Thursday, 19 June 2025
ค้นหา พบ 48906 ที่เกี่ยวข้อง

ถวายบังคม พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ

เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 พลเรือตรี ภาณุพันธุ์ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือกรุงเทพ มอบหมายให้ นาวาเอก สุชาติ อุดมนาค รองผู้บัญชาการฐานทัพเรือกรุงเทพ เป็นผู้แทนวางพานพุ่ม และนำกำลังพลร่วมพิธีถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร่วมกับสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ และหน่วยงานในพื้นที่ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ ซึ่งตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี

 

25 กุมภาพันธ์ ของทุกปี วันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ เป็นวันแรกที่มีการถ่ายทอดเสียงทางวิทยุในไทย

วันวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันที่ประเทศไทยมีการกระจายเสียงทางวิทยุเป็นครั้งแรก

กิจการวิทยุกระจายเสียงในประเทศไทยมีมาตั้งแต่ พ.ศ.2470 ด้วยพระดำริของ 'พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน' เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และโทรคมนาคม

พระองค์ทรงดำริตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงขึ้น เมื่อพ.ศ.2471 โดยสั่งเครื่องส่งกระจายเสียงคลื่นสั้นเข้ามาทดลอง และให้อยู่ในความควบคุมของช่างวิทยุ กรมไปรษณีย์โทรเลข ตั้งสถานีที่ตึกที่ทำการไปรษณีย์ปากคลองโอ่งอ่าง ตำบลวัดราชบูรณะเป็นครั้งแรก ใช้ชื่อสถานีว่า '4 พีเจ' (HS 4 PJ) ต่อมาได้มีการประกอบเครื่องส่งคลื่นขนาดกลาง 1 กิโลวัตต์ ขึ้น ทำการทดลองที่ตำบลศาลาแดงใช้ชื่อสถานีว่า 'หนึ่ง หนึ่ง พีเจ' (HS 11 PJ) ซึ่งการใช้ชื่อสถานีว่า 'พีเจ' ในยุคนั้น ย่อมาจากคำว่า 'บุรฉัตรไชยากร' อันเป็นพระนามเดิมของพระองค์ท่านนั่นเอง

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2473 ซึ่งตรงกับวันพระราชพิธีฉัตรมงคล ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ผช.ผบ.ทร.ติดตามความก้าวหน้าช่วยเหลือด้านสิทธิ กำลังพล รล.สุโขทัย อับปาง เตรียมมอบเหรียญ 'บางระจัน'

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ (ผช.ผบ.ทร.) เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าเรื่องสิทธิกำลังพล การสวัสดิการ การช่วยเหลือกำลังพล และครอบครัว กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยได้เตรียมเสนอเครื่องหมายเชิดชูเกียรติผู้ปฏิบัติราชการเพื่อชาติ “เหรียญบางระจัน” ให้กำลังพลทั้ง 29 นาย

เมื่อ 23 ก.พ.66 พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ (ผช.ผบ.ทร.) และประธานกรรมการบูรณาการติดตามเรื่องสิทธิกำลังพล การสวัสดิการ และการช่วยเหลือกำลังพลกองทัพเรือที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และครอบครัว กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เป็นประธานการประชุมในการเร่งรัด ติดตามการช่วยเหลือจากหน่วยงาน องค์กร หรือภาคเอกชน อย่างบูรณาการ ให้กำลังพล และครอบครัว ให้ได้รับสิทธิอย่างครบถ้วน รวดเร็ว และถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ณ ห้องประชุม ชั้น 5 กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

คณะกรรมการฯ ได้จัดกลุ่มติดตามการช่วยเหลือกำลังพลแบ่งเป็น ผู้เสียชีวิต จำนวน 24 นาย, ผู้สูญหาย จำนวน 5 นาย, ผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 27 นาย และผู้ประสบภัย (ไม่ได้รับบาดเจ็บ) จำนวน 49 นาย ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา การติดตามและให้ความช่วยเหลือกำลังพลที่ประสบเหตุฯ ส่วนใหญ่ มีความคืบหน้าและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ยังมีบางรายการต้องดำเนินการเร่งรัด ติดตามในเรื่องสิทธิกำลังพล การสวัสดิการ และการช่วยเหลือกำลังพลอื่นๆ ได้อย่างครบถ้วน รวดเร็ว และเป็นไปตามระเบียบในโอกาสแรก ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะได้ดำเนินการต่อไป ดังนี้...

- ติดตามสิทธิกำลังพลฯ ที่เหลือ

- เสนอให้กระทรวงกลาโหมออกคำสั่งถึงแก่ความตายเพราะสูญหายในขณะปฏิบัติราชการ (ในกลุ่มผู้สูญหาย เพื่อดำเนินการตามสิทธิ์ที่จะได้รับได้ต่อไป)

- เสนอขออนุมัติกระทรวงกลาโหมขอรับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติผู้ปฏิบัติราชการเพื่อชาติ “เหรียญบางระจัน” ให้แก่กำลังพลที่เสียชีวิต และสูญหาย จำนวน 29 นาย อันเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ ผู้บัญชาการทหารเรือที่ต้องการดูแลกำลังพล และครอบครัวจากกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ในด้านต่างๆ อย่างเต็มกำลัง และดีที่สุด

เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำท่าเรือแหลมฉบังเปิดตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างกว่า 1,000 ตู้ นำร่องสินค้าจำนวน 4 ตู้ พบสิ่งต้องห้ามจากต่างประเทศเป็นเนื้อหมูอาจปนเปื้อนและปุ๋ยสารเคมีประเภทแมกนีเซียมซัลเฟต

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 คณะกรรมการโครงการการท่าเรือสีขาวตามนโยบายของ รชค.ตามโครงการท่าเรือสีขาวตามนโยบายของ รชค. อธิรัฐ ในฐานะกำกับดูแลการท่าเรือแห่งประเทศไทยพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศุลกากรนำโดยรองผู้บังคับการ ผู้กำกับนครบาล 3 และ มีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย การท่าเรือแห่งประเทศไทย ตำรวจภาค 2 ทหารเรือ ศุลกากร ได้กำหนดขั้นตอนและหาข้อยุติ การตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างและต้องสงสัย โดยที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างกว่า 1,000 ตู้ ที่มีทั้งตู้คอนเทนเนอร์เก็บความเย็น ตู้สินค้าแห้ง และตู้สินค้าอันตราย

ตามที่คณะทำงานได้แจ้งไปจำนวนหกตู้ ศุลกากรแจ้งว่ามีการเปิดไปแล้วสองตู้เหลือสี่ตู้ยังไม่ได้เปิด อีกตู้แจ้งขอผ่อนผันยังเปิดไม่ได้และได้ทำการนำ 3 ตู้ รีเฟอร์ มาเปิดและเพิ่มอีกสองตู้ Dry ซึ่งตู้แรกที่เปิดเป็นกลุ่มปุ๋ยสารเคมีประเภทแมกนีเซียมซัลเฟต ตู้ที่สองที่เปิดสำแดงเป็นเศษพลาสติกเป็นการสำแดงผิดที่เจอเป็นเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า

ตู้ที่สามและตู้ที่ห้าเป็นเนื้อหมูสามชั้นมาจากประเทศเบลเยียมซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามโดยประเทศเบลเยียมถือว่าเนื้อหมูอาจปนเปื้อน และตู้ที่สี่เป็นตู้เนื้อหมูที่มาจากรัสเซีย ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำท่าเรือแหลมฉบัง ได้เข้าร่วมชี้แจงว่าภาคเอกชนเจ้าของตู้ตกค้างบางราย ยื่นขอขยายเวลาเพื่อส่งกลับประเทศต้นทาง บางตู้ตกค้างวางอยู่นานนับปี โดยไม่ได้ขยับหรือผ่านขั้นตอนใด ๆ อ้างว่าอยู่ในขั้นตอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลายหน่วยงานต้องทำการตรวจสอบสินค้าที่รับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน

ถอดรากศัพท์คำว่า Kanbawza  อาจแปลความหมายถึง สุวรรณภูมิ 

คำว่า Kanbawza ที่คนพม่าออกเสียงว่า 'กันโบซา' นั้น หลายคนอาจจะเคยทราบว่าคำนี้มาจากชื่อในภาษาไทใหญ่ ซึ่งตำนานของคำว่ากัมโบซาในภาษาไทใหญ่นั้นต้องย้อนกลับไปถึงคริสต์ศักราชที่ 957 ในยุคที่อาณาจักรน่านเจ้ายังเรืองอำนาจอยู่ โดยมีบันทึกว่า มีเจ้าชายจากราชอาณาจักรกัมปูเจียเข้ามาปกครองดินแดนฉาน จนทำให้มีชื่อเรียกในภาษาไทใหญ่ว่ากัมโบซาในเวลาต่อมา

เมื่อนำเรื่องราวของเจ้าชายแห่งกัมปูเจียที่เข้ามาปกครองรัฐฉานใน ค.ศ. 957 มาเทียบระยะเวลาในเขมรช่วงนั้นจะพบว่าอยู่ในช่วงอาณาจักรขอม ซึ่งปกครองเขมรในขณะนั้นในช่วงปีคริสต์ศักราช 802-1203 เป็นยุคเดียวกันกับการสร้างปราสาทนครวัด

ดังนั้นหากนำไทม์ไลน์ของมาวางทาบกัน จะกล่าวได้ว่าเจ้าชายผู้แผ่อิทธิพลเข้าไปยึดดินแดนรัฐฉานในช่วงเวลาดังกล่าวก็คือ กองทัพอันเกรียงไกรของอาณาจักรขอมโบราณนั่นเอง

และหากเมื่อเราค้นหาลึกเข้าไปอีกว่าอาณาจักรขอมโบราณมาจากไหน ทาง อ.สุจิตต์ วงษ์เทศ ได้เคยเขียนเรื่องนี้ลงใน มติชนประชาชื่น : สุวรรณภูมิในอาเซียน ขอมละโว้ เก่าสุดอยู่ไทย โอนขอมไปเขมร, มติชน 17 สิงหาคม 2560 ระบุว่า...

"ขอมเป็นชื่อทางวัฒนธรรม ดังนั้นไม่เป็นชื่อชนชาติหรือเชื้อชาติ จึงไม่มีชนชาติขอม หรือเชื้อชาติขอม ฉะนั้นใคร ๆ ก็เป็นขอมได้ เมื่อยอมรับนับถือวัฒนธรรมขอม…ช่วงแรก ขอมเป็นชื่อที่คนอื่นเรียก (ในที่นี้คือพวกไต-ไท) ไม่ใช่เรียกตัวเอง

"คำว่า ‘ขอม’ หมายถึง คนในวัฒนธรรมขอม ที่อยู่รัฐละโว้ (ลพบุรี) บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยไม่ระบุชาติพันธุ์ จะเป็นใครก็ได้ ถ้าอยู่สังกัดรัฐละโว้ในวัฒนธรรมขอม ถือเป็นขอมทั้งนั้น เมื่อมีรัฐอยุธยา คนพวกนี้กลายตัวเองเป็นคนไทย ดังนั้นช่วงหลัง ขอม หมายถึง ชาวเขมรในกัมพูชาเท่านั้น แม้เปลี่ยนนับถือศาสนาพุทธเถรวาทก็ถูกคนอื่น เรียกเป็นขอม แต่ชาวเขมรไม่เรียกตัวเองว่าขอม เพราะไม่เคยรู้จักขอมและภาษาเขมรไม่มีคำว่าขอม"

ทั้งนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าชาวกัมพูชาเรียกตนเองว่า “กโรม” หรือ “ขอม” (ในความหมายว่า ชาวเขมร หรือ ชาวกัมพูชา) แต่พวกเขาเรียกตนเองอย่างชัดเจนว่า เขมร มาตั้งแต่สมัยก่อนเมืองพระนคร

และจากหลักฐานที่มีการยืนยันว่าที่เรียกชาวกัมพูชาไม่เรียกตัวเองว่า ขอม แต่เรียกตัวเองว่า เขมร ที่เก่าแก่ที่สุด คือ ศิลาจารึก Ka. 64 ซึ่งเป็นศิลาจารึกสมัยก่อนเมืองพระนคร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 กล่าวถึงทาสชาวเขมรโบราณไว้ว่า “(๑๓) กฺญุม เกฺมร โฆ โต ๒๐. ๒๐. ๗ เทร สิ ๒” ซึ่งคำว่า “กฺญุม” ในภาษาเขมรโบราณสมัยก่อนพระนครหมายถึง ข้ารับใช้ ส่วนคำว่า เกฺมร (kmer) เมื่อรวมความหมายของคำว่า “กฺญุม เกฺมร” แล้ว น่าจะหมายถึง “ข้ารับใช้ชาวเขมร” ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าชาวกัมพูชาเรียกตัวเองว่า เกฺมร (kmer) มาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นคำว่า เขฺมร (khmer) ในช่วงเขมรสมัยเมืองพระนคร และกลายเป็น แขฺมร ออกเสียงว่า แคฺมร์ (khmaer) ดังที่ปรากฏในภาษาเขมรปัจจุบัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top