Tuesday, 8 July 2025
ค้นหา พบ 49272 ที่เกี่ยวข้อง

'ก้าวไกล' ขอทุกฝ่ายวางอคติทางการเมือง ผ่าน 'สุราก้าวหน้า' เพื่อผลประโยชน์ประชาชน

'เท่า-พิธา' แถลงขอสังคมร่วมจับตาโค้งสุดท้าย 'สุราก้าวหน้า' ร่วมส่งเสียงเรียกร้อง ส.ส. ผ่านกฎหมายปลดล็อกสุราออกจากมือคน 1% ย้ำการผ่านร่างจะเป็นชัยชนะสำหรับประชาชนทุกคนและทุกพรรคการเมือง

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. กรุงเทพ พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวเพื่อส่งสารถึง ส.ส. พรรคต่าง ๆ และสังคมไทย เพื่อขอแรงสนับสนุนร่างแก้ไข พ.ร.บ.สรรพสามิต หรือกฎหมาย 'สุราก้าวหน้า' ที่กำลังจะมีการพิจารณาวาระสุดท้าย ในวันพุธที่ 2 พ.ย. นี้

พิธา ระบุว่าสุราก้าวหน้า คือนโยบายเศรษฐกิจที่จะช่วยยกระดับราคาสินค้าทางการเกษตร ทำให้เกิดความยุติธรรมระหว่างผู้เล่นรายใหญ่และรายย่อย และการนำเข้า-ส่งออกสินค้าแอลกอฮอล์ของประเทศ เป็นผลดีต่อประชาชนทุกคน ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ เช่น มาลัยรัม ฉลองเบย์ ไอรอนบอล นิกกิ ล้านนา บางกอกว๊อดก้า ฯลฯ ซึ่งชนะการแข่งขันในระดับโลกมาแล้วหลายรายการ ทั้งที่มีกฎหมายกดทับอยู่และไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ มีการนำมาเสิร์ฟอยู่ในโรงแรม 5-6 ดาว ล้วนผลิตจากอ้อย ข้าว ขิง ตะไคร้ และผลไม้ของเกษตรกรไทย บางรายส่งออกไปถึง 17 ประเทศทั่วโลกด้วยซ้ำ

สำหรับกระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ อ้างข้อกังวลเรื่องเหล้าเถื่อนและสุขลักษณะ ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมออกเสียงคว่ำกฎหมายนั้น พิธาระบุว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ความกังวลกับสุราของชาวบ้าน ไม่เท่าเทียมกับความกังวลต่อสุราของนายทุนและสุรานำเข้า ซึ่งเรื่องของสุขลักษณะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และองค์การต่าง ๆ อยู่แล้ว ที่จะคอยมาช่วยควบคุมให้ผู้ประกอบการผลิตได้ผ่านมาตรฐาน ส่วนเรื่องของอุบัติเหตุและอัตราการดื่มสุรานั้น แน่นอนว่าจำเป็นต้องมีกระบวนการให้ความรู้ การศึกษา และการรณณรงค์ลดอุบัติเหตุจากการเมาและขับ ซึ่งภาษีจากสุราที่จะเพื่มมากขึ้นสามารถนำมาใช้เพื่อการนี้ได้

“สิ่งที่เถื่อนไม่ใช่เหล้า แต่คือกฎหมายและการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่มารังแกผู้ประกอบการ และการที่นายทุน ขุนศึก ศักดินา รวมหัวกันเพื่อทำให้เกิดการผูกขาดของอุตสาหกรรมสุรา กดทับตลาดของคนธรรมดาทั่วไปต่างหาก” พิธากล่าว

พิธา ยังได้ใช้โอกาสนี้ส่งสาสน์ไปถึง ส.ส. ต่างพรรค โดยระบุว่าเรื่องนี้เป็นชัยชนะของประชาชน ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพานิชย์อยู่ นี่คือโอกาสในการทำผลงาน เพิ่มการส่งออกสินค้าสุราไทย ทำงานร่วมกับแต่ละจังหวัดที่พานิชย์จังหวัดมีเครือข่ายอยู่ เพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรได้ ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่ดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุขอยู่ การมีผู้ประกอบการสุราระดับโลกอยู่ทั่วทุกประเทศ สอดรับกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งนโยบายสุราก้าวหน้าจะช่วยส่งเสริมในส่วนนี้ได้เช่นกัน และจะยังทำให้เกิดเม็ดเงินภาษีที่จะมาช่วยเหลือในงบประมาณด้านสาธารณสุข สำหรับการดูแลปัญหาสุขภาวะจากสุราเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย

และยังได้ส่งสาสน์ไปถึง ส.ส. จากพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่าตัวเองจำได้ดีว่าในเดือน ก.ย. 2545 รัฐบาลพรรคไทยรักไทยของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เคยจัดมหกรรมสุราไทยและโอท็อป จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระแสธารที่ส่งต่อกระบวนการปลดล็อกสุราไทยให้สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและตัวเองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์นี้ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณต่อไปให้เกิดผลสำเร็จ ในการโหวตวันที่ 2 พ.ย. นี้

สำหรับนายทุนสุรารายใหญ่ พิธากล่าวว่าไม่มีความน่ากังวลเลยในเรื่องของส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากมีข้อมูลยืนยันออกมาแล้ว ว่าประเทศต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการปลดล็อกสุรา ไม่เคยทำให้กลุ่มทุนสุราขนาดใหญ่ในประเทศไหนที่สูญเสียส่วนแบ่งตลาดเกิน 1% ขณะเดียวกันนี่คือโอการในการพัฒนาธุรกิจสุราของตัวเอง ด้วยการใช้เครือข่ายการส่งสินค้า การลงทุนร่วม สร้างหุ้นส่วน เพิ่มทุน ขยายกิจการร่วมกัน มาช่วยเหลือและต่อยอดเติบโตไปพร้อมกันได้

ในส่วนของเท่าพิภพ ระบุว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาระหว่างกระบวนการทำร่าง พ.ร.บ. นี้ ได้มีเสียงสะท้อนมาจากหลายภาคส่วน รวมทั้งระหว่างการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการโดย ส.ส. หลายคน ส่วนใหญ่เป็นความกังวลในเรื่องของมาตรฐาน อีกทั้งเมื่อไม่กี่วันมานี้ ยังมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะให้แทรกแซงให้ล้มกฎหมายฉบับนี้ ด้วยข้อกังวลเดียวกัน

ในการนี้ ตัวเองได้อธิบายไปหลายครั้งแล้ว และขออธิบายอีกครั้ง ว่าเนื้อหาในกฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงการควบคุมมาตรฐานอะไรแม้แต่น้อย และประเทศไทยก็มีกฎหมายควบคุมอย่างเข้มแข็งและเข้มงวดอยู่แล้ว ยิ่งกว่าประเทศมุสลิมบางประเทศด้วยซ้ำ ในทางกลับกัน นี่คือเรื่องที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนมาก ไม่ใช่แค่ผู้ผลิต แต่รวมถึงคนทำงานในบาร์ คนทำงานในระบบโลจิสติกส์ เกษตรกร ธุรกิจสุรามีซัพพลายเชนที่ครอบคลุมหลายส่วนและจะนำไปสู่การจ้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล

‘ตำรวจราชบุรี’ ช่วยเหลือเด็กนักเรียนชั้นป.1 หลังพลัดหลงกับรถรับ-ส่ง ระหว่างกลับบ้าน

ชื่นชมในโซเชียลที่ ตร.เมืองราชบุรี ได้ช่วยเหลือเด็กนักเรียนชั้นป. 1 อายุ 6 ขวบ หลังพลัดหลงกับรถรับส่งประจำ จนน้องต้องเดินร้องไห้จากร.ร. เพื่อจะเดินกลับบ้าน ขณะตร.พบเจอจึงเข้าช่วยเหลือจนสามารถติดต่อครอบครัว จนสามารถส่งน้องกลับบ้านจนปลอดภัย

เมื่อวานนี้ (30 ต.ค. 65) ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า ชาวโซเชียลแห่ชื่นชม ด.ต.วิเชียร มณีวิหค ผู้บังคับหมู่งานจราจร สภ.เมืองราชบุรี หลังโพสต์เรื่องราวอุทาหรณ์สอนใจผู้ปกครอง ที่ต้องอาศัยรถประจำทางรับส่งบุตรหลานไปโรงเรียน โดย ด.ต.วิเชียร ได้เล่าประสบการณ์ช่วยเหลือ น้องบอส อายุ 6 ขวบ เด็กนักเรียนชั้น ป.1/7 โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี หลังพลัดหลงกับรถรับส่งไปโรงเรียน จนเดินร้องไห้จากโรงเรียนที่ตัวเองเรียนอยู่ เพื่อจะกลับบ้านด้วยอาการหวาดกลัว เพราะน้องไม่รู้จักเส้นทางกลับบ้าน จนน้องเดินไปเจอชายคนหนึ่งและสอบถามรายละเอียด จึงพาไปพบ ด.ต.วิเชียร ที่กำลังออกตรวจพื้นที่เพื่อให้ช่วยเหลือจนทราบว่า น้องผลัดหลงกับรถรับส่ง และไม่มีเบอร์ติดต่อคนขับรถ แถมไม่มีเบอร์ติดต่อที่บ้าน จนต้องประสานงานกับทางผู้บังคับบัญชา จนสามารถนำน้องถึงมือผู้ปกครองอย่างปลอดภัย

ด.ต.วิเชียร มณีวิหค ผู้บังคับหมู่งานจราจร สภ.เมืองราชบุรี เปิดเผยว่า หลังพบตัวน้องโดยมีพลเมืองดีนำมาส่งที่ตน ตนได้พยายามสอบถามเบอร์ติดต่อทางบ้านและเบอร์คนขับรถ และลักษณะของรถรับส่ง ตลอดลักษณะรถรับส่งที่น้องนั่งมาเรียนทุกวัน แต่น้องบอสอยู่ในอาการตกใจเอาแต่ร้องไห้ด้วยความกลัว ทำให้ตนต้องพยายามปลอบ ก่อนจะพาน้องนั่งซ้อนท้ายรถจยย.ของตนขับไปตามเส้นทางที่น้องพอจำได้ เพื่อจะพาน้องไปส่งบ้าน จนผ่านไปเกือบชั่วโมงก็ยังไม่ถึงบ้านน้อง

ทำให้ตนต้องพาน้องไปที่สภ.เมืองราชบุรี เพื่อสอบถามน้องอย่างละเอียดในการติดต่อทางญาติของน้องมารับ โดยได้รับการช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชา จนได้รับแจ้งจากครูโรงเรียนว่ามีเด็กหายไป จนมีการออกตามหาตัวแต่ไม่พบ จึงประสานไปที่โรงเรียน เพื่อนำน้องไปส่งที่โรงเรียนถึงมือครูผู้สอน ก่อนจะติดต่อทางญาติให้มารับน้องกลับบ้าน ตนจึงอยากฝากเรื่องราวดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ ที่ให้ผู้ปกครอง ให้ความสำคัญและใส่ใจกับบุตรหลาน ที่ต้องนั่งรถรับส่งมาโรงเรียน ควรจะจดเบอร์โทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋านักเรียน เพื่อหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจะได้ติดต่อทางญาติได้

‘สุริยะ’ แนะคนไทย ‘ลอยกระทง’ ด้วยวัสดุธรรมชาติ รักษ์สิ่งแวดล้อม แถมช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน

กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีลอยกระทง ชวนคนไทยใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ และปล่อยโคมลอยได้มาตรฐาน มผช. ร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และกระจายรายได้สู่ชุมชน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ที่จะมาถึงนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมขอเชิญชวนคนไทยเลือกใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระทงเปลือกข้าวโพด และกะลามะพร้าวที่ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ ของไทยเพื่อร่วมกันอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยให้คงอยู่ ซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมตามนโยบาย BCG Model ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าแล้ว ยังเป็นการอุดหนุนสินค้าของคนไทย ช่วยกระจายรายได้ และกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจระดับชุมชนอีกด้วย

“กระทงจากเปลือกข้าวโพด และกระทงจากกะลามะพร้าว เป็นสินค้าชุมชนที่ผลิตโดยผู้ผลิตชุมชน และ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือ มผช. จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นสินค้าที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม มีความประณีต สวยงาม ไม่มีกลิ่นของสารเคมีสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และนอกจากจะแนะนำให้ใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติในเทศกาลลอยกระทงแล้ว ผมขอแนะนำให้ปล่อยโคมลอยที่ได้มาตรฐาน มผช. ด้วย เพราะโคมลอยที่ได้มาตรฐาน ตัวโคมจะใช้วัสดุจากธรรมชาติ มีปริมาณเชื้อเพลิง ไม่เกิน 55 กรัม ใช้เวลาในการเผาไหม้ ไม่เกิน 8 นาที ซึ่งเหมาะสมกับระยะเวลาที่โคมลอยอยู่ในอากาศ และเมื่อตกลงมาสู่พื้นก็ไม่เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ รวมทั้งให้ยึดถือปฏิบัติตามประกาศมาตรการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยของส่วนราชการในพื้นที่อย่างเคร่งครัด โดยจะควบคุมการปล่อยโคมลอยในพื้นที่เฝ้าระวัง โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้สนามบิน เพื่อไมให้โคมลอยเข้าไปติดในเครื่องบิน หรือลอยเข้าไปตกตามชุมชน ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมห่วงใยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ไม่อยากให้เกิดความเสียหายในเทศกาลแห่งความสุขนี้” นายสุริยะฯ กล่าว

นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบัน มีผู้ผลิตกระทงเปลือกข้าวโพดที่ได้มาตรฐาน มผช. อยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 4 ราย ได้แก่ 1) กลุ่มกระทงทรงธรรม 2) กลุ่มกระทงเปลือกข้าวโพดบ้านลานดอกไม้ 3) นางเตือนคนึง ราชา และ 1) นางวิรัตน์ ทวนธง และมีผู้ผลิตกระทงจากกะลามะพร้าวที่ได้มาตรฐาน มผช. จำนวน 40 ราย

‘เพื่อไทย’ แถลงแสดงความเสียใจ เหตุสะพานแขวนข้ามแม่น้ำที่อินเดียถล่ม

(31 ต.ค.65) เพจพรรคเพื่อไทย โพสต์ระบุว่า พรรคเพื่อไทยรู้สึกเศร้าและสะเทือนใจจากเหตุการณ์สะพานแขวนข้ามแม่น้ำถล่ม ที่รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 141 คน และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่เศร้าสลดอีกเหตุการณ์หนึ่งในช่วงสัปดาห์นี้

พรรคและสมาชิกพรรคขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวและพี่น้องประชาชนชาวอินเดียในช่วงเวลาที่โศกเศร้าและยากลำบากนี้

พรรคเพื่อไทย
31 ตุลาคม 2565 


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0HdoY9fUG9PkhX9o6Edbm6QiHnqcTZtr5jGmjxCsdtw8YTq5A4FNwqVJJxoLcLKvdl&id=100044569743646

‘รถไฟลอยน้ำ’ ชมเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กลับมาแล้ว การรถไฟฯ เริ่มเปิดให้บริการเที่ยวแรก 5 พ.ย.นี้

การรถไฟฯ จัดขบวนรถไฟลอยน้ำต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยว พาไปสัมผัสลมหนาวกลางเขื่อนกับขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเส้นทางกรุงเทพ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 เริ่มเที่ยวแรก 5 พฤศจิกายน นี้

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังมาถึงนี้ การรถไฟฯ ขอเชิญชวนประชาชน และนักท่องเที่ยว ร่วมเดินทางสัมผัสลมหนาวเส้นทางอันซีนหนึ่งเดียวของเมืองไทย นั่งรถไฟลอยน้ำสุดโรแมนติก กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยได้จัดขบวนรถพิเศษนำเที่ยว เส้นทางกรุงเทพ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ – กรุงเทพ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 โดยเปิดให้บริการเที่ยวแรก 5 พฤศจิกายน 2565 และเริ่มจำหน่ายตั๋วโดยสารพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อตั๋วโดยสารล่วงหน้าได้ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ หรือระบบ D-Ticket รวมถึงสามารถจองเดินทางเป็นหมู่คณะแบบเช่าเหมาคันหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย 

สำหรับประวัติขบวนรถไฟลอยน้ำ เดิมเป็นทางรถไฟสายกรุงเทพ บัวใหญ่ หนองคาย อยู่ในบริเวณลุ่มน้ำป่าสักในอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และต่อมาพื้นที่ดังกล่าวถูกพัฒนาเป็นเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตามโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อใช้กักเก็บน้ำ แก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมกับมีการสร้างทางรถไฟยกระดับขึ้นเหนือน้ำเพื่อใช้สัญจรไปยังจังหวัดต่างๆ ได้ ซึ่งเมื่อขบวนรถไฟวิ่งลัดเลาะไปตามขอบของอ่างเก็บน้ำ  และมองออกไปนอกหน้าต่างจะดูคล้ายกับรถไฟแล่นไปบนผิวน้ำ ขบวนรถไฟนี้จึงได้ชื่อว่า “รถไฟลอยน้ำ” 

ทั้งนี้ ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะเปิดให้บริการแบบเช้าไปเย็นกลับ ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดจัดในทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 รวม 24 วัน ประกอบด้วย 

วันที่ 5–6, 12-13, 19-20, 26-27 พฤศจิกายน 2565 
วันที่ 3-4, 10-11, 17-18, 24-25 ธันวาคม 2565 
วันที่ 7-8, 14-15, 21-22, 28-29 มกราคม 2566 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top