Wednesday, 18 June 2025
ค้นหา พบ 48868 ที่เกี่ยวข้อง

นายกแจ๊สโชว์ผลงาน 2 ปี พลิกโฉมปทุมธานี สู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะมั่นคงปลอดภัย

(15 ก.พ. 66) ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี แถลงผลการดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยมี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น แพทย์ประจำตำบล และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีร่วมรับฟังและซักถามข้อสงสัยในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาสังคม การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ด้านสาธารณสุขและการกีฬา ด้านการเมือง 

ด้าน พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการจัดระบบบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเอง การเดินหน้าพัฒนาปทุมธานี เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีกว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ “พลิกโฉมปทุมธานี สู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่มั่นคงและปลอดภัย ก้าวไกลเศรษฐกิจ บนวีถีชีวิตใหม่ดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมไทย” องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ยังเดินหน้าไม่หยุด พร้อมขับเคลื่อน นโยบาย ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้ง 6 ด้านได้แก่ 

1.) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค สาธารณูปการ จัดให้มีระบบการคมนาคม การขนส่งที่เชื่อมต่อ ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภายในเขตจังหวัดปทุมธานี โดยการก่อสร้างปรับปรุงถนน สะพาน ตามมาตรฐานทางหลวงชนบท บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ไข ปัญหาการจราจร ที่ติดขัดอย่างเป็นระบบบูรณาการร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการวางและจัดทำผังเมืองรวม จัดให้มีระบบไฟฟ้าสาธารณะอย่างทั่วถึง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม อย่างเพียงพอและทั่วถึงเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และปัญหาน้ำขาดแคลน สนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักรกล และบุคลากร เช่น รถดูดโคลนเลน ในการขุดลอกท่อระบายน้ำ และคูคลอง ตลอดจนได้ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมด้วยการมอบ โฟมลอยน้ำ ถุงยังชีพ และทรายถม เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้นำไปใช้ประโยชน์ และบรรเทาความเดือดร้อน

2.) พัฒนาสังคม การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ทำการส่งเสริม และพัฒนา คุณภาพชีวิต ของเด็กสตรีคนชรา ผู้พิการ และ ผู้ด้อยโอกาส การสังคมสงเคราะห์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จัดการศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา อย่างทั่วถึง บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหา ยาเสพติดในจังหวัดปทุมธานีอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมและทำนุบำรุง ศาสนา ให้เจริญรุ่งเรือง เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดปทุมธานี ให้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข อนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมสถาบันครอบครัว ให้มีความอบอุ่น และร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกัน และบรรเทา สาธารณภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดปทุมธานี บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดระเบียบสุนัขและแมวจรจัดให้มีที่อยู่และมีการดูแลอย่างเหมาะสม

3.) นโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปลูกฝังจิตสำนึกของประชาชนและเยาวชนในจังหวัดปทุมธานีในการร่วมกันอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด พัฒนาแม่น้ำลำคลองให้สะอาดปราศจากน้ำเน่าเสีย ภายใต้โครงการ “คลองสวยน้ำใส  วิถีไทยต้องกลับมา” 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นวิทยากรพิเศษบรรยายหลักสูตรสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ให้ความรู้ด้านการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ของไทย

วันนี้ (15 ก.พ.66) เวลา 16.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) เป็นวิทยากรพิเศษ บรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้าอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรด้านการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 8 และ 9 ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งมีผู้เข้าอบรมมาฟังบรรยายจำนวน 521 นาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอผลงานการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ในการจัดอันดับโดยสหรัฐอเมริกา จนยกระดับประเทศไทยขึ้นสู่ Tier 2 นั้น ได้บรรยายข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ซึ่งมีสถานะเป็นทั้งประเทศต้นทาง ปลายทาง และทางผ่านในการกระทำผิด และมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นตามยุคสมัยและเทคโนโลยี ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม จำเป็นต้องพัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งได้นำเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาในหลายๆด้าน ยกตัวอย่างเช่น

ย้อนรอยพรรคการเมืองที่มี ส.ส.เข้าสภาแบบ 'ที่นั่งเดียว'

ถ้าใครยังจำกันได้ 'เลือกตั้ง 2562' นำพาความเปลี่ยนแปลงและสร้างสถิติใหม่ขึ้นหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการใช้ระบบ 'จัดสรรปันส่วนผสม' ที่ใช้บัตรเลือกตั้งเพียง 1 ใบเลือกทั้ง ส.ส. เขต จำนวน 350 คน และบัญชีรายชื่ออีก 150 คน  บนหลักการให้เสียงส่วนน้อยมีความหมาย ถูกนำมานับเป็นคะแนน เรียกว่า "ไม่ถูกทิ้งน้ำ" โดยการนำทุกคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ได้มาคิดคำนวณเพื่อหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากฐานตัวเลข 'ส.ส.พึงมี' ซึ่งอยู่ที่ 71,000 คะแนนเสียง ต่อ 1 เก้าอี้ ส.ส. 

ปรากฎว่ามี  '11พรรคการเมืองขนาดเล็ก' ได้ที่นั่ง ส.ส. จากระบบบัญชีรายชื่อ 'พรรคละ 1 คน' ประกอบด้วย พรรคประชาภิวัฒน์, พรรคพลังไทยรักไท, พรรคไทยศรีวิไลย์, พรรคประชานิยม, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคประชาธรรมไทย, พรรคพลเมืองไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคพลังธรรมใหม่ และพรรคไทรักธรรม ยกเว้นพรรคพลังชาติไทยที่ได้คะแนนเกินเกณฑ์ ส.ส. พึงมี

1 เสียงในสภาของพรรคเล็กอาจดูไม่ค่อยมีน้ำหนักและความหมายมากนัก แต่ ส.ส. ที่ผ่านเข้าไปหลายคนสามารถสร้างพื้นที่ให้กับตัวเองได้ไม่น้อยเลย THE STATES TIMES หยิบยกเอา ส.ส.เดินเดี่ยว หรืออาจเรียกว่า “ข้ามาคนเดียว” มาบอกเล่ากัน

#ไพบูลย์นิติตะวัน ส.ส. ผู้ "น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า" เข้าสภา 

ชื่อของ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' เริ่มเป็นที่รู้จักในทางการเมือง ในฐานะสว. สรรหา ระหว่างปี 2551-5557  เป็นหนึ่งใน 'กลุ่ม 40 ส.ว.' ตรวจสอบรัฐบาลพรรคพลังประชนและพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวเป็นผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัย อดีตนายกฯ 'ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร' กรณีสั่งย้าย 'ถวิล เปลี่ยนศรี' เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้ต่อมา  'ยิ่งลักษณ์' ต้องพ้นจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีตามคำวินิจฉัยของศาล

และเมื่อถึงช่วงเวลานับถอยหลังเข้าสู่การเลือกตั้งปี 2562  ชื่อ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' ก็ถูกจับตา เมื่อเขาตั้งพรรค 'ประชาชนปฏิรูป' ลงสู้ศึกเลือกตั้ง ชูนโยบาย  'น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า' แก้ปัญหา 'ทุกข์ร้อน' ให้ประชาชน ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต 311 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 40 คน 

หลังเลือกตั้ง ปรากฏว่าพรรคประชาชนปฎิรูป ได้ 45,420 คะแนน เป็นอันดับที่ 23 จากทั้งหมด 74 พรรค และเมื่อผ่านคำนวณคะแนนตามสูตร ของ กกต.แล้ว ก็ส่งให้ 'ไพบูลย์'  หัวหน้าพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 เข้าป้ายเป็น ส.ส. และเป็นหนึ่งใน 11 พรรคเสียงเดียว ที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล

ทำหน้าที่ ส.ส. ได้ไม่กี่เดือน ก็ถูกจับจ้องจากฝ่ายค้าน เมื่อเขาตัดสินใจยื่นเรื่องต่อ กกต. ขอเลิกกิจการพรรคประชาชนปฏิรูป ซึ่งต่อมา กกต. ประกาศให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพ ขณะที่ 'ไพบูลย์' ขอย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ 60 ส.ส. พรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อร้องประธานสภา ขอให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความสถานะความเป็น ส.ส. ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสถานะ ส.ส. ของเขาไม่สิ้นสุดลงตามพรรคประชาชนปฏิรูปไปด้วย 

ปัจจุบัน 'ไพบูลย์' ยังคงอยู่ในสถานะส.ส. บัญชีรายชื่อและถือเป็นหนึ่งในหัวหมู่ทะลวงฟันคนสำคัญของของพรรคพลังประชารัฐ

#เต้-มงคลกิตติ์ ส.ส. สีสัน "นักสร้างประเด็น" ในสภา

ชื่อของ เต้-มงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์ เป็นที่รู้จักจากการออกมาเคลื่อนไหว แสดงความเห็นในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงสร้างกระแสในสังคมหลายครั้ง ก่อนที่เขาจะประกาศลงเลือกตั้ง ในฐานะหัวหน้าพรรค 'พรรคไทยศรีวิไลย์' 

มงคลกิตติ์ เป็นหนึ่งเดียวจากพรรคไทยศรีวิไลย์ที่ได้ผ่านเข้าไปเป็น ส.ส. ในสภา และแน่นอนว่าตั้งแต่วันแรกๆ ของการทำหน้าที่ เขาเริ่มทำให้เห็นภาพ ส.ส.คนขยัน แต่เป็นเรื่องของการขยัน 'สร้างประเด็น' ในสภา 

ยังไม่ทันทำหน้าที่ เมื่อวันที่ ส.ส. เดินทางมาที่สภาเพื่อเตรียมขึ้นรถบัสไปร่วมพิธีเปิดประชุมสภา ก็ปรากฏภาพขณะที่ 'วัน อยู่บำรุง' ส.ส.ป้ายแดงจากพรรคเพื่อไทย กำลังพูดคุยกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่ 'พี่เต้' จะเดินปรี่เข้ามาขอจับมือ แต่กลับถูกเจ้าของวลี "ใจถึงพี่งได้" ปฏิเสธด้วยประโยคสั้นๆ "ไม่ต้องจับหรอก" ก่อนเดินจากไปดื้อ ๆ ทำเอา ส.ส.เต้ ต้องแก้เก้อ เดินแยกย้ายไปแบบเสียฟอร์ม

ทำหน้าที่ในสภาเพียงไม่กี่เดือน 13 สิงหาคม 2562  'เต้ มงคลกิตติ์' ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ออกออกแถลงการณ์จุดยืนทางการเมืองของพรรคและเหตุผลในการ 'ถอนตัว' จากฝ่ายรัฐบาลมาเป็น 'ฝ่ายค้านอิสระ' ยืนข้างประชาชนโดยให้เหตุผลว่าผู้ใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่รักษาสัจจะและไม่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาร่วมกัน 

หลังจากนั้น 'พี่เต้' ก็จัดเรื่องปัง ๆ ตามมาอีกหลายดอก ไม่ว่าจะเป็นการตามปะทะคารมอย่างรุนแรงกับ'"สิระ เจนจาคะ' ส.ส.พลังประชารัฐในขณะนั้น ที่ออกมาปกป้อง 'นายกลุงตู่' จากการวิพากษ์วิจารณ์ของเขา หรือกรณีที่เจ้าตัว ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ประสานเจ้าหน้าที่ EOD นำระเบิด TNT เข้าสภาโดยอ้างว่าเป็นการทดสอบระบบความปลอดภัย จนถูกตั้งคำถามว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดฐานพกพาสารระเบิดเข้าไปในบริเวณรัฐสภาหรือไม่ ร้อนถึง พณฯ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาต้องลงมาตรวจสอบ

หรือแม้แต่คดีการเสียชีวิตของ 'แตงโม นิดา' ที่เจ้าตัวประกาศเดินหน้าตั้งทีมเฉพาะกิจพิสูจน์ความจริงเพื่อเรียกคืนความเป็นธรรมให้แตงโมและแม่ ซึ่งต่อมามีการยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ตรวจสอบจริยธรรมการเป็น ส.ส. จนปรากฏภาพ 'พี่เต้' ออกมาแถลงข่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ถอดบัตรประจำตัว ส.ส. พร้อมกล่าวว่า หากไม่สามารถคุ้มครองแม่ของแตงโมได้ ตนก็ไม่มีหน้าจะเป็น ส.ส. และคนอย่างตนเองหากคิดจะสู้ ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว แต่แล้วในที่สุด เรื่องนี้ก็จบลงที่เจ้าตัวประกาศถอนตัวจากการทำคดี 100% ทั้งหมดเป็น 'วีรกรรม' ที่ 'เต้ มงคลกิตติ์' จัดให้จนกลายเป็น 'ดาวฉายแสง' ที่ใครๆ ก็จดจำ

‘บิ๊กตู่’ ตอบโต้ ‘ฝ่ายค้าน’ จะกล่าวหาใครต้องมีหลักฐาน-ตรวจสอบให้ชัด อย่ามาพูดตีกินให้เสียหาย ยันไม่เคยเอื้อประโยชน์ใคร

เมื่อวานนี้ (15 ก.พ. 66) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย​ โพธิ์​สุ​ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งแรก ว่า ฟังมาตั้งแต่เช้า มีหลายท่านที่แสดงความคิดเห็น ทั้งแนะนำ กล่าวหา ติเตือน หลายอย่างอยากบอกว่าที่ท่านพูดมาทั้งหมด ด้านเศรษฐกิจทำมาหมดแล้ว แต่ยังไม่เกิดผลผูกพัน ก็เอามาตีกินกันตรงนี้ ที่พูดมาทั้งหมดเวลารัฐบาลพูดท่านก็ไม่ฟัง กระทรวงการคลังชี้แจง หน่วยงานชี้แจงก็ไม่ได้ฟังอีก

"เพราะฉะนั้นนโยบายอะไรของท่าน เมื่อท่านเป็นรัฐบาลท่านก็ทำเถอะครับ ถ้าท่านได้เป็นนะ" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดูแลพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน เราทำตั้งแต่ฐานราก ทั้งเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ กองทุนหมู่บ้าน ประชาชนที่มีรายได้น้อยมีการแก้ปัญหาความยากจนแบบมุ่งเป้า ท่านลองไปศึกษาดู ถ้ามันง่ายอย่างที่ท่านพูดมาก็คงทำไปนานแล้วสมัยก่อนท่านก็ทำไม่ได้

'บิ๊กตู่ ติดตามปัญหานายทุนต่างชาติ ใช้นอมินีลอบทำธุรกิจในไทย กำชับทุกหน่วยลงพื้นที่ตรวจสอบ บังคับใช้กฎหมายเข้มข้น

(16 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามประเด็นการแก้ไขปัญหาชาวต่างชาติหลบเลี่ยงทำธุรกิจโดยไม่ขออนุญาต และใช้คนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทน (นอมินี) โดยกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ตรวจสอบการจดทะเบียนของแต่ละบริษัท ห้างร้าน อย่างเข้มงวด ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ป้องกันไม่ให้เกิดช่องว่างจากธุรกิจสีเทาที่เข้ามาฉวยโอกาสทำธุรกิจของคนไทย

นายอนุชา กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบข้อมูลการขอจดทะเบียน พฤติกรรมของผู้ยื่นจดทะเบียนว่า มีความน่าเชื่อถือและสอดคล้องกับเงินทุนที่ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่หรือไม่ ในย่านเยาวราช สัมพันธวงศ์ รัชดาฯ และห้วยขวาง ประมาณ 200 บริษัท นอกจากนั้น ยังเน้นย้ำการตรวจสอบในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ไม่จำกัดเฉพาะจังหวัดใหญ่ หรือเมืองท่องเที่ยว แต่เน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม รถเช่า ร้านขายของที่ระลึก ธุรกิจนวด และสปา เป็นต้น

โดยขั้นตอนการตรวจสอบ จะดูลักษณะว่าประกอบธุรกิจอะไร ซึ่งหากเป็นธุรกิจที่อยู่ในบัญชีแนบท้ายตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว ไม่สามารถทำธุรกิจได้ คือ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top