Thursday, 10 July 2025
ค้นหา พบ 49333 ที่เกี่ยวข้อง

" ธรรมนัส” รับ ทาบ "มิ่งขวัญ-  ธีระชัย" ร่วมทีมศก.เตือน เปิดสภาฯ ระวังมือที่มองไม่เห็น ซ่อนมีดอยู่ข้างหลัง ลั่น หากเกิดอุบัติเหตุการเมือง ใช้รธน.ม. 272 วรรคสอง ดัน"นายกฯคนนอก"แก้วิกฤต ยก "บิ๊กป้อม"เป็นผู้นำประเทศได้ เหน็บ “เสี่ยเฮ้ง” ต้องเรียนรู้อีกเยอะ 

ที่ทำการพรรคเศรษฐกิจไทย อาคารยูทาวเวอร์ ถนนศรีนครินทร์  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  ส.ส.พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย  ให้สัมภาษณ์ ถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค ว่า วันนี้ไม่มีวาระพิเศษ และไม่มีไฮไลต์อะไร ส่วนเรื่องทีมเศรษฐกิจของพรรค เมื่อถึงเวลาและเรามีความพร้อมจะเปิดตัวทั้งหมด โดยเป็นคนที่เป็นมืออาชีพ และจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง400 เขตเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่มีข่าวทาบทามนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และ นาย
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง มาเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคเศรษฐกิจไทย ยืนยันว่า ทางพรรคได้ทาบทามไปจริง แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ  รวมทั้งอาจจะมีคนอื่นเพิ่มเติมอีกด้วย ส่วนจะเป็นใครนั้นของดีไม่ควรเปิดเผยก่อน มิฉะนั้น ก็จะไม่เป็นของดี  ส่วนกรณีที่มีชื่อนายทนง พิทยะ อดีตรมว.คลังนั้น พรรคไม่เคยทาบทาม 
 
ผู้สื่อข่าวถามเรื่องนายกฯสำรองมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเกิดขึ้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ ยังไม่ได้มองไปถึงจุดนั้น โดยมองไปแค่จุดเดียวคือเรื่องการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม เราต้องเตรียมพรรคให้พร้อม ส่วนเรื่องนายกฯสำรอง ตนไม่ทราบ 

เมื่อถามถึงกรณีมีบางคนเสนอชื่อให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เป็นนายกฯ จะเป็นได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส  กล่าวว่า อยู่ที่ตัวพล.อ.ประวิตร หากถามว่าสามารถเป็นนายกฯได้หรือไม่ ความจริงก็เป็นได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างอยู่ที่ตัวท่าน 

เมื่อถามย้ำว่า นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ระบุว่าให้ พล.อ.ประวิตร มาเป็นนายกฯ เพื่อแก้วิกฤต ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า นายอดุลย์ คงมีความคิดที่อยากให้บ้านเมืองเกิดความสมานฉันท์และเดินหน้าแก้ไขปัญหาในทุกๆเรื่อง ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี 

เมื่อถามว่าถึงกรณีที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเกิดอุบัติเหตุการเมืองในสภาฯ มองเรื่องบัญชีนายกฯอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในความคิดเห็นของตน คงใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค 2 สำหรับบุคคลที่จะเข้ามาแก้ไขในสถานการณ์นี้ได้ เมื่อถามย้ำว่านากยฯคนนอกคิดว่าใครมีความเหมาะสม ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เมื่อถามอีกว่า พล.อ.ประวิตร จะเข้ามากุมบังเหียนรัฐบาลได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราไม่สามารถไประบุได้ ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ 

เมื่อถามถึงกรณีที่เสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค2 หมายความว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้ รับการสนับสนุนในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะถึงใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรายังไม่ทราบว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติในเรื่องใด ตนคิดว่าไวเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ และยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะยื่นเมื่อไหร่  

เมื่อถามว่าหากให้ร.อ.ธรรมนัส วิเคราะห์เสียงในสภาฯขณะนี้เป็นอย่างไร  ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ตอนนี้ต้องพูดว่า มือที่มองไม่เห็นเยอะ  สภาฯยังไม่เปิดก็ยังไม่รู้ และเดี๋ยวสภาฯเกิดก็จะรู้ เพราะตอนนี้ทุกคนต่างซ่อนมีดไว้ข้างหลังตัวเองหมด จึงยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร" 

เมื่อถามกรณีที่พรรคเล็ก นัดกินข้าว และพูดคุยกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานในฐานะผอ.พรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนมีประสบการณ์เรื่องนี้เยอะ แต่ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ 

เมื่อถามว่า บอกว่ามีประสบการณ์กับพรรคเล็กเยอะคือด้านไหน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าลืมว่า3-4 ปีที่ผ่านมา ตนเป็นคนดีลเรื่องพวกนี้ ฉะนั้นคิดว่ารู้ดีมากกว่าใคร มากกว่าคนที่พยายามเสนอตัวเป็นตัวกลางในการเคลียร์เรื่องนี้   เมื่อถามย้ำว่าการที่นายสุชาติ พูดถึงเรื่องกล้วยในวงรับประทานอาหารกับพรรคเล็กเหมือนจะเป็นการเหน็บไปถึงใครหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส หัวเราะพร้อมก่อนว่า” ผมว่ารัฐมนตรีเฮ้ง ต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด" 

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นหนังม้วนใหญ่ ที่ล้มรัฐบาลได้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ เราไม่รู้ว่าแต่ละพรรคไปหารืออะไรกันบ้าง แต่ถ้าเปิดประชุมสภาในวันที่22พ.ค.นี้ ก็จะรู้ ไม่มีความลับ ตอนนี้ยังไม่รู้เพราะแต่ละพรรคซ่อนความไม่ดีเอาไว้ 

บิ๊กป้อม นั่งหัวโต๊ะ คปต. ย้ำ ลดเหตุรุนแรง-เร่งพัฒนาคุณภาพชีวิตพี่น้อง 3 จชต. 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( คปต.) ครั้งที่ 1/65  ที่ห้องประชุมสมช. เพื่อร่วมกันลดเหตุรุนแรงให้ชัดเจน และเร่งพัฒนาฟื้นฟูเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยที่ประชุมรับทราบ การดำเนินงานที่สำคัญ ประกอบด้วย 1. การแก้ไขปัญหาของกลุ่มบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฏร หรือ คนไร้สัญชาติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.) ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ จำนวน 1,675 คน  โดย พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้ ศอ.บต. เข้าไปหนุนเสริม การทำงานของ มท.ให้รวดเร็วและรอบคอบขึ้น

2.การขับเคลื่อนงานของ คกก.ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหา จชต.ในด้านต่างๆ ทั้งการรับฟังและเสริมสร้างความร่วมมือในการปฏิบัติงานและสร้างสภาพแวดล้อมหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข  การสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศในการสนับสนุนการแก้ปัญหา การเสริมสร้างและพัฒนาอาชีพ มุ่งเน้นแรงงานในพื้นที่ไปทำงาน ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย พร้อมติดตามการพัฒนาเศรษฐกิจระดับพื้นที่ ผ่านกลไกสภาสันติสุขตำบล รวมทั้งขับเคลื่อนบูรณาการการศึกษาด้วยสื่อนวัตกรรมและการเรียนการสอนหลักสูตรอิสลามศึกษาตอนต้น ไม่ให้มีความซ้ำซ้อน มีมาตรฐานและเป็นไปตามความต้องการของคนในพื้นที่ 3.ความคืบหน้าโครงการเช่าระบบป้องกันความปลอดภัยเขตเมือง ด้วยระบบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ 6 อำเภอ โดย กอ.รมน.ภาค 4 สน.บูรณาการระบบกล้องของทุกหน่วยงาน การเชื่อมโยง การปรับจุดติดตั้งให้เหมาะสมและการติดตามการซ่อมบำรุงไม่ให้ชำรุด

‘พรรคสร้างอนาคตไทย’ ดันนโยบายพลังงาน ชู โซล่าเซลล์ในครัวเรือน จุดเปลี่ยน ‘ปากท้อง-ศก.ไทย’ ที่ต้องผลักดัน

‘สนธิรัตน์’ พร้อมดันนโยบาย ‘พลังงานเพื่อทุกคน’ หนุน ให้ปชช. สามารถติดตั้งโซล่าเซลล์ ผลิตไฟฟ้าใช้เองทั่วประเทศ พร้อมขายคืนส่วนเกินให้รัฐได้ หวังแก้กฎหมายการเข้าถึงพลังงาน ให้ประชาชนสามารถเป็นเจ้าของพลังงานเพื่อสร้างรายได้ ลดค่าใช้จ่าย 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ว่าเป็นเรื่องเดียวกับปากท้องและเศรษฐกิจฐานราก หลังตกผลึกจากการลงพื้นที่ ที่ศูนย์การเรียนรู้พลังงานทดแทนโรงเรียนเชตวัน อำเภอลอง จังหวัดแพร่ เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยได้ผลสรุป ดังนี้…

1.) พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครัวเรือน
2.) การส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งพลังงานจะช่วยต่อยอดให้เกิดรายได้ที่ชุมชนและฐานราก
3.) การเชื่อมการเข้าถึงพลังงานและการพัฒนาอาชีพท้องถิ่น จะนำมาซึ่งความเข้มแข็งทั้งในส่วนของชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากของประเทศได้ในที่สุด

บก.ทท. ทำพิธีรับกำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 ชุดที่ 2 กลับประเทศไทย

กองบัญชาการกองทัพไทย จัดพิธีรับกำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 ชุดที่ 2 จำนวน 135 นาย ที่เสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (UNMISS) และเดินทางถึงประเทศไทยโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำขององค์การสหประชาชาติ โดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.)  มอบหมายให้ พล.ท.ชิดชนก  นุชฉายา เจ้ากรมยุทธการทหาร เป็นผู้แทนอ่านสารต้อนรับกำลังพล ของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในพิธีรับกำลังพล ผลัดที่ 2 กลับประเทศไทยหลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (UNMISS) ณ สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพฯ จากนั้นจะเข้ากักกันตนเป็นระยะเวลา 5 วัน ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ณ โรงแรมนนทบุรี พาเลซ จ.นนทบุรี

ทั้งนี้ กำลังพล กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 ชุดที่ 2 จำนวน 135 นาย ได้จบการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพ United Nations Mission in South Sudan:UNMISS โดยได้เดินทางจากเมืองจูบา สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน  กลับสู่ประเทศไทย

สำหรับ กองร้อยทหารช่างของไทย ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติและองค์การต่าง ๆ ในความเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะคุณสมบัติพิเศษที่ไม่สามารถหาได้จากชาติใด ๆ ได้แก่ การปฏิบัติงานทางการช่างที่มีประสิทธิภาพ ที่ได้รับการมอบหมายจากฝ่ายวิศวกรรมประจำภารกิจ ตลอดจนการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาพัฒนาเพื่อความมั่นคงอย่างยั่งยืน ให้แก่ประชาชนชาวสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ควบคู่ไปกับการปฏิบัติภารกิจทางยุทธวิธี 

ทั้งนี้ กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 2 จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์สนับสนุนการซ่อมบำรุงอากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) ให้กับหน่วยบินรวันดา (Rwanda Aviation Unit, RWAN AVN​) ซึ่งเป็นภารกิจสุดท้าย ก่อนที่จะส่งมอบการปฏิบัติภารกิจให้กับกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 3 เพื่อสนับสนุนภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน (UNMISS) 

‘บิ๊กตู่’ ปลุกทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกซีเกมส์เวียดนาม ย้ำ!! ต้องท้าทายตัวเอง ลงสนาม ‘ต้องชนะ’

‘บิ๊กตู่’ ปลุกทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกซีเกมส์เวียดนาม ตั้งเป้า 114 เหรียญทอง ส่งพลังท้าทายตัวเอง ชี้!! ลงสนามต้องชนะ พร้อมเกาะติดส่งกำลังใจ นำชื่อเสียงกลับประเทศ

(29 เม.ย. 65) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมชาติไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อรับโอวาท โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า…

“ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ทุกคนเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ และมีโอกาสสร้างผลงานอย่างเต็มสติ กำลัง และความสามารถ เพื่อนำชื่อเสียงด้านการกีฬากลับมาสู่ประเทศให้เป็นความสุขกับชาวไทยอีกครั้ง จากข้อมูลเดิม ทราบว่าการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 30 ที่ผ่านมา ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ทีมนักกีฬาไทยสามารถสร้างชื่อเสียงคว้าเหรียญกลับบ้านได้ทั้ง 318 เหรียญ เป็นเหรียญทอง 92 เหรียญ เงิน 103 เหรียญ และทองแดง 123 เหรียญ จาก 54 ชนิดกีฬา ทีมนักกีฬาทั้งหมด 980 คน เป็นอันดับที่ 3 จาก 11 ประเทศ  

“ในนามรัฐบาล และพี่น้องชาวไทย รู้สึกภาคภูมิใจ และขอขอบคุณทัพนักกีฬาไทยทุกคน รวมทั้งครูผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มขีดกำลังสามารถ เต็มศักยภาพ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เป็นที่รู้จักและโดดเด่นในด้านการกีฬาในภูมิภาคอาเซียนเสมอมา ปีนี้เราตั้งเป้าไว้ 114 เหรียญทอง จาก 40 ชนิดกีฬา มีนักกีฬา 108 ราย และครูเจ้าหน้าที่อีก 300 กว่าคน วันนี้ขอชื่นชมนักกีฬาทุกคนทั้งหมดที่ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top