Sunday, 6 July 2025
ค้นหา พบ 49235 ที่เกี่ยวข้อง

รวบเครือข่ายคลินิกผลิตซิลิโคนศัลยกรรมไร้ อย. ป้อน!! คลินิกย่านงามวงศ์วาน และขอนแก่น

วันนี้ (16 ม.ค. 66) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลงานการขยายผลจับกุมเครือข่ายคลินิกรายใหญ่ ยึดซิลิโคนศัลยกรรมเสริมความงามเถื่อนกว่า 16,164 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 2,932,000 บาท

โดย พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก. ปคบ. ร่วมกับ อย. และ สสจ.สุพรรณบุรี นำหมายค้นเข้าตรวจค้นโรงสีร้างในพื้นที่ หมู่ 1 ต.วังหว้า อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ที่ใช้เป็นฐานการลักลอบผลิตชิ้นส่วนซิลิโคนศัลยกรรมเสริมจมูกและหน้าผาก เพื่อกระจายไปยังคลินิกต่าง ๆ โดยสามารถตรวจยึดเครื่องจักรสำหรับผลิตซิลิโคนจมูกและหน้าผาก, แม่พิมพ์ซิลิโคนทรงต่างๆ จำนวน 68 แบบ, ซิลิโคนเสริมจมูกและหน้าผากสำเร็จรูป จำนวน 1,098 ชิ้น และอุปกรณ์ส่วนควบในการผลิตซิลิโคนศัลยกรรม กว่า 16 รายการ มูลค่าความเสียหาย 3,500,000 บาท โดยดำเนินคดีกับ น.ส.ณัฐปภัสร์ หรือน้ำตาลผู้ผลิตซิลิโคนเถื่อนในความผิดฐาน “ผลิตเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับใบรับแจ้งรายการละเอียด” ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา และรับว่าทำมาแล้วประมาณ 2 ปี

จากการสืบสวนขยายผลปรากฏพบว่า ซิลิโคนส่วนใหญ่ มีพนักงานฝ่ายจัดซื้อของบริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้สั่งผลิต เมื่อผลิตเสร็จจะถูกส่งไปที่ คลินิก ก. (นามสมมุติ) สาขางามวงศ์วาน และสาขาขอนแก่น และพบหลักฐานการจ่ายเงินค่าซิลิโคนในห้วงปี 2565 มากกว่า 2 ล้านบาท

ด้าน บก.ปคบ. - อย. จึงเข้าตรวจค้นคลินิก ก.สาขางามวงศ์วาน และอาคารสต๊อกเครื่องมือทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่จะใช้ในคลินิก ตรวจยึดชิ้นส่วนซิลิโคนรูปจมูก 12,282 ชิ้น, ซิลิโคนทรงหน้าผาก 27 ชิ้น, ซิลิโคนทรงคาง 3,855 ชิ้น ซึ่งพนักงานที่ดูแลคลังรับว่าซิลิโคนเหล่านี้จะถูกส่งไปยังคลินิก ก. ทั่วประเทศ ตามคำสั่งของผู้บริหาร ขณะที่ น.ส.ณัฐปภัสร์ หรือน้ำตาลฯ ยอมรับว่ามีการกระจายซิลิโคนไปอีกกว่า 30 สาขา ตำรวจจึงขยายผลตรวจค้นและยึดของกลางชิ้นส่วนซิลิโคนและคลินิกสาขาใหญ่รวม 7 สาขา สามารถยึดชิ้นส่วนซิลิโคนรูปจมูก 12,282 ชิ้น, ซิลิโคนหน้าผาก 2,775 ชิ้น, ซิลิโคนคาง 1,107 ชิ้น, เครื่องมือแพทย์เถื่อนจำนวน 998 รายการ, ยาเถื่อนจำนวน 474 รายการ, เครื่องสำอางเถื่อน จำนวน 428 รายการ, ผลิตภัณฑ์ผิด พ.ร.บ. อาหาร จำนวน 55 รายการ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,932,000 บาท

จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อ น.ส.ณัฐปภัสร์ เผยว่าต้นทุนซิลิโคนชิ้นละ 60-80 บาท ขายคอร์สผ่าตัดศัลยกรรมในราคา 4,900-50,000 บาท และจากการตรวจสอบผู้รับบริการศัลยกรรม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 ถึงปัจจุบันพบว่าคลินิก ก.ทั้ง 5 สาขา มีการผ่าตัดศัลกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชิ้นส่วนซิลิโคนกว่า 1,621 ราย เป็นการเสริมจมูก 1,436 ราย, คาง 154 ราย และเสริมจมูกกับคางพร้อมกัน 31 ราย

ทั้งนี้พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ต้องหาให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เบื้องต้นการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน

ผบ.ตร.สั่งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เร่งตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI เรียกรับผลประโยชน์ กรณีค้นสถานรับรองจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย

จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ร่วมกับเจ้าหน้าที่  DSI ได้เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งมีการแอบอ้างว่าเป็นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย แต่ภายในกลับมีคนจีนเข้าออกพลุกพล่าน หลังเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลแล้ว พบคนจีน 1 ราย พร้อมเงินสดจำนวน 2.5 ล้านบาท จึงได้ทำการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อทำการตรวจสอบ ต่อมาได้มีการร้องเรียนว่า มีเงินสดที่ได้จากการตรวจค้นหายไปจำนวนมาก และมีการเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในบ้านเพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุม กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นกรณีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ในทางทุจริต เพื่อทำข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวให้กระจ่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและบุคคลที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวโดยด่วน รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รวมรวมพยานหลักฐานประกอบตามกรณีดังกล่าว

จากการสืบสวนทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยล่ามคนจีน ได้รับการประสานจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทยในกรณีที่ นายโอนาซิส ซานริค ดาเม่ อดีตกงสุลนาอูรุประจำประเทศไทย ได้เช่าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. แต่กลับมีชาวจีนเข้าออกบ้านหลังดังกล่าวจำนวนมาก จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวในวันที่ 22 ธ.ค.65 ผลการตรวจค้นพบชาวจีน 2 คน พร้อมด้วยคนงานในบ้าน มีทั้งชาวไทย จีน และเมียนมาอีก 6 คน รวมทั้งพบสุราต่างประเทศ และบุหรี่ซิการ์จำนวนหนึ่ง และยังพบเงินสดไทยจำนวนประมาณ 8 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในชาวจีนดังกล่าวคือ นายเหมา เติ้ง เผิง เป็นผู้ต้องหาตามหมายแดงของตำรวจสากล ในกรณีเกี่ยวข้องกับแก๊งปลอมพาสปอร์ตสัญชาติหมู่เกาะมาแชลและประเทศนาอูรู แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว โดยได้ให้ล่ามเป็นคนไปรับเงินจากตัวแทนของชาวจีนดังกล่าว ที่บริเวณปั๊มน้ำมันบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ จำนวนเงิน 4 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดเงินสดจำนวนแค่ 2.5 ล้านบาท และส่งตัวน.ส.เซี่ยง หยาง ผู้ดูแลบ้านดังกล่าว พร้อมเงินที่ตรวจยึดให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งถูกดำเนินคดีในกรณีไม่พกพาหนังสือเดินทาง ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 66 เจ้าหน้าที่สืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของกองกำกับการสายตรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้น 16 ราย ประกอบด้วย

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำทีมชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ ตรวจสอบการประกอบธุรกิจสลากออนไลน์กองสลากพลัส มุ่งแก้ไขปัญหาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง

(16 ม.ค. 66) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ ประธานคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด เปิดเผยว่า

จากกรณีในปัจจุบัน ประชาชนประสบปัญหาความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ประกอบกับในสื่อออนไลน์มีข้อมูลปรากฏว่าในปีนี้ยอดขายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของเอกชนมีจำนวนสูง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด เพื่อตรวจสอบการประกอบธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของเอกชน เพื่อสร้าง ความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน แก้ไขปัญหา ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม โดยมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล บังคับใช้กฎหมายและประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายดังกล่าว 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ฐายุฎฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับ พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผอ.สนง.สลากกินแบ่งรัฐบาล, ผู้แทน สคบ., สำนักงาน ป.ป.ง. และ กรมสรรพากร  พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลอาญากรุงเทพใต้ ณ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด (กองสลากพลัส) เลขที่ 555/57 อาคารเอสเอสพีทาวเวอร์ 1 ซอยสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า สำหรับการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พงส. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) ว่ากองสลากพลัสมีพฤติกรรมเข้าข่ายขายสลากเกินราคาเกินกว่ากฎหมายกำหนด และมีสลากจำนวนมาก คาดว่าเกิดจากการกว้านซื้อ เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยันยันว่ากองสลากพลัสไม่ได้รับสิทธิการเป็นตัวแทนจำหน่ายของรัฐบาล จึงได้มีการขอหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้

‘สุริยะ’ นำทีมเยือนญี่ปุ่น ดึงนักลงทุน หนุนพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่าง 2 ประเทศ

‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รมว.อุตสาหกรรม นำทีมเยือนญี่ปุ่น หารือร่วมรัฐมนตรี METI ย้ำความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเชิงเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) อย่างรอบด้าน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (MIND) เปิดเผยถึงผลการหารือกับนายนิชิมุระ ยาสึโทชิ (Mr.Nishimura Yasutosh) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ระหว่างเยือนประเทศญี่ปุ่น วันที่ 11-15 มกราคม 2565 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมระหว่าง 2 ประเทศ ว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี ตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจร่วมกันมาอย่างยาวนานในหลายด้าน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่นักลงทุนญี่ปุ่นได้มาลงทุนในประเทศไทย 

โดยการเข้าหารือกับ METI ยังเป็นการครบรอบ1 ปี ที่ทั้ง 2 กระทรวงฯ คือ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) และกระทรวงอุตสาหกรรม (MIND) ได้ร่วมกันปรับแนวคิดจาก 'Connected Industries' มาสู่ความร่วมมือ Co-Creation for Innovative and Sustainable Growth ที่เน้นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เมื่อปลายปี 2565 โดยเฉพาะประเด็นการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะบุคลากร ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบความร่วมมือ Cooperation Framework on Human Resource Development for Realizing Industry 4.0 ขับเคลื่อน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 

1. แนวทางการร่วมกันพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่บุคลากรในภาคอุตสาหกรรม 2. การขับเคลื่อนนโยบาย BCG ในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 3. การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทานผ่านแนวคิดการร่วมสร้าง (Co-Creation)

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังหารือในประเด็นการลงทุนภายใต้กรอบ AJIF (Asia-Japan Investing for the Future) มุ่งเน้นความเชื่อมโยงระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศต่าง ๆ จึงเน้นย้ำถึงความพร้อมของประเทศไทย ในการต้อนรับนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ที่กำกับดูแลโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล รวมทั้งสิ้น 67 แห่ง ใน 16 จังหวัด พื้นที่รวมเกือบ 2 แสนไร่ (ประมาณ 320 ตารางกิโลเมตร) เป็นนิคมฯที่ทันสมัย และมีเงินลงทุนสะสมรวมกว่า 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ก้าวไกล เชื่อ!! โกย ส.ส.ภาคเหนือได้เพิ่ม หลังฝ่าบทพิสูจน์ ผู้แทนแบบก้าวไกล ‘ขายได้’

‘ก้าวไกล’ อบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือตอนบน ประกาศพร้อมเลือกตั้ง ไม่หวั่นปัจจัยยุบสภา เชื่อพิสูจน์การทำงานแล้ว ผู้แทนแบบก้าวไกลขายได้ มีลุ้นกวาดที่นั่งเพิ่ม 

(16 ม.ค. 66) พรรคก้าวไกลจัดอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง นำโดย สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม รองโฆษกพรรคก้าวไกล นิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล 

นิติพล กล่าวว่า ไม่ว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็ว พรรคก้าวไกลก็มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการสู้ศึกเลือกตั้ง โดยเฉพาะ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีการจัดอบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้งเชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, พะเยา, แพร่ และน่าน เพื่อเตรียมลุยศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top