Saturday, 21 June 2025
ค้นหา พบ 48929 ที่เกี่ยวข้อง

กองทัพเรือ จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2565

(2 ธันวาคม 2565) พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในการจัดกิจกรรม เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ในส่วนของกองทัพเรือ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และถวายเป็นพระราชกุศล โดยมี นางอรัญญา ศิริสวัสดิ์ อุปนายกสมาคมภริยาทหารเรือ คณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ของกองทัพเรือ พร้อมภริยา ตลอดจนหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองเรือยุทธการ และหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกรมอู่ทหารเรือ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข้าร่วมในพิธี โดยในเวลา 07.10 น.รองผู้บัญชาการทหารเรือ ได้นำผู้เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มดอกไม้และกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พิธีทำบุญตักบาตรพระภิกษุสามเณร จำนวน 89 รูป จากวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดชิโนรสารามวรวิหาร วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร วัดนาคกลางวรวิหาร ณ บริเวณลานหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม

ต่อมาในเวลา 09.00 น. รองผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน ถวายเป็นพระราชกุศล ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม โดยมี อุปนายกสมาคมภริยาทหารเรือ พร้อมคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ พร้อมภริยา ตลอดจนหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองเรือยุทธการ และหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกรมอู่ทหารเรือ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ร่วมในพิธี โดยนิมนต์พระสงฆ์จากวัดอรุณราชวราราม โดยมี พระพรหมวัชรเมธี เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ 

'หมอยง' ถูกมิจฉาชีพอ้างชื่อหากิน ขายอาหารเสริม ยัน!! ไม่เคยขายของหรือหาผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น

ไม่นานมานี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กหลังถูกนำชื่อไปแอบอ้างหากิน ว่า "ไม่เคยขายของหรือหาผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น"

ด้วยปรากฏว่าขณะนี้มีบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ได้นำรูปภาพของข้าพเจ้า ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ ไปใช้ประกอบการโฆษณาจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือยา เครื่องมือทางการแพทย์ในรูปแบบต่าง ๆ ตามตัวอย่างรูปภาพ หรือ เว็บไซต์ ท้ายนี้ 

อันเป็นการสื่อความหมายไปในทางทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ที่มีการโฆษณาดังกล่าวเป็นของข้าพเจ้า หรือข้าพเจ้ามีส่วนได้เสีย ซึ่งเป็นการทำความเสียหายต่อข้าพเจ้า เป็นอย่างมาก  

จริยธรรมบิดเบี้ยว ยุคขี้เมาลงแดงในอเมริกา คนสุจริตร่ำสุราเท่ากับบาป ส่วนคนบาปหากินกับเหล้าเถื่อน ต่างได้รับการยกย่อง

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าครั้งหนึ่งอเมริกาเคยห้ามขายเหล้าเป็นเวลาถึง 13 ปี 

สังคมเมืองลุงแซมในช่วงปี ค.ศ. 1890-1920 เป็นช่วงที่เรียกว่า 'ยุคก้าวหน้า' หรือ Progressive Era ที่กำลังสับสนกับกระแสความเปลี่ยนแปลงทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคม   

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมเช่นกัน ผู้ชายดาหน้าเข้าทำงานในโรงงานต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ใด ๆ หรือแม้แต่ไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษได้ ชายยุโรปโดยเฉพาะยุโรปตะวันออกอย่างชาวโปแลนด์หรือฮังกาเรียน หลั่งไหลเข้ามาในอเมริกาเพื่อทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บางคนพาลูกเมียมาด้วยเพื่อลงหลักปักฐานในอเมริกา 

เมื่อเข้ามาเป็นคนงานโรงงาน ด้วยพื้นฐานดั้งเดิมที่รักการดื่มจึงอดไม่ได้ที่จะแวะข้างทางเพื่ออุดหนุนน้ำเมา แต่เรื่องนี้กลับกลายมาเป็นปัญหาครอบครัว  ทำให้เกิดการโทษเหล้าและน้ำเมาต่าง ๆ ว่าสร้างปัญหาสังคมร้ายแรง ประกอบกับช่วงนั้นมีนักเทศน์ร่อนแร่เดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ แล้วโทษสุรายาเมาเสมอ เหล่าภรรยาที่ถูกสามีขี้เมาทุบตีเป็นนิจสินก็เพ่งโทษไปที่เหล้าแต่เพียงอย่างเดียว จึงรวมตัวกันเรียกร้องให้สังคมจัดการเรื่องนี้

ดังนั้นในปี ค.ศ. 1920 จึงเกิดการปฏิรูปทางจริยธรรมขึ้น โดยหนึ่งในกระบวนการชำระสะสางสังคมทั้งหลายทั้งปวงข้อหนึ่งคือ แนวคิดเรื่องห้ามผลิตและซื้อขายเหล้าอย่างเด็ดขาด อเมริกันเคร่งศาสนาบางกลุ่มเชื่อว่าการดื่มเหล้าถือเป็น 'บาป' บางคนสรุปเหมารวมว่าการเสพสุราฮะกึ๋นเป็นต้นเหตุปัญหามากมายในสังคม ทั้งการติดเหล้า อาชญากรรม อาการทางจิตประสาท ความยากจน รวมถึงการใช้ความรุนแรงกับเด็กและผู้หญิง

แต่การสนับสนุนแนวคิดนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างโปร่งใสและสะอาดบริสุทธิ์เท่าไหร่นักหรอก เพราะกลุ่มพ่อค้าที่ขายชากาแฟและน้ำอัดลมต่างตีปีกสนับสนุนกันกระหึ่ม เนื่องจากเชื่อว่าธุรกิจตนจะโกยกำไรอื้อซ่าอย่างแน่นอน หากเหล้าเบียร์หมดไปจากท้องตลาด

ไม่ว่าแรงสนับสนุนให้เลิกขายเหล้าเบียร์จะมาจากกลุ่มไหนก็ตาม แต่แรงกดดันมหาศาลทำให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อการลงโทษขี้เมาโดยเฉพาะ โดยในวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1919 ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐฯ ครั้งที่ 18 กำหนดห้ามไม่ให้มีการขายผลิตขนส่งหรือจัดจำหน่ายเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทั่วทั้งประเทศอย่างเด็ดขาด 9 เดือน

หลังจากนั้น สภาคองเกรสได้ผ่านร่างกฎหมายที่รู้จักกันในชื่อ Volstead Act ถือเป็นการเริ่มต้นยุคแห่งการห้ามซื้อขายและผลิตเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ทุกชนิดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1920

ตั้งแต่นั้นมา อเมริกาก็เข้าสู่ 'ยุคมืดของขี้เมา' แบบนี้ก็ตายกันพอดีสิจ๊ะ ของเคยกระดกขวดทุกค่ำเช้า แต่อยู่ ๆ รัฐบาลเอาไม้ไล่หวดขวดเหล้าแตกกระจายก็ย่อมเปรี้ยวปากเป็นธรรมดา ผลคือเกิดมาเฟียค้าเหล้าเถื่อนเพียบ แต่ขาใหญ่สุดเห็นจะเป็น 'อัล คาโปน' ที่หากินในย่านชิคาโกและสร้างตัวเองเป็นเจ้าพ่อมาเฟียที่โลกไม่ลืมมาจนทุกวันนี้  

เพราะผลพวงของการห้ามขายเหล้านี่แหละที่ทำให้อัล คาโปนพบช่องทางทำมาหากินอันโชติช่วง ด้วยการลักลอบนำเข้าและขนส่งเหล้าเถื่อนจนร่ำรวย การลักลอบขายเหล้าเถื่อนกลายเป็นช่องทางที่ทำกำไรมหาศาลให้เหล่าผู้มีบารมีนอกกฎหมาย เลยทำให้จำนวนประชากรมาเฟียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แถมยังขยายสาขาไปทั่วประเทศ สร้างปัญหาสังคมอย่างชนิดที่เรียกได้ว่าสาหัสกว่าเดิมไว้เป็นของแถม

'ปลดล็อกท้องถิ่น' หรือ 'แบ่งแยกดินแดนสู่สหพันธรัฐ' นัยล้มล้าง ปชต. อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

มีพรรคการเมืองบางพรรค ได้เขียนร่างรัฐธรรมนูญและพยายามรณรงค์เรื่องการปลดล็อกท้องถิ่น ผู้เขียนเองเห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ (Decentralization) สำหรับท้องถิ่นที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในระดับหนึ่ง แต่เมื่อไปเปิดอ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนั้นก็ต้องตกใจมากด้วยเหตุผลดังนี้

>> ประการแรก รัฐธรรมนูญมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญทุกฉบับของไทย ที่ระบุความเป็นรัฐเดี่ยวของประเทศไทยมาโดยตลอดได้เขียนบัญญัติเอาไว้ว่า ‘ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรเป็นอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้’

แต่รัฐธรรมนูญฉบับปลดล็อกท้องถิ่นกำลังทำให้ประเทศไทยไม่เป็นรัฐเดี่ยว แต่เป็น ‘สหพันธรัฐ’ เพราะท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดการตนเองเท่ากับรัฐ ๆ หนึ่งของสหรัฐอเมริกา บริหารปกครองตนเองได้ มีกฎหมายเป็นของตนเองได้ บริหารการจัดเก็บภาษีและการเงินการคลังเองได้ ยกเว้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินตราและธนาคารกลาง

ข้อนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความประสงค์ที่จะมิให้ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว แต่เป็นสหพันธรัฐ ประกอบด้วยรัฐบาลท้องถิ่นจำนวนมากมาย อันเท่ากับเป็นการล้มล้างการปกครองจากราชอาณาจักร ซึ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ เท่ากับผู้เขียนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีเจตจำนงที่ต้องการล้มล้างการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของไทยที่เป็นรัฐเดี่ยว อันเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 49 บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ ผู้ใดทราบว่ามีการกระทําตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทําดังกล่าวได้ ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคําสั่งไม่รับดําเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดําเนินการภายในสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับคําร้องขอ ผู้ร้องขอจะยื่นคําร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้

การดําเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดําเนินคดีอาญาต่อผู้กระทําการตามวรรคหนึ่ง และเป็นการทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 อีกด้วย ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต

(1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย

(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ

(3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

‘บิ๊กตู่’ ให้คติปฏิบัติ ‘ทำวันนี้ดีที่สุด…อนาคตดีแน่นอน’ ในงาน อุตสาหกรรมแฟร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานอุตสาหกรรมแฟร์ ‘ซื้อของไทย ใช้ของดี สร้างอาชีพ เสริมธุรกิจที่ดีพร้อม’ ภายใต้โครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม

โดยพล.อ.ประยุทธ์​ ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า วันนี้เราพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องอื่น ๆ ไม่ใช่เวทีนี้ ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์อะไรอื่น ๆ ก็คนละเวที แต่วันนี้เรากำลังพูดคุยกันว่าทำอย่างไรให้ทุกประเทศแข็งแรงใกล้เคียงกัน ไม่เป็นภาระกันและกัน เป็นสิ่งที่ตนวาดหวังมานานแล้ว ประเทศไทยอยู่ในประเทศรายได้ค่อนข้างปานกลางมาหลายปี เราต้องไปสู่ระดับบนให้ได้ และสิ่งสำคัญที่สุดที่ตนห่วงในขณะนี้ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจฐานรากฟื้นฟูเติบโตขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลร่วมกับประชาชนจับมือกันเดินไปพร้อมกัน ไม่มีใครทำสำเร็จได้โดยคนเดียวหรือหน่วยงานเดียว ดังนั้นรัฐบาลประชาชนต้องร่วมมือกันในการเดินหน้าประเทศให้ดีขึ้น ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ร่วมมือในช่วงเวลาวิกฤตที่ผ่านมาเป็นอย่างดียิ่ง ในการให้ความร่วมมือรัฐบาลและส่วนราชการในการแก้ปัญหาโดยเฉพาะโควิด


 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top