Wednesday, 9 July 2025
ค้นหา พบ 49289 ที่เกี่ยวข้อง

ชาวอุบลฯ มอบดอกไม้ขอบคุณเหล่าทหาร ที่ช่วยเหลือขับรถรับ-ส่ง ตลอดช่วงน้ำท่วม

ประชาชนที่ใช้บริการรถรับส่งข้ามเมืองคู่แฝดวารินชำราบกับอำเภอเมืองอุบลฯ ซึ่งถูกน้ำท่วมตัดขาดถนนสายหลัก รู้สึกใจหาย เมื่อรถทหารยกสูงที่แล่นรับส่ง ต้องหยุดวิ่ง หลังสถานการณ์น้ำท่วมลดลงเผยเห็นหน้าช่วยเหลือเกื้อกูลกันนานนับเดือนจนรู้สึกผูกพันเหมือนญาติพี่น้อง

สถานการณ์น้ำท่วมถนนสถิตนิมานกาล ซึ่งเป็นถนนสายหลักเชื่อมระหว่างอำเภอวารินชำราบและอำเภอเมืองอุบลราชธานี ซึ่งเป็นเมืองคู่แฝดลดลง จนรถทุกชนิดสามารถแล่นผ่านไปมาได้แล้ว ทหารและรถจากหน่วยงาน รวมทั้งจิตอาสา จึงประกาศหยุดวิ่งรับส่งประชาชนตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากให้บริการประชาชนตั้งแต่ 06.00-20.30 น. ทุกวันโดยไม่มีวันหยุด มานานร่วมเดือน

โดยทหารและจิตอาสาเหล่านี้ต้องเปลี่ยนภารกิจไปช่วยเหลือประชาชน ตามชุมชนที่ยังมีน้ำท่วมขัง ได้กลับเข้าไปอยู่ในบ้าน หลังน้ำลดลงกว่านี้ ตลอดช่วงเดือนพฤศจิกายนที่กำลังมาถึง ทำให้ประชาชนที่ใช้บริการของเหล่าทหารมานานร่วมหนึ่งเดือน นำดอกไม้มาแสดงความขอบคุณ และกล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับบริการจากบรรดาทหารของชาติ ซึ่งยังประทับใจในน้ำใจของเหล่าทหารที่มาช่วยเหลือ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมพิสูจน์ทราบเหตุพบศพชายถูกเผาเสียชีวิต พบมีอาการซึมเศร้าสะสมเป็นเวลานาน

จากกรณีเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ สภ.ประโคนชัย ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเหตุกรณีพบศพ  นายธนทัต จันทร์แก อายุ 23 ปี สภาพศพนอนคว่ำ ถูกไฟเผาไหม้ทั้งตัว บริเวณที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ เบื้องต้นไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณหลังโรงเรียนบ้านแสลงโทน ต.แสลงโทน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ รายละเอียดปรากฏตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.เจตน์สฤษฎิ์ แพ่งศรีสาร ผกก.สภ.ประโคนชัย เร่งดำเนินการตรวจสอบพิสูจน์ทราบสาเหตุการเสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวโดยด่วน โดยให้สืบสวนในช่วงเวลาเกิดเหตุโดยละเอียด เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบรายละเอียดดังนี้

ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตเพิ่งเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยพร้อมมารดาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 65 หลังจากที่ย้ายไปอยู่ที่ประเทศเยอรมันกว่า 3 ปี จากนั้นได้เดินทางไปเที่ยวที่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ก่อนจะกลับบ้านที่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ต่อมาในวันเกิดเหตุ ช่วงเย็นได้มีพยานพบเห็นผู้เสียชีวิตมีอาการเหม่อลอย และเห็นผู้ตายถือขวดเครื่องดื่มซึ่งคาดว่าบรรจุน้ำมันที่ผู้เสียชีวิตไปซื้อมาจากปั๊มน้ำมันแบบหยอดเหรียญซึ่งอยู่ใกล้บ้านของผู้เสียชีวิต จากนั้นผู้เสียชีวิตได้เดินไปที่โรงเรียนที่เกิดเหตุเพียงลำพัง ก่อนจะเกิดเหตุพบศพถูกเผาดังกล่าว

เบื้องต้นผลการชันสูตรพลิกศพของผู้ตาย แพทย์ระบุว่า มีร่องรอยถูกไฟไหม้ตลอดช่วงลำตัว และด้านล่างของศพไม่พบร่องรอยบาดแผลอื่นใดจากการถูกทำร้ายหรือถูกกระแทกจากของแข็งมีคมและไม่มีคมแต่อย่างใด สาเหตุการตาย เกิดจากไฟไหม้หลอดลมจนขาดอากาศหายใจ คาดว่าผู้ตายจะใช้น้ำมันราดตัวเองในท่านั่ง ก่อนจุดไฟเผาตัวเองจนเสียชีวิต

จากการสืบสวนเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ผู้เสียชีวิตมีปัญหาการป่วยด้วยอาการซึมเศร้ามาเป็นเวลานาน รวมถึงมีอาการทางจิตเนื่องจากผลข้างเคียงจากการใช้ยาเสพติด ต้องมีการไปปรึกษาแพทย์และทานยารักษาอาการ นอกจากนี้ยังมีปัญหากับภรรยาซึ่งเกิดอาการหึงหวงระหว่างคู่รัก และมีความขัดแย้งในครอบครัวเป็นประจำ เนื่องจากถูกพูดถึงเกี่ยวกับอาการป่วย และถูกตักเตือนในเรื่องของการใช้เงินเป็นจำนวนมาก ประกอบกับผู้เสียชีวิตได้มีการโพสต์ข้อความตัดพ้อเกี่ยวกับชีวิตของตนผ่านเฟซบุ๊ก คาดว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เสียชีวิตตัดสินใจกระทำอัตวินิบาตกรรมดังกล่าว

ลูกขวัญ เตือน Fake news ลงทะเบียนรับค่าตอบแทนจากรัฐบาล จำนวน 50,000 บาท เพื่อช่วยเหลือการว่างงานสำหรับทุกครอบครัว ผู้โพสต์โทษหนัก จำคุก 5 ปี

วันนี้ (29 ต.ค.65) เวลา 08.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับลงทะเบียนรับค่าตอบแทนจากรัฐบาล 50,000 บาท เพื่อช่วยเหลือการว่างงานสำหรับทุกครอบครัว ซึ่งทางสำนักงานประกันสังคม ไม่มีการจัดทำโครงการดังกล่าว

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ฯ กล่าวว่า ขณะนี้บนโซเชียลมีเดียได้มีการแชร์ข้อความโดยระบุ “ลงทะเบียนรับค่าตอบแทนจากรัฐบาล 50,000 บาท เพื่อช่วยเหลือการว่างงานสำหรับทุกครอบครัว” 

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center Thailand) ได้ตรวจสอบไปที่สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ ทางสำนักงานประกันสังคมไม่มีการจัดทำโครงการดังกล่าว อีกทั้งเว็บไซต์ดังกล่าวยังแอบอ้างใช้สื่อโฆษณาของสำนักงานประกันสังคม โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หลงเชื่อว่าสำนักงานประกันสังคมมีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นการทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ ซึ่งการผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสนนั้น 

ผบ.เด่น สั่งบิ๊กป๋อ ลุยประสาน ผบ.ยาเสพติด เมียร์มาร์ แก้ไขปัญหายาเสพติดเชิงรุก

ด้วยปัญหายาเสพติดในประเทศไทยมีสถานการณ์หน้าที่เป็นห่วง ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ต้องการให้แสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ  จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศอปส.ตร.)ไปพบปะหารือกับ พลตำรวจจัตวา วิน  หน่าย เลขาธิการร่วมคณะกรรมการร่วม คณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติด และผู้บัญชาการสำนักปราบปรามยาเสพติด ประเทศเมียนมาร์ และคณะ ณ เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ เมื่อวันที่ ๒๘ ต.ค.๖๕ ประเด็นในการ หารือ ๒ ประเด็น ดังนี้

ประเด็นแรก เรื่องสารตั้งต้น เนื่องจากมีการส่งสารตั้งต้นจำนวนมากซึ่งทางไทยได้รวบรวมสถิติไว้ ผ่านจากประเทศไทยเข้าประเทศเมียนมาร์ สารตั้งต้นนี้สามารถนำไปผลิตยาเสพติดประเภทยาไอซ์ และยาบ้า มีการอ้างอิงว่าสารตั้งต้นนี้นำไปใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งมีข้อมูลแน่ชัดว่าสารตั้งต้นนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ในการผลิตยาเสพติด  เช่นสารตั้งต้นชื่อ โซเดียม ไซยาไนด์ น้ำหนัก ๑ ตัน สามารถผลิตยาบ้าได้ ๒๐ ล้านเม็ด หรือยาบ้าได้ ๖๐๐ กิโลกรัม ระยะ ๔ ปี ที่ผ่านมาได้มีการเก็บสถิติการส่งออกสารตั้งต้นประเภทนี้ ผ่านประเทศไทย ปลายทางประเทศเมียนมาร์พบว่ามีจำนวนหลายเมตริกตัน 

ทางคณะเจรจาหารือทางฝ่ายเมียนมาร์ ได้ขอบคุณฝ่ายไทยที่ได้ให้ข้อมูล ถ้าไม่มีสารตั้งต้นก็ไม่สามารถผลิตยาเสพติดได้ นอกจากสารโซเดียม ไซยาไนด์ สารตั้งต้นที่น่าสนใจอีกประเภทใช้เกี่ยวกับยาเสพติดคือ คาเฟอีน โดยหน่วยปราบปรามยาเสพติดได้ให้ความสำคัญในการติดตามการใช้สารตั้งต้นทุกประเภทเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์  ปัจจุบันมีการควบคุมสารเคมีประมาณ ๓๙ ประเภท และทางเมียนมาร์ได้มีการควบคุม โดยให้มีการขออนุญาตก่อนนำเข้า มีการควบคุมจำนวนการใช้ของสารตั้งต้นและจำนวนคงเหลือ จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลบริษัทที่เกี่ยวข้องในการนำเข้าสารตั้งต้นเป็นข้อมูลเดียวกันระหว่างไทยและเมียนมาร์  ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อการป้องกันปราบปรามการนำสารตั้งต้นไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ต่อไป 

มูลนิธิตำรวจไทย-นานาชาติจัดพิธีมอบโล่เกียรติยศและเกียรติบัตร ตำรวจและเอกชนด้านองค์กรสร้างคุณประโยชน์แด่สังคม

วันที่ 29 ตุลาคม 2565 ณ ห้องบุณยะจินดา1 สโมสรตำรวจ มูลนิธิตำรวจไทย-นานาชาติ พล.ต.ท.ดร.มณฑล เงินวัฒนะ ประธานมูลนิธิฯพร้อมคณะผู้บริหารของมูลนิธิตำรวจไทย-นานาชาติ เดือนตุลาคม ซึ่งถือเป็นเดือนแห่งตำรวจ มูลนิธิตำรวจไทย-นานาชาติ  กำหนดจัดมินิคอนเสิร์ตการกุศล แนะนำมูลนิธิตำรวจไทย-นานาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นการส่งเสริมตำรวจไทยและตำรวจนานาชาติในด้านความสัมพันธ์ ด้านวิชาการ การฝึกอบรม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และส่งเสริมยกย่องคนดี และมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิตและสนับสนุนหน่วยงานตำรวจที่ปฎิบัติภาคสนามสนับสนุนสื่อการเรียนและสอนและอุปกรณ์ต่างๆ ให้แก่โรงเรียนตำรวจชายแดนในพื้นที่ห่างไกลรวมทั้งสนับสนุนทุนการศึกษานักศีกษาพยาบาลตำรวจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top