Thursday, 26 June 2025
ค้นหา พบ 49021 ที่เกี่ยวข้อง

‘นพดล’ ลั่น ไม่มีจับมือพรรคใดพา ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน เย้ย!! ไอโอกุเรื่องบิดเบือน ไม่กระทบแลนด์สไลด์

เพื่อไทยเชื่อมั่น ประชาชนต้องการรัฐบาลใหม่มาแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ปฎิบัติการไอโอจับคู่เพื่อไทยกับพรรคอื่นหรือบิดเบือนแลนด์สไลด์เพื่อนำอดีตนายกฯ กลับบ้านไม่กระทบแลนด์สไลด์

(29 ม.ค.66) นายนพดล ปัทมะ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทุกพรรคเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ปี่กลองการเมืองดังขึ้น การปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารเริ่มทำงาน ยิ่งกระแสพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์แรงขึ้น ก็เป็นปกติที่ต้องเผชิญแรงเสียดทานทางการเมืองมากขึ้น เพราะที่นั่ง ส.ส.มี 500 ที่นั่ง เมื่อมีคนได้ที่นั่ง ก็จะมีคนเสียที่นั่ง

อย่างไรก็ตาม ก็มีผู้วิเคราะห์กันไม่หยุดว่าเพื่อไทยจะจับมือกับพรรครัฐบาลปัจุบันตั้งรัฐบาล และพรรคเดินหน้าแลนด์สไลด์เพื่อเอาอดีตนายกฯ ทักษิณกลับบ้าน ซึ่งในประเด็นนี้ พรรคเพื่อไทยก็มีแถลงการณ์ยืนยันชัดเจนว่าไม่จับมือกับพรรคการเมืองใดโดยมุ่งเดินหน้าแลนด์สไลด์ เพื่อขอโอกาสตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็งแก้ปัญหาให้ประชาชน และการเดินหน้าแลนด์สไลด์ก็เพื่อมีเสียง ส.ส.มากพอที่จะเอาชนะเสียง ส.ว.ตอนโหวตตัวนายกฯ ในรัฐสภาและผลักดันนโยบายพรรคได้เต็มที่โดยไม่ต้องพะวงการเจรจาต่อรองนโยบายรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ไม่ใช่แลนด์สไลด์เพื่อเอาอดีตนายกฯ กลับบ้านตามที่มีคนพยายามด้อยค่าความตั้งใจดีของพรรคอย่างต่อเนื่อง

ผบ.ตร.สั่งตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญา 4 ตำรวจเอี่ยวนำนักท่องเที่ยวจีน พร้อมตั้งคณะทำงานศึกษาสภาพปัญหา วางมาตรการไม่ให้เกิดขึ้นอีก วางกฎเหล็ก ให้ผู้บังคับบัญชาร่วมรับผิดด้วย

(29 ม.ค.66) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีปรากฎคลิปภาพเคลื่อนไหวตามสื่อสังคมออนไลน์ และสื่อมวลชนที่มีข้าราชการตำรวจ อำนวยความสะดวก และใช้รถติดสัญญาณไฟวับวาบ นำนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  

โฆษก ตร. กล่าวว่า “หลังจากที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการด่วนตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ ให้จเรตำรวจเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว เป็นข้าราชการตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว1 จำนวน 2 นาย กองบังคับการตำรวจจราจร จำนวน 2 นาย  โดยได้ใช้รถส่วนตัวติดสัญญาณไฟวับวาบและเครื่องหมายโล่เขน 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิดอาญาและมีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจต่างสังกัดกันร่วมกันกระทำความผิด 

ตม.ประจวบฯ ตะครุบ 21 เมียนมาหนีเข้าเมือง มุ่งไปมาเลเซีย

(29 ม.ค.66) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์, พ.ต.ท ณัฐพงษ์ จันทร์แจ่มหล้า รอง ผกก.ตม.จว.น่าน ปฏิบัติราชการ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ สั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ นำโดย พ.ต.ต.ปวริศ ปานะจินาพร สว.ตม.ประจวบคีรีขันธ์ บูรณาการร่วมกับชุดฉก.จงอางศึก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและ สภ.ห้วยยาง โดยวันที่ 27 มกราคม 2566 สนธิกำลังร่วมกันจับกุม น.ส.วิลัยพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี หมู่ 5 ต.วังเย็น อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พร้อมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 21 คน และรถยนต์กระบะแบบหลังคาทึบ ยี่ห้อโตโยต้า กทม. จับกุมได้ที่บริเวณจุดตรวจ สภ.ห้วยยางสืบเนื่องจากขณะตั้งจุดตรวจบริเวณหน้า สภ.ห้วยยาง มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้าแบบมีหลังคาทึบ ซึ่งมี น.ส.วิลัยพร เป็นคนขับ ท่าทางน่าสงสัย จึงขอตรวจค้นพบแรงงานหลบหนีเข้าเมือง เป็นชาวเมียนมา 21 คน ซึ่งได้เดินเท้าข้ามแดนมาทางช่องทางธรรมชาติ ไม่มีเอกสารใดให้ตรวจสอบ 

จากสวนป่าธรรมดา สู่ ‘สวนสาธารณะเพื่อปวงประชา’ ที่คนคิดต้องผสาน 'ประโยชน์-ประหยัด-เรียบง่าย' ไว้ด้วยกัน

เมื่อไม่นานมานี้ ‘สวนป่าเบญจกิติ’ สวนสาธารณะกลางกรุงเทพฯ ได้ตกเป็นประเด็นดรามาของคนในสังคมออนไลน์ เนื่องจากมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กท่านหนึ่งได้โพสต์รูปภาพและระบุว่า สวนป่าแห่งนี้ทรุดโทรม ไม่ได้รับการดูแล ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเหี่ยวเฉาตาย แถมส่วนที่เป็นแหล่งน้ำก็ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งจนคนที่มาเยี่ยมชมเบือนหน้าหนี 

หลังจากนั้นก็มีหลายๆ ฝ่ายได้ออกมาแสดงความคิดเห็น มีทั้งแนะนำ อธิบาย วิเคราะห์ รวมไปถึงติติง แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่ออยากให้สวนป่ากลางกรุงเทพแห่งนี้ เป็นสวนสาธารณะที่สวยงาม และสร้างคุณประโยชน์ให้กับคนกรุงอย่างแท้จริงไม่ใช่สวนที่สร้างขึ้นมา แต่ไม่ได้รับการดูแลรักษา และรอวันถูกลืมไปจากความทรงจำของคนในเมืองหลวง

จากประเด็นดรามาที่เกิดขึ้น ทาง THE STATES TIMES ก็ได้ไปเสาะหาความเป็นมาและแนวคิดการสร้างสวนป่าเบญจกิติ โดยบทความนี้ขออ้างอิงวิดีโอของช่อง ‘Gapthanavate’ โดยเจ้าของช่องคือ ‘ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล’ หรือ ‘แก๊ป’ ที่ได้พูดคุยกับ ‘ชัชนิล ซัง’ หรือ ‘ทิป’ สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ หนึ่งในทีมงานออกแบบสวนป่าเบญจกิติในระยะที่ 2-3 ที่เผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2565

ซึ่งเนื้อหาภายในวิดีโอนี้สามารถอธิบายความเป็นมา แนวคิดและวัตถุประสงค์ของสวนนี้ได้ครบถ้วน

จุดเริ่มต้นของสวนป่าเบญจกิติ เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่า ‘มีประโยชน์ ประหยัด และเรียบง่าย’ และคงเดิมอาคารไว้ 2 จุดคือ ‘อาคารผลิต’ ของโรงงานยาสูบ เพื่อปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ และอาคารกีฬา แน่นอว่าเมื่อเป็นสวนป่า ก็ต้องมีน้ำเป็นองค์ประกอบ เพราะน้ำคือชีวิต ซึ่งได้แนวคิดมาจากพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่ทรงกล่าวถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้ว่า “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า”

ภายในสวนป่าแห่งนี้ มีต้นกล้าของพืชพันธุ์และไม้หายากมากถึง 350 ชนิด จึงเลือกใช้ไม้กล้าที่เป็นพืชพันธุ์หายาก ที่ต้องมีการเพาะเมล็ดจากต้นแม่ที่อยู่ในป่า มาทำการเพาะเลี้ยงเอง เพราะจุดประสงค์หลักคือต้องการเพิ่มพื้นที่ ไม่ใช่ย้ายพื้นที่ และสวนป่าแห่งนี้มีลักษณะเป็นป่าชุ่มน้ำ หรือป่าชายน้ำ เพราะกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่มีน้ำใต้ดินสูง

ด้านงานออกแบบ สวนเบญฯ แบ่งออกเป็น 6 โซน
1.) Constructed wetland : ระบบบำบัดน้ำเสีย
2.) อาคารโกดังกีฬา เป็นพื้นที่สำหรับกีฬาในร่ม สำหรับใช้สอยในด้านกีฬาในอนาคต ถัดมาจะเป็นบ่อน้ำที่ 1 ซึ่งอยู่ติดกับโกดัง จะเป็นบ่อที่มีพืชพันธุ์จากป่าชายเลน มีหน้าที่ช่วยในการบำบัดน้ำ 
3.) บ่อน้ำที่ 2 จะเป็นบ่อที่มีพืชพันธุ์จากบึงป่าน้ำจืด มีพืชชนิดไคร้ย้อย จิกน้ำ พุทธรักษา เป็นต้น
4.) บ่อน้ำที่ 3 จะเป็นบ่อที่มีพืชพันธุ์จากป่าดิบแล้ง หรือป่าดิบลุ่มต่ำ ซึ่งตรงจุดนี้จะมีสกายวอล์ค และอัฒจันทร์กลางแจ้งให้ทุกคนได้มาใช้ประโยชน์
5.) บ่อน้ำที่ 4 จะเป็นบ่อที่มีพืชพันธุ์เกี่ยวกับวรรณะเกษตร สวนบ้าน มีพืชพันธุ์ชนิดมะกอกน้ำ สัมพันธ์กับการใช้ชีวิตของคน ซึ่งจะมีพืชที่สามารถนำมารับประทานได้ 
6.) อาคารพิพิธภัณฑ์ จะมีกิจกรรม และจัดให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ ซึ่งจะมีหน่วยงานเข้ามารับผิดชอบต่อในอนาคต

ตัวสวนจะมีลักษณะเป็นบ่อ ๆ ไป และในแต่ละบ่อจะมีกองเนิน ซึ่งประโยชน์สำคัญหลัก ๆ ของพื้นที่ตรงนี้ คือ การเป็นที่กักเก็บน้ำ ที่ใช้สำหรับรดน้ำต้นไม้ และยังสามารถทำการหน่วงน้ำได้ เมื่อมีฝนตกหนัก หรือเกิดน้ำท่วม พื้นที่ตรงนี้สามารถรองรับน้ำไว้ให้ได้ เพื่อชะลอน้ำที่อาจเข้าท่วมเสียหาย และลดระยะการท่วมขังพื้นที่บ้านเรือนในชุมชนละแวกใกล้เคียง

เมื่อมองภาพทั้งสวนจะเห็นได้ว่า แต่ละโซนจะเป็นบ่อน้ำเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันในเรื่องของตัวต้นไม้และพืชพันธุ์ จากที่ได้บอกไปว่า บ่อที่ 1 จะมีพืชพันธุ์จากป่าชายเลน ทนน้ำกร่อยได้มาก เช่น ต้นแสม ต้นปรงไข่ ซึ่งจะทนต่อความเค็ม เนื่องจากน้ำจากคลองไผ่สิงห์โต ในบางช่วงจะเป็นน้ำกร่อย ดังนั้น

บ่อที่ 1 จึงเปรียบเสมือนด่านหน้า
บ่อที่ 2 ซึ่งมีพืชพันธุ์จากบึงป่าน้ำจืด เช่น ไคร้ย้อย จิกน้ำ ซึ่งจะมีลำต้นที่มีความเป็นธรรมชาติ 
บ่อที่ 3 จะมีขนาดใหญ่ที่สุด และมีต้นจามจุรี รวมถึงอัฒจันทร์กลางแจ้ง จะมีพันธุ์ไม้จากป่าดิบลุ่มต่ำ เช่น ต้นยางนา ส่วนพืชพันธุ์ ต้นไม้ในบ่อน้ำ ได้แก่ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร่ และต้นกร่าง ซึ่งในส่วนของพื้นที่ตรงนี้ ยังเป็นที่ให้อาหารของนกอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่ผู้คนแวะเวียนมาถ่ายรูปมากที่สุดของสวน

ในส่วนของงานดีไซน์ ทางสวนมีทั้งส่วนที่มีพื้นที่ให้คนได้ใช้ทำกิจกรรมในหลายระดับ โดยจะแบ่งเป็นระดับล่างคือ ‘ทางวิ่งจักรยาน’ ซึ่งในอนาคตหากดำเนินการจนแล้วเสร็จจะมีระยะทางประมาณ 2.4 กิโลเมตร ระดับต่อมาคือ ‘ทางวิ่ง’ หรือ Jogging track ซึ่งจะเป็นทางที่เชื่อมกับทุกบ่อในสวน ขณะวิ่งจะสามารถชมธรรมชาติของทุกบ่อได้ ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งออกกำลังกาย เนื่องจากมีต้นไม้ให้ร่มเงาบังแดด ทำให้ไม่ร้อน 

ถัดมาคือ ‘เส้นบอร์ดวอล์ค’ ซึ่งจะมีความแคบกว่าทางเดินในส่วนอื่น ๆ มีความกว้างเพียง 1.5 เมตร และมีเส้นทางที่คดเคี้ยวมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นการตั้งใจของทีมออกแบบ ที่ต้องการให้มนุษย์และธรรมชาติเกิดการเชื่อมต่อกัน เพราะเนื่องจากจุดนี้ เป็นจุดที่มีสัตว์มาอาศัย มีธรรมชาติ และมนุษย์ จึงออกแบบเส้นทางให้มีความคดเคี้ยว เพื่อลดความเร็วในการเดิน เพื่อให้ทุกคนได้ค่อย ๆ สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติ อีกเส้นทางหนึ่ง คือ ‘สกายวอล์ค’ เกิดจากความตั้งใจที่การจะเชื่อมระหว่างเมืองกับสวน ทำหน้าที่คอยพาคนจากอีกด้านหนึ่งมาสู่อีกด้านหนึ่ง โดยผ่านบรรยากาศในสวนทั้งหมด

'ศักดิ์สยาม' ลุย!! 'อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ-ยโสธร' เปิดตัว 10 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ตอกเสาเข็ม 'ภท.' ในอีสาน

เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค.2566 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เดินทางลงพื้นที่ในกิจกรรมประชุมชี้แจงนโยบายพรรคภูมิใจไทย พร้อมขึ้นเวทีปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจำนวน 10 เขต ในพื้นที่ 3 จังหวัดคือ อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ และยโสธร ท่ามกลางประชาชนที่มารอต้อนอย่างคึกคักในแต่ละจุดจำนวนหลายพันคน

โดยนายศักดิ์สยาม ยืนยันว่า ว่าที่ผู้สมัครฯ ของพรรคภูมิใจไทยทุกคน ล้วนมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ที่ตนเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อการันตีความเป็นภูมิใจไทยว่า พูดแล้วทํา และมาตอกเสาเข็มทุกต้นให้ทุกพื้นที่เจริญก้าวหน้าต่อไป ส่วนว่าที่ผู้สมัครฯ บางคน แม้จะยังไม่มีตำแหน่ง ส.ส. แต่ที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์ว่า ได้ลงพื้นที่คอยอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ เลือกตั้งรอบนี้จึงอยากให้พี่น้องประชาชนให้โอกาสเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top