Tuesday, 8 July 2025
ค้นหา พบ 49272 ที่เกี่ยวข้อง

‘อรรถวิชช์’ ตอบข้อสงสัย นโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ ชี้!! ทำคนตัวเล็กกู้ยาก แนะใช้ระบบ ‘Credit scoring’

‘อรรถวิชช์’ ตอบทุกคำถาม ย้ำแบล็กลิสต์มีจริง!! คนตัวเล็กกู้ยาก ดอกเบี้ยสูง ระบบประมวลข้อมูลเครดิตมีปัญหา ต้องรื้อกฎหมายใหม่ 

(12 ม.ค. 66) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์วิดีโอลงช่องทาง TikTok ‘atavit’ และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อธิบายถึงนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ ที่พรรคชาติพัฒนากล้าเพิ่งเปิดตัวไป โดยสรุปได้ว่า…

แบล็กลิสต์บูโร มีจริง!!

>> แบล็กลิสต์มีจริง เพราะระบบการบันทึกข้อมูลเครดิต จะคล้ายกับบันทึกประวัติอาชญากรรม โดยบริษัทข้อมูลเครดิตจะบันทึกและรายงานต่อสถาบันการเงิน ถึง ‘ประวัติพฤติกรรม ทั้ง 3 ปี’ ไม่ใช่แค่สถานะเครดิตปัจจุบันเท่านั้น จะเห็นว่า ‘ความเป็นจริง’ แม้คนที่จ่ายหนี้คงค้างไปแล้ว ก็ยังมีประวัติด่างพร้อยที่ยากต่อการกู้เงินได้ โดยกว่าจะกลับมากู้ได้ปกติ หรือกู้ดอกเบี้ยต่ำได้อีก ต้องใช้เวลายาวนาน คนตัวเล็กเสียเปรียบ ฟื้นตัวยาก

แม้บริษัทข้อมูลเครดิต หรือธนาคารไม่ได้ทำรายการ ‘บุคคลห้ามกู้’ แต่การรายงานประวัติพฤติกรรมสินเชื่อทั้งชุดดังกล่าว ก็ทำให้ธนาคารมีสบช่องปฏิเสธสินเชื่อนั่นเอง

‘นักรบใด ไม่เคยมีบาดแผลบ้าง?’ ถ้าเอาประวัติ ‘เคยผิดนัด’ มารายงาน มันก็คือ ‘แบล็กลิสต์’ นั่นเอง

>> นโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ ของพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่ได้ลบประวัติการชำระหนี้ แต่จะไม่รายงานประวัติพฤติกรรมทั้ง 3 ปี ของผู้กู้ แต่จะแจ้งเฉพาะ ‘คะแนน’ ที่สะท้อนสภาพปัจจุบันของผู้กู้ ด้วยเครื่องมือประเมินคุณภาพสินเชื่อ (Credit Scoring) ที่ใช้กันในหลายประเทศ

ลือหึ่ง! ลูก-หลานชาย ‘วีรศักดิ์’ ย้ายซบ ‘เพื่อไทย’ ลงเลือกตั้ง ‘เสิงสาง - ปักธงชัย’ แข่ง ส.ส.ภูมิใจไทย

สะพัด! ลูก-หลานชาย ‘วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล’ ย้ายซบ ‘เพื่อไทย’ สู้ศึกเลือกตั้งแข่ง ส.ส.ภูมิใจไทย หลังเข้าประกาศวางมือการเมือง อ้างปัญหาสุขภาพ

(12 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ประกาศจะยุติบทบาททางการเมือง เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ แต่ยังคงให้การสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยอยู่นั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 517 จุด กวาดล้างอาวุธในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8

เตรียมพร้อมเปิดประเทศรอรับนักท่องเที่ยว 2 ชายฝั่ง อันดามันและอ่าวไทย แถลงผลการปิดล้อมตรวจค้น ณ ตำรวจภูธรภาค 8

เมื่อวานนี้ที่ (11 ม.ค. 66)  เวลา 13.30 น. จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมีจำนวนลดน้อยลงมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย ในภาพรวม แต่ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มคลี่คลายลง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลก ที่หลายประเทศได้เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคและเปิดประเทศควบคู่ไปกับการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลอดจนกิจกรรมเทศกาลปีใหม่ 2566 ซึ่งตามพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ล้วนเป็นพื้นที่ที่ชาวต่างชาติและชาวไทย นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก เช่น จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา เป็นต้น 

ในการนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้กำหนดและวางมาตรการในการดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ในปีงบประมาณ 2566 โดยได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 ให้ดำเนินการ ตามมาตรการเชิงรุก ลดอาชญากรรมในพื้นที่ สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในภาพรวม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรพงษ์  ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน จึงได้มีการวางแผนในการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น ผู้มีอิทธิพล อาวุธปืน ยาเสพติด วัตถุระเบิด ค้าประเวณี โจรกรรมรถ โดยให้ทุกหน่วยในสังกัด ภ.8 รวบรวมพยานหลักฐานในการขออนุมัติหมายค้นต่อศาลเข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายทั้งห้องเช่า เกสเฮ้าส์ บ้านพัก รีสอร์ท แหล่งมั่วสุมอาชญากรรมทุกรูปแบบที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและนักท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 19 - 23 ธ.ค.65 กว่า 517 เป้าหมายใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย

'ทิพานัน' เผย ทิศทาง MSMEs ไทยปี 65 ไปได้สวย!! ชี้!! ไม่มี รบ.ไหน ทำได้เหมือน ‘รบ.ประยุทธ์’

(12 ม.ค. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าปีที่แล้ว รัฐบาลได้ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง (Micro, Small and Medium-sized Enterprises: MSME) มี 3.21 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 99.55 ของจำนวนวิสาหกิจทั้งหมดของไทยที่ประสบความสำเร็จ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.67 

ทั้งนี้ วิสาหกิจรายย่อยในปัจจุบัน แบ่งเป็นรายย่อย (Micro-sized Enterprises) 2,742,416 รายคิดเป็นร้อยละ 85.74, ขนาดย่อม (Small-sized Enterprises) จำนวน 412,962 รายคิดเป็นร้อยละ 12.91, และขนาดกลาง (Medium-sized Enterprises) จำนวน 43,106 รายคิดเป็นร้อยละ 1.35 

โดยมูลค่า GDP ของวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางมีจำนวน 5.60 ล้านล้านบาท และคาดขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 คิดเป็นมูลค่า GDP ของวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางปี 2565 จำนวน 6.02 ล้านล้านบาท

นอกจากมูลค่า GDP ที่เพิ่มขึ้นแล้ว ในปี 2565 กลุ่ม MSMEs วิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางยังมีจำนวนการจ้างงานสูงถึง 12.60 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71.75 ของการจ้างงานทั้งประเทศ รัฐบาลจึงเดินหน้าส่งเสริม MSMEs อย่างเต็มที่เพราะเป็นเครื่องจักรสำคัญในด้านเศรษฐกิจของประเทศ จึงมีมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น จัดทำฐานข้อมูล Big Data การสนับสนุนแหล่งทุนในรูปแบบต่าง ๆ การสนับสนุนเชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อรายใหญ่กับผู้ขายรายย่อย และที่สำคัญคือ ความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเอเปค 2022

ไทย สมายล์ กรุ๊ป ร่วมโครงการ 'มหกรรม รวมพลัง สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้' เพื่อสรรหา กัปตันเมล์ เป็นจำนวนมาก รองรับ รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า กว่า 1,250 คัน ใน 122 เส้นทาง ในกทมฯ.และปริมณฑล

เมื่อวานนี้ (11 ม.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการมหกรรม รวมพลัง สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ภายใต้นโยบาย 'สืบสาน รักษา ต่อยอด ฟื้นฟู พลิกโฉมตลาดแรงงานไทย' ซึ่งจัดขึ้น วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค.) จังหวัดชลบุรี โดย กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้แรงงานไทยได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ สามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพตามความถนัดและตรงกับความต้องการของตนเอง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า “การจัดงานมหกรรม รวมพลัง สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ในครั้งนี้ พี่น้องแรงงานและกลุ่มนักเรียน นักศึกษา จะได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะฝีมือ ทิศทางการทำงานในปัจจุบันและความต้องการแรงงานในอนาคต เพื่อพัฒนาตนเองให้พร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน เพื่อสร้างอาชีพและมีรายได้ที่มั่นคง ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top