Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

16 พฤศจิกายน พ.ศ.2545 พบการระบาดครั้งแรกของ ‘โรคซาร์ส’ ในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน

กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือรู้จักกันในชื่อ โรคซาร์ส (อังกฤษ: Severe Acute Respiratory Syndrome; SARS) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส ทำให้มี ไข้สูง ไอแห้ง หอบ หรือหายใจลำบาก 

องค์การอนามัยโลกระบุว่า โรคนี้มีต้นกำเนิดมากจาก มณฑลกวางตุ้งของประเทศจีนเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 ระบาดไปที่ฮ่องกง และต่อมาที่เวียดนาม สิงคโปร์ และแคนาดา โดยต่อมามีผู้พบโรคนี้ในที่อื่น ๆ ซึ่งรวมถึงในสหรัฐ ฝรั่งเศส อังกฤษ ไต้หวันและเยอรมนี ในตอนที่โรคระบาดนี้สิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2546 มีผู้ติดเชื้อ 8,422 รายที่มีอัตราป่วยตาย (CFR) ร้อยละ 11

สำหรับกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือ โรคซาร์ส นั้น เป็นไวรัสโรคระบบหายใจที่มีต้นกำเนิดจากสัตว์ซึ่งมาจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (severe acute respiratory syndrome coronavirus; SARS-CoV หรือ SARS-CoV-1) สายจำเพาะแรกของสปีชีส์โคโรนาไวรัสซาร์สในโคโรนาไวรัสสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARSr-CoV) กลุ่มอาการนี้ก่อให้เกิดการระบาดของโรคซาร์ส ในช่วงปลาย ปี พ.ศ.2560 นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนสืบต้นตอไวรัสมาจากตัวอีเห็นข้างลาย ถึงค้างคาวมงกุฎ ในเขตเมืองชาติพันธุ์อี๋ซีหยาง มณฑลยูนนาน

บช.ทท. รับมอบหมายให้เป็นหน่วยสนับสนุน การปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการดำเนินการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ให้แก่ บุคคลสำคัญ และผู้เข้าร่วมประชุมพำนักในประเทศไทย

(15 พ.ย.65)  เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เดินทางตรวจเยี่ยม ให้โอวาท พร้อมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญและกำลังใจ ให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ปฏิบัติหน้าที่ สายตรวจรถยนต์ สายตรวจจักรยาน สายตรวจรถพลังงานไฟฟ้า แบบ 2 ล้อ (Segway) และอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อม การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ณ สวนลุมพิน กรุงเทพฯ 

โดยภารกิจการดูแลรักษาความปลอดภัย ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวรับผิดชอบ มีรถยนต์โมบายประจำจุดที่กรุงเทพฯ บริเวณสวนลุมพินี จำนวน 1 คัน และรถโมบายเคลื่อนที่ประจำที่อยุธยาอีก 1 คัน รถยนต์สายตรวจ 34 คัน รถสายตรวจจักรยาน 42 คัน และรถเซคเวย์ 6 คัน รวมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งสิ้น 153 นาย เพื่อใช้ตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในบริเวณพื้นที่จัดการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ตลอดจนสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่างๆที่จะกระทบต่อความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ

'กรณ์' ถอดรหัสความสำเร็จเจ้าภาพ G20 ซูฮก ‘โจโกวี’ สุดยอดผู้นำ พาอินโดฯโดดเด่นบนเวทีโลก

‘กรณ์’ ชื่นชม โจกีวี สุดยอดผู้นำ พาอินโดนีเซีย รุ่งเรือง ยกเป็นต้นแบบบริหารประเทศ ด้าน ‘เทมส์ ไกรทัศน์’ เสนอใช้ เวทีเอเปคเปิดฤดูท่องเที่ยว วอนอย่าทำเสียบรรยากาศ  

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีต รมว.คลัง กล่าวเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 โดยหยิบยกประเด็นที่ชาวโลกกำลังให้ความสนใจต่อประเทศอินโดนีเซีย และตัวประธานาธิบดี นายโจโก วิโดโด หรือ โจโกวี ที่ชาวโลกชื่นชมมากที่สุด เนื่องจากสัปดาห์นี้อินโดนีเซีย จะเป็นเจ้าภาพประชุม G20 ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของ 20 ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการประชุมประจำปี บางครั้งสำคัญ บางครั้งไม่สำคัญ แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่สำคัญมาก เหมือนกับเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ถือเป็นการประชุมครั้งสำคัญมาก เป็นช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งในครั้งนั้นประเทศไทยได้เข้าร่วมประชุม โดยมีประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพ และได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น และตนในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการการคลัง เข้าร่วมแสดงความเห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจของโลก ควรจะได้รับการแก้ไขร่วมกันอย่างไร 

“ปีนี้ โจโกวี ได้เชิญผู้นำระดับโลก ที่ทุกคนจับตา ทั้งวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ,นายวอลอดือมือร์ แซแลสกึย ประธานาธิบดียูเครน ,นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ข้าร่วมประชุมด้วย จึงเป็นการประชุมที่สำคัญ เพราะสถานการณ์โลก มันตึงเครียดมาก ชาวโลกก็จับตาว่า ทั้งหมดมาเจอกันแล้วจะออกมายังไง แต่ก็ลดดรามาไปได้ระดับหนึ่ง เมื่อปูติน กับ แซแลนสกึย ไม่มา แต่ใช้ระบบออนไลน์แทน ส่วนถ้าไบเดนประชุมกับ สีเจิ้นผิง ปฏิสัมพันธ์ออกมาดี ก็จะเป็นข่าวดี สำหรับทุก ๆ ประเทศทั่วโลก” อดีต รมว.คลัง กล่าว 

นายกรณ์ กล่าวว่า เหตุผลที่ทำให้ประเทศอินโดนีเซียน่าสนใจ นอกจากจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม G20 แล้ว ประชากรของอินโดนีเซีย ยังมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจประเทศหนึ่งด้วย ดูจาก จีดีพีโตขึ้น กว่า  5% ต่อปี อัตราเงินเฟ้อ ก็ 5% กว่า ๆ เท่านั้น เมื่อเทียบกับหลายประเทศโลกอยู่ที่ 8-10% ส่งออกโตเมื่อเทียบกับปีที่แล้วประมาณ 30% ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนโยบายเศรษฐกิจ ที่ชัดเจนของประธานาธิบดีโจโกวี 

อดีต รมว. คลัง กล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดี โจโกวี อดีตเคยเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ ก่อนจะมาเป็นผู้ว่าเมืองจากาตาร์ แล้วก็ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ตอนนี้เป็นสมัยที่สองซึ่งเป็นสมัยสุดท้ายของเขา ตลอดการบริหารงานสองสมัย ท่านมีผลงานมากมาย ทั้งตัดถนนมอเตอร์เวย์เพิ่มขึ้นให้กับอินโดนีเซียถึง 2,000 กิโลเมตร เมื่อเทียบกับเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ที่ทำไปได้แค่ประมาณ 700 กว่ากิโลเมตร และยังมีสนามบินใหม่อีก 16 แห่ง ท่าเรืออีก 18 แห่ง เขื่อนกั้นน้ำอีก 20-30 แห่ง ทั้งหมดเป็นสาเหตุทำให้เศรษฐกิจของอินโดนีเซียเติบโต และไม่ใช่แค่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเท่านั้น อินโดนีเซีย ยังเป็นแหล่งสตาร์ทอัพที่อยู่ในสเกล ยูนิเคอร์นมากกว่า 10 ราย ซึ่งในนั้นก็คือ gojek แพลตฟอร์มที่คนไทยรู้จักดี ซึ่งผู้ก่อตั้งคือนายนาเดีย มาคาริม ได้รับการตั้งแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีศึกษาธิการและเทคโนโลยี ในวัยเพียง 38 ปีเท่านั้น การเลือกใช้คนเก่ง เป็นสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้อินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ รมว.คลังของอินโดนีเซีย นางศรี มุลยานี อินดราวาตี ก็เป็น รมว.คลัง ที่ทั้งโลกให้การยอมรับ และเคยได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้ว และโดยส่วนตัวตนถือศักดิ์เหมือนกับพี่สาว เพราะสมัยที่ตนอยู่ในตำแหน่งรมว.คลัง ท่านก็อยู่ในตำแหน่ง รมว.คลัง เช่นกัน ได้มีโอกาสต่อสายพูดคุย และขอคำปรึกษาจากท่านหลาย ๆ เรื่อง ตลอดมา นี่คือการเมืองของอินโดนีเซีย ซึ่งนอกเหนือจากการใช้คนที่ถูกต้องแล้ว ยังเป็นการเมืองสมานฉันท์ สามารถเอาอดีตคู่แข่งที่เป็นผู้นำกองทัพ มาเป็น รมต.กลาโหมในรัฐบาลของตัวเองได้ และยังเป็นการเมืองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ จะเห็นได้จากเกือบทุกบทสัมภาษณ์ ของโจโกวี จะพูดถึงความกังวลที่มีต่อพี่น้องประชาชน ทางด้านเศรฐกิจ และปากท้อง เพราะฉะนั้น เราสามารถเรียนรู้จากประเทศเพื่อนบ้านของเราได้มาก ทั้งในเรื่องของ การเมืองและเศรษฐกิจในอนาคต ว่าเราจะต้องบริหารจัดการอย่างไร เพื่อความสุขและการอยู่ดีกินดีของคนไทยเรากันเอง  

สมาคมนิสิตเก่า ม.เกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ ม.เกษตรศาสตร์จัดกิจกรรมโครงการเดิน - วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN)รวมพลังเพื่อโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

​มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ 
จัดกิจกรรมรวมพลังแสดงความรักและสามัคคี ภายใต้โครงการเดิน–วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN)  กำหนดวันดีเดย์ วันที่ 15 มกราคม 2566 เวลา 6.30 น. โดยเชิญชวน นิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน บุคลากร และประชาชน ร่วมกิจกรรมพร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 รวมพลังครอบครัวเกษตรศาสตร์และประชาชน นำเงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย สนับสนุนการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ และ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล ชั้น 1 อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดงานแถลงข่าว เดิน –วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN)   โดยมี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นิสิตเก่า KU 33 อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการโครงการเดิน–วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) ให้เกียรติเป็นประธานการแถลงข่าว ร่วมด้วย ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ นิสิตเก่า KU 46 อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการโครงการเดิน-วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) และนางโสภาวรรณ มงคลธรรมากุล​ นิสิตเก่า KU 36 นายกสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการเดิน-วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) ร่วมแถลงข่าว ทั้งนี้ นายสิทธิพล ภู่สมบุญ นิสิตเก่า KU 39 อุปนายกสมาคมนิสิตเก่า ฯ ประธานคณะกรรมการดำเนินการโครงการ เดิน-วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) พร้อมด้วย กรรมการบริหารสมาคมนิสิตเก่า ฯ คณะกรรมการโครงการ ฯ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ นิสิตเก่า มก. ดร.ตระการ (ต้น) พันธุมเลิศรุจี เข้าร่วมงานแถลงข่าว

สำหรับกิจกรรม KU RUN วิ่งลั่นทุ่ง นั้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2562 และ ได้ว่างเว้นการจัดงานมาเป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด 19 เมื่อสถานการณ์โควิด คลี่คลาย จึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

โดยในปีนี้ กิจกรรม KU RUN วิ่งลั่นทุ่ง จัดขึ้นในชื่อโครงการเดิน - วิ่ง 80 ปี มก. (80th KU RUN) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 80 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเพื่อจัดหารายได้ส่วนหนึ่งสนับสนุนการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์และก่อสร้างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อีกทั้งเป็นการรวมพลังแสดงความรักความสามัคคีร่วมกันของเครือข่ายนิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน บุคลากรและครอบครัวของชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเพื่อให้ประชาชนและสังคมได้เห็นคุณค่าของการออกกำลังกาย การมีสุขภาพพลานามัยที่ดี อีกด้วย ​รูปแบบกิจกรรม KU RUN เดิน - วิ่ง 80 ปี มก. จะไม่มีการแข่งขัน แพ้ หรือ ชนะ เน้นการมีส่วนร่วม การแสดงออกถึงความรักความสามัคคี การแสดงพลังของชาวเกษตรศาสตร์ และประชาชน กำหนดจัดกิจกรรม ในวันที่ 15 มกราคม 2566 เวลา 6.30 น. พร้อมกันในทุกสนามของวิทยาเขตมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ และสนามในแต่ละจังหวัดเครือข่ายนิสิตเก่าทั่วประเทศ สำหรับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน จัดที่ สนามอินทรีจันทรสถิตย์ ระยะทาง 4.80 กิโลเมตร จุดเด่นของโครงการนอกจากการแสดงพลังความรักและความสามัคคี และส่งเสริมการออกกำลังกายแล้ว ยังมีกิจกรรมการแชร์ภาพถ่าย ณ จุดเช็คอิน และ Backdrop ตามจุดต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เพื่อเป็นการรำลึกความหลังในธีม 80 ปี มก. รวมถึงมีระบบถ่ายทอดสดสำหรับนักวิ่ง Virtual run เพื่อให้บุคลากร นิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน ได้มีส่วนร่วมในการเดิน–วิ่ง ไปพร้อมๆ กับนักวิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top