Wednesday, 25 June 2025
ค้นหา พบ 49011 ที่เกี่ยวข้อง

28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ครบรอบ 90 ปี กำเนิด ‘รัฐสภาไทย’ วันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก

28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 วันนี้ เมื่อ 90 ปีก่อน เป็นวันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก ณ ห้องโถงชั้นบนของพระที่นั่งอนันตสมาคม ถือเป็นวันกำเนิด ‘รัฐสภาไทย’

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปีพุทธศักราช 2475 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ประเทศไทย (สยาม) ได้เปลี่ยนผ่านจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ นับแต่นั้นมา ประเทศไทยก็ขับเคลื่อนไปด้วยกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนที่เรียกว่า “ผู้แทนราษฎร” ทำหน้าที่ใช้สิทธิออกเสียงในการบริหารปกครองบ้านเมืองแทนประชาชน

เวลา 14 นาฬิกา ของวันที่ 28 มิถุนายน 2475 สภาผู้แทนราษฎรได้มีการประชุมเป็นครั้งแรก ณ ห้องโถงชั้นบนของพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยจัดห้องประชุมเป็นลักษณะครึ่งวงกลมตามระนาบพื้นห้อง การประชุมเริ่มขึ้นเมื่อหลวงประดิษฐมนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) อ่านรายนามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง จำนวน 70 คน และเป็นผู้กล่าวนำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปฏิญาณตนในที่ประชุม จากนั้น เจ้าพระยามหิธร เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร ได้อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมาอ่านเปิดประชุม เสร็จแล้วจึงได้ดำเนินการประชุมต่อไป จึงถือว่าวันนั้นเป็นวันก่อกำเนิดของรัฐสภาไทยมาจนถึงทุกวันนี้

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนั้น ที่ประชุมมีมติเลือกเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก และเห็นชอบให้หลวงประดิษฐมนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนแรก รวมทั้งมีมติเลือกพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธานกรรมการราษฎร (นายกรัฐมนตรี) คนแรก จึงถือว่าคณะรัฐมนตรีได้ถือกำเนิดขึ้นในวันเดียวกันด้วย

G7 ทุ่ม 6 แสนล้านฯ ล่อประเทศกำลังพัฒนาเข้าซบ ด้านอเมริกันชน เซ็ง!! สนแต่คนนอก ไม่แคร์คนใน

การประชุมกลุ่ม G7 ในประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ (26 มิถุนายน 2022) ที่ผ่านมา ประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ครั้งที่ 48 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ (26-28 มิถุนายน 2022) ที่เมือง Schloss Elmau แคว้นบาวาเรีย ในเยอรมัน ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, แคนาดา, ญี่ปุ่น และอิตาลี ได้มีข้อตกลงร่วมกันว่า…

ทางกลุ่ม G7 จะทุ่มเงินให้กับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งคาดว่าเป็นการปล่อยกู้ ไม่ใช่การกุศล แต่เพื่อการลงทุน โดยหวังจะดึงความนิยมให้ประเทศเหล่านั้นหันมาหาซบ G7 และมองข้ามโครงการ Belt and Road หรือ เส้นทางสายไหมใหม่ของจีน ผ่านโครงการยักษ์อย่าง The Partnership for Global Infrastructure and Investment เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้กับประเทศกำลังพัฒนา ที่จะทุ่มงบประมาณลงในโครงการนี้ถึง 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยการประชุมย่อยในครั้งนี้ น่าสนใจที่ทางฟาก สหรัฐฯ ในฐานะผู้นำกลุ่ม ประกาศจะทุ่มเงินกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี เพื่อการนี้โดยเฉพาะด้วย

ถึงกระนั้น ก็มีคำถามว่า แล้วสหรัฐฯ จะไปหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหน ทางด้านทำเนียบขาวจึงได้ตอบว่า “จะเป็นการตั้งเงินงบประมาณจากรัฐบาลกลาง ประกอบกับการขอความร่วมมือจากกองทุนและธนาคารต่างๆ ไปจนถึงความร่วมมือจากภาคเอกชนยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา”

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้มีโครงการนำร่องที่ให้เงิน 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท) แก่ประเทศแองโกลา โดยเป็นการรวมเงินจากกระทรวงพานิชย์, ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งสหรัฐอเมริกา และกองทุนภาคเอกชนที่เข้าไปลงทุนในแอฟริกา

CJ Worx ปล่อย 3 อาวุธทรงพลังแห่งยุคดิจิทัล ‘คืนชีพ-ติดสปีด’ ธุรกิจให้ยอดพุ่งไวหลังโควิด

‘Sringboardgun และ Spore’ ในเครือ CJ Worx Group จัด 3 อาวุธใหม่สู้ตลาดยุค Digital พร้อมช่วยธุรกิจไทยคืนชีพ ยอดขายพุ่งไวหลังยุคโควิดซา 

เรียกได้ว่าตลอดช่วง 2 ปีมานี้ สถานการณ์โควิดได้พรากโอกาสในการสร้างยอดขายและรายได้แก่แทบทุกธุรกิจ พร้อมทั้งสร้างผลกระทบให้เกิดแผลลึกร่วมด้วยในเวลาเดียวกัน

จากข้อมูลของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า สถานการณ์ดังกล่าวได้สร้างผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยรวมถึง 58.1% 

อย่างไรก็ตามปัญหาจากโควิด ก็เป็นเพียงแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมดของปัญหาที่แท้จริงทั้งหมดของภาคธุรกิจ ซึ่งยังมีอยู่อีกมายมายในเบื้องล่าง

นั่นก็เพราะ ถึงแม้ในปัจจุบันสถานการณ์โควิดดูมีท่าทีที่ดีขึ้น แต่สถานการณ์ของธุรกิจแบรนด์ไทยกลับยังแย่ลง!!

ยอดขายที่ลดลง, ฐานลูกค้าที่หายไป, ธุรกิจชะงัก รวมไปถึงเงินทุนหมุนเวียนมีปัญหา ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะผลกระทบจากโควิด แต่อีกส่วนหนึ่งคือประสิทธิภาพของการทำตลาดที่ยังควบไม่ทันกระแส Digital บูม!!

แน่นอนว่า การตลาดแบบ Digital เป็นตัวแปรสำคัญที่แบรนด์ธุรกิจไทยคงปฏิเสธได้ยาก ในการพาธุรกิจกลับมาต่อสู้ใหม่ได้อีกครั้ง

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดปฏิบัติไล่ล่าผู้ต้องหา หลังนำอาวุธสงครามยิงถล่มบ้านคู่อริ

จากกรณีสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.65 เวลาประมาณ 23.00 น. มีคนร้ายจำนวน 2 คน นำอาวุธปืนสงครามชนิดเอ็ม 16 ยิงถล่มบ้านและรถของนายภาสกร หลินมา อายุ 38 ปี ผู้เสียหาย ขณะที่ตนเองและครอบครัวกำลังพักผ่อนภายในบ้าน ในพื้นที่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ทำให้คนในบ้านต้องพยายามหนีเอาชีวิตรอด วิ่งหลบกันชุลมุน ซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ควบคุมการปฏิบัติในการสืบสวนติดตามและจับกุมคนร้ายกรณีดังกล่าวอย่างเร่งด่วนเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่ทำให้ประชาชนรู้สึกหวาดกลัวและไม่มั่นใจความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะกลุ่มคนร้ายมีการนำอาวุธปืนสงคราม ซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงมาใช้ก่อเหตุ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ ได้ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.วัลลพ จำนงค์อาษา รอง ผบช.ภ.9,พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.สส.ภ.9, พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.สการียา ยูโซ๊ะ ผกก.สภ.ควนขนุน และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนเร่งรัดติดตามกลุ่มคนร้ายทันที

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.65 พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.9, เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ควนขนุน ได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย..

1. นายพีรพงษ์ สงวนนามสกุล อายุ 40 ปี อยู่ที่ หมู่ 3 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพยอม จ.พัทลุง ทำหน้าที่เป็นคนยิง (จับกุมตัวได้ที่ ม.1 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี)

2. นายเกียรติศักดิ์ สงวนนามสกุล อายุ 38 ปี อยู่ที่ หมู่ 13 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง  ทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาไปยังที่เกิดเหตุ (จับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ ม.8 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง) โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ 

พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนสงครามชนิด เอ็ม 16 เอ 2 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน ขนาด 5.56 จำนวน 30 นัด และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน

จากการซักถามเบื้องต้น นายพีรพงษ์ฯ ยอมรับว่าตนเองเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยตนเป็นผู้ชักชวน นายเกียรติศักดิ์ฯ ให้ขับรถพาตนไปก่อเหตุดังกล่าว ส่วนมูลเหตุจูงใจเกิดจากความโกรธแค้นที่นายภาสกรฯ ผู้เสียหาย ได้ขับรถเฉี่ยวชนกับรถของตน ในพื้นที่บ้านคลองใหญ่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 27 พ.ค.65 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกันแต่อย่างใด หลังการพูดคุยตกลงกัน นายภาสกรฯ ยอมรับที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป นายพีรพงษ์ฯ ได้พยายามทวงถาม นายภาสกรฯ กลับบ่ายเบี่ยงนิ่งเฉย ไม่ยินยอมชดใช้ นายพีรพงษ์ฯ  จึงได้ชักชวนนายเกียรติศักดิ์ฯ ร่วมกันก่อเหตุอุกฉกรรจ์ดังกล่าวในที่สุด

'ผบก.ตม.2' จัดเจ้าหน้าที่ พร้อมรับมือหยุดยาว วอนผู้โดยสารถึงสนามบินล่วงหน้า

(27 มิ.ย.65) พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 เปิดเผย ถึงมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ผู้โดยสารแน่นหนาช่วงหยุดยาว ว่า เบื้องต้นได้สั่งการกำชับมายัง พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.ชัยพร ออฟูวงศ์ ผู้กำกับการฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ให้เจ้าหน้าที่ ตม.เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ผู้โดยสารหนาแน่นช่วงเดือน ก.ค.นี้  

เนื่องจากเป็นช่วงที่จะมีผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่วันที่ 1-3 ก.ค.รวมถึงช่วงวันหยุดยาว วันที่ 13-17 ก.ค.และวันที่ 28-31 ก.ค.ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้คลี่คลายและมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อีกทั้งรัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการและข้อจำกัดต่างๆ 

เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตและดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ใกล้เคียงปกติ รวมถึงได้มีการผ่อนคลายมาตรการและข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ ให้สอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้โดยสารที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ขอให้เผื่อเวลาไว้ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง สำหรับการ Check-in กับสายการบิน การตรวจค้นสัมภาระ ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทอท.) 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top