่เพียงพอ และอาจจะต้องมีเฟส 2 โดยการต่อท่อจากแม่น้ำสาละวิน บริเวณชายแดน จ.แม่ฮ่องสอน เอามาลงประตูน้ำที่ปิดตรงปากแม่น้ำยวม เมื่อเป็นเช่นนี้ ในอนาคต เราก็จะมีน้ำยวมมาช่วยให้กับพี่น้องประชาชนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ขาดแคลนน้ำประมาณปีละ 4,000-8,000 ล้าน ลบ.ม. ได้อย่างเพียงพอ โดยเราจะสูบน้ำเฉพาะในหน้าฝน ซึ่งเป็นช่วงที่พี่น้องในพื้นที่ลุ่มน้ำยวมเดือดร้อนจากน้ำท่วม แต่ในหน้าแล้งเราจะไม่แตะต้องเลย

“เป็นการผันน้ำ เพื่อเติมน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนภูมิพล และเป็นการเติมน้ำต้นทุนให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวนากว่า 27 จังหวัด ในลุ่มน้ำภาคกลางทั้งหมด ที่จะเป็นนโยบายหลักของพรรคภูมิใจไทย ในการทำให้พี่น้องชาวนา ชาวไร่ ได้มีน้ำเพียงพอในการทำการเกษตร นี่คือ คำสัญญาของพรรคภูมิใจไทย ที่ขอยืนเคียงข้างพี่น้องเกษตรกรไทย” นายวีระกร ระบุ


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/713530

'ซูเปอร์โพล' เผย 'ลุงตู่' เด่นด้านความสงบสุข-มั่นคง ฟาก 'ลุงหนู' ผลงานด้าน สธ.-จงรักภักดี เป็นที่ประจักษ์

(25 ก.พ. 66) สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ลุงตู่ กับ หมอหนู กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,223 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20 – 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95

เมื่อถามถึง นักการเมืองผู้มีผลงานเด่น ด้านความมั่นคงชาติ ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 53.6 ระบุ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมาหรือร้อยละ 17.3 ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล, ร้อยละ 9.5 ระบุ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ, ร้อยละ 6.5 ระบุ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร, ร้อยละ 5.3 ระบุ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ตามลำดับ

นอกจากนี้ เมื่อถามถึง นักการเมืองผู้มีผลงานเด่น ด้านระบบสาธารณสุข นโยบายสุขภาพ แก้ปัญหาคุณภาพชีวิต ลดความเดือดร้อนของประชาชนช่วงวิกฤตโควิด พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.1 ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองลงมาคือร้อยละ 10.4 ระบุ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, ร้อยละ 6.5 ระบุ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, ร้อยละ 4.2 ระบุ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และร้อยละ 2.9 ระบุ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึง ภาพจำของประชาชน ต่อคุณธรรมการเมืองของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.1 คือ ความจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุดของชาติ รองลงมาคือ ร้อยละ 60.6 ระบุ กล้าคิดกล้าตัดสินใจ เป็นผู้นำไทยบนเวทีโลก ด้านสาธารณสุข สุขภาพเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจไทยในอาเซียน ร้อยละ 60.6 ระบุ มีผลงานทั่วโลกยอมรับ รับมือวิกฤตโควิดในประเทศไทย ร้อยละ 60.4 ระบุ ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย ทุจริตคอรัปชัน ร้อยละ 57.9 ระบุ มีความรู้ ประสบการณ์ ภาคธุรกิจ เคยล้มเหลว ฟื้นฟูตัวเอง กลับมาสำเร็จได้ ร้อยละ 57.6 ระบุ มุ่งมั่น ขยัน ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top