Monday, 23 June 2025
ค้นหา พบ 48981 ที่เกี่ยวข้อง

ตะกอนสองสีในหัวใจ เหยียดผิวในถิ่นมะกัน ความเกลียดชังจากคนขาว ที่ซ่อนไว้ใต้คำสวยหรูอย่าง 'สิทธิอันเท่าเทียม'

เรื่องของการเหยียดสีผิวนั้นเป็นเรื่องสาหัสมากในประเทศสหรัฐอเมริกายุคก่อน และถึงแม้ในปัจจุบันจะดูเหมือนว่าการเหยียดผิวนั้นเบาบางลง แต่บอกได้เลยว่าการเหยียดผิวระหว่างคนขาวและคนดำยังคงดำรงอยู่ในอเมริกา เพียงแต่ซ่อนไว้ภายใต้หน้าฉากอันสวยหรูของคำว่า 'สิทธิอันเท่าเทียม'

องค์กรลับที่ตั้งขึ้นเพื่อทำลายล้างคนผิวดำและผิวสีอื่นที่ไม่ใช่คนขาวคือ องค์กร 'คู คลักซ์ แคลน’ อำนาจของคู คลักซ์ แคลนแข็งแกร่งช่วงระหว่างปี คศ.1865-1870 มีกองกำลังอันเกรียงไกร สามารถกำราบคนดำในรัฐนอร์ทแคโรไลน่า, เทนเนสซี และจอร์เจียอยู่หมัด   

สมัยประธานธิบดี ยูลิซิส เอส. แกรนต์ มีการประกาศว่า คู คลักซ์ แคลน เป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายนอกกฎหมาย ถือเป็นอันตรายต่อระบอบการปกครอง จึงมีการกวาดล้างกลุ่มเอียงขวาจัดอย่างจริงจังช่วงปี ค.ศ. 1868-1870 จนทําให้กลุ่มสลายตัวชั่วระยะหนึ่ง

ปลายศตวรรษที่ 19 เริ่มมีคนผิวสีอย่างเม็กซิกันและเอเซียอพยพเข้ามาอาศัยในอเมริกามากขึ้น จึงทำให้องค์กรนี้กลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่คนผิวดำแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่คราวนี้เหมารวมเอาคนยิว คนเม็กซิกัน คนเอเซียและฝรั่งผิวขาวด้วยกันเองแต่นับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคด้วย

ปีค.ศ. 1915 ที่แอตแลนต้า บาทหลวงของศาสนาคริสต์ วิลเลียม เจ. ซิมมอนส์ อ้างว่าได้ยินเสียงพระเจ้าในความฝันให้ฟื้นฟู คู คลักซ์ แคลน ขึ้นอีกครั้ง ซิมมอนส์ซึ่งเดิมมีแนวคิดนิยมคนผิวขาวอยู่แล้วจึงรวบรวมคน 34 คนประกาศการก่อตั้ง คู คลักซ์ แคลน ขึ้นใหม่ 

อยากจะเรียกการกลับมาขององค์กรนี้ว่ารุ่นพิมพ์นิยม เพราะคู คลักซ์ แคลน ที่ฟื้นตัวขึ้นมาใหม่นี้ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากคนผิวขาวอย่างถึงขนาดจนประกาศอย่างหน้าชื่นตาบานว่า การเป็นชาวแคลนนั้นถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวชาวอเมริกันเลยทีเดียว สมาชิกก็ไม่ใช่กระจอกงอกง่อยเป็นคนขาวจนๆ คลั่งชาติอย่างพวกระดับล่าง แต่ประกอบด้วยนักธุรกิจผู้ร่ำรวย และมีนักกฎหมายระดับสูงอีกมากมาย

ในปี คศ.1922 เฉพาะที่เท็กซัสก็มีคดีทำร้ายร่างกายกว่า 100 คดีที่เกี่ยวข้องกับ คู คลักซ์ แคลน และในปี คศ.1923 เกิดคดีรุมทำร้ายที่โอกลาโฮม่าที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนี้ 

ความกร่างของคู คลักซ์ แคลน ดูได้จากการส่งจดหมายขู่และไล่ที่ไปยังบ้านของคนผิวดำและคนผิวขาวซึ่งสนับสนุนคนผิวดำ เมื่อไม่ได้รับการปฏิบัติตามก็จะเข้ารุมทำร้าย 

นอกจากนี้ยังมีการเผาบ้าน บ้างก็ตัดแขนขา บ้างก็เอายางรถยนต์ห้อยคอผู้เคราะห์ร้ายแล้วจุดไฟ บ้างก็จับมัดไปวางให้รถไฟทับ บ้างก็จับแขวนคอ บางครั้งสมาชิก คู คลักซ์ แคลน จะมีการเผาไม้กางเขนบริเวณเชิงเขาหรือบริเวณใกล้บ้านของเหยื่อ ที่เรียกว่า Cross Burning เพื่อเป็นการเเสดงอํานาจและการข่มขู่เหยื่อ สรุปเลยคือพวกนี้สรรหาสารพัดวิธีในการทารุณกรรมนั่นเอง

ประมาณปี 1950 เด็กผิวขาวและเด็กผิวดำที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน เวลานั่งรถโรงเรียน เด็กผิวดำจะต้องสละที่นั่งด้านหน้าให้เด็กผิวขาวนั่งก่อน ส่วนเด็กผิวดำจะต้องนั่งเบาะหลังเท่านั้น บนรถเมล์ คนผิวดำจะต้องลุกให้คนผิวขาวนั่งก่อน ไม่เช่นนั้นถือว่าผิดกฎหมาย หรือในร้านอาหารก็จะมีการแยกที่นั่ง หรือบางร้านไม่ต้อนรับคนผิวดำ ในโรงภาพยนตร์แยกไม่ให้คนสองสีผิวปะปนกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้รวมไปถึงการใช้ห้องน้ำสาธารณะ การดื่มน้ำจากก๊อกน้ำสาธารณะไปจนถึงมหาวิทยาลัย    

อาลัย 'สหายคำตัน' สิ้น!! 'หมอสอยเท้าเปล่า' หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน ต้นตำรับสมุนไพรรักษามะเร็ง ด้วยโรคชราในวัย 83 ปี

อาลัยหมอสอยเท้าเปล่า ‘พ่อหมอสอย เพชรฤทธิ์’ วัย 83 ปี หรือ ‘สหายคำตัน’ หมอพื้นบ้านหนองบัว ตำบลโคกสี อำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม ต้นตำรับหมอสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง เรียนวิชาแพทย์แผนจีนยุคคอมมิวนิสต์ เสียชีวิตด้วยโรคชราเมื่อ 24 พ.ย. 65 สุดทึ่งมีเมียถึง 12 คน

วันที่ 25 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครพนมรายงานว่า นับเป็นข่าวเศร้าในวงการแพทย์แผนไทย หลังสูญเสียปราชญ์ชาวบ้าน และเป็นต้นตำรับหมอยาสมุนไพรพื้นบ้าน แพทย์แผนไทยทางเลือกชื่อดัง เจ้าของ ฉายา หมอสอยเท้าเปล่า หรือ พ่อหมอสอย เพชรฤทธิ์ อายุ 83 ปี หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน แห่งบ้านหนองบัว ต.โคกสี อ.วังยาง จ.นครพนม ที่เสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา โดยทางครอบครัวได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านพักเลขที่ 13 บ้านหนองบัว ต.โคกสี อ.วังยาง จ.นครพนม กำหนดพิธีฌาปนกิจศพ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 ที่สถานฌาปนกิจศพชั่วคราว ใกล้บ้านพัก

สำหรับ พ่อหมอสอย เพชรฤทธิ์ อายุ 83 ปี หรือสหายคำตัน หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน แห่งบ้านหนองบัว ต.โคกสี อ.วังยาง จ.นครพนม ถือเป็นอดีตสหายที่เติบโตในยุคคอมมิวนิสต์ในพื้นที่สีแดง อ.นาแก อ.วังยาง และ อ.ปลาปาก จ.นครพนม จึงได้ต่อสู้ในยุคสงครามความแตกแยกทางความคิดระหว่างรัฐกับประชาชน ทำให้พ่อหมอสอยต้องหนีเข้าป่าเพื่อต่อสู้ตามอุดมการณ์ของประชาชน โดยตัดสินใจเดินทางเข้าป่า เมื่อปี 2509 จนกระทั่งออกจากป่าเมื่อปี 2527 รวมระยะเวลาเข้าป่าเกือบ 20 ปี

โดยพ่อหมอสอยเริ่มศึกษาพื้นฐานเรื่องยาสมุนไพรพื้นบ้านจากคุณปู่ มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนกระทั่งอายุประมาณ 17 ปี ได้เข้าป่าร่วมกลุ่มกับพรรคคอมมิวนิสต์หรือสหาย จนได้ฉายาว่าสหายคำตัน และขอไปเรียนการทหารที่ประเทศเวียดนาม 2 ปีแต่ไม่ชอบ จึงขอไปเรียนศึกษาเกี่ยวกับการแพทย์รักษาโรค รวมถึงการใช้สมุนไพรรักษาโรคที่มณฑลยูนนาน กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน รวมระยะเวลากว่า 5 ปี ก่อนกลับมาประเทศไทย และออกจากป่าใช้ชีวิตเป็นเกษตรกร และเป็นหมอสมุนไพรรักษาชาวบ้าน

โดยเริ่มจากการรักษาคนในหมู่บ้าน รวมถึงในพื้นที่ จ.นครพนม จนมีชื่อเสียง และเดินเท้าเปล่าไปรักษาที่พื้นที่จังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสาน จนมีชื่อเสียง ในชื่อ หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน แห่งบ้านหนองบัว เพราะไม่เคยสวมรองเท้า ส่วนการรักษาจะรักษาโรคทั่วไป อาทิ ไข้หวัด ความดัน เบาหวาน โรคผิวหนัง โรคกระเพาะ เป็นต้น ด้วยยาจากสูตรสมุนไพร ไปจนถึงโรคมะเร็ง และมีการศึกษาค้นหาการรักษาโรคมะเร็งให้กับภรรยาของตัวเอง ที่ป่วยจากโรคมะเร็งจนหาย ทำให้มีชื่อเสียงในการรักษาโรคมะเร็ง มีผู้ป่วยเดินทางมารักษา เป็นการรักษาแพทย์ทางเลือก หายป่วยหลายราย จนมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ

'อรนภา' แจง!! ตบดารารุ่นน้องกลางห้างดังเกาหลี ชี้!! ทนายดังเขียนเกินไป อย่าใช้คำว่าตบ

ม้า อรนภา เปิดปากพูดแล้ว หลังโดนโยงดราม่า ดารารุ่นใหญ่ตบดาราหนุ่มรุ่นน้องกลางห้างดังเกาหลี เหตุเพราะไม่ไปกินปูด้วย

(26 พ.ย.65) จากกรณี ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้เผยข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “นักแสดงรุ่นใหญ่ลายคราม รับจ็อบพาลูกค้าซึ่งเป็นนักแสดงน้องใหม่ ไปเสริมหล่อที่เกาหลี ปรากฏว่าไม่พอใจที่ชวนไปกินปูแล้วน้องดาราไม่ไป ตบหน้าฉาดใหญ่กลางห้างดัง!!!” จนกลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ มีการสอบถามกันจ้าละหวั่นว่า รุ่นใหญ่คนนั้นคือใคร?

‘ชลน่าน’ จับตา 30 พ.ย. ศาลรธน. ชี้ชะตา กม.เลือกตั้ง เชื่อ!! ไม่ย้อนกลับไปสูตรหาร 500 แน่นอน

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 65 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้อง ของ ส.ส.และส.ว 105 คนผ่านประธานรัฐสภา ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ป ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.(ฉบับที่...) พ.ศ. ... มาตรา 25 และมาตรา 26 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 หรือไม่ และตราขึ้นไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ และศาลได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 30 พ.ย. เวลา 09.30 น. ซึ่ง กกต.ในฐานะเจ้าของร่าง พ.ร.ป.ได้ทำคำชี้แจงตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ หลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 พ.ศ 2564 และร่าง พ.ร.ป ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่.. พ.ศ. ....ซึ่งประธาน กกต.ได้ชี้แจงว่า รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2564 ไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ม.92 ถึง ม.94 ให้สอดคล้องกับรูปแบบการเลือกตั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมโดยยกเลิกวิธีการคำนวณจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคจะพึงมี และส.ส. แบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคพึงจะได้รับ กกต.จึงไม่มีกรณีที่จะต้องคำนวณหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อตาม ม.92 ถึง ม.94


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top