Wednesday, 9 July 2025
ค้นหา พบ 49310 ที่เกี่ยวข้อง

‘รัฐบาล’ แจงเหตุไทยไม่ได้สิทธิวัคซีนฟรีจาก COVAX ระบุ เป็นประเทศมีรายได้ระดับปานกลาง ไม่เข้าข่ายได้ของฟรี ยันเจรจาผู้ผลิตตรงเหมาะสมแล้ว เพราะมีความยืดหยุ่นกว่า สามารถต่อรองราคาและเงื่อนไขได้โดยตรง

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่าไทยตกขบวนรับวัคซีนฟรีจากโครงการโคแวกซ์ หรือ COVAX (Covid-19 Vaccines Global Access Facility หรือโครงการเพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ระดับโลก) ว่า โครงการ COVAX นั้นเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations: CEPI), องค์กรกาวี (Gavi, the Vaccine Alliance) และองค์การอนามัยโลก ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกอย่างเท่าเทียมกัน

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ส่งหนังสือแสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมตั้งแต่ช่วงต้นของโครงการแล้ว แต่เนื่องจากกรอบการจัดสรรวัคซีนและข้อตกลงการจองวัคซีนที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลกในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงต้นของการพัฒนาวัคซีนทั้งสิ้น ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าทำการจองไปแล้ว จะยังไม่ทราบว่าวัคซีนที่จองไปแล้วนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ การตัดสินใจของรัฐบาลเป็นการตัดสินใจอย่างรอบคอบท่ามกลางข้อจำกัดและบริบทหลายด้าน ผ่านคณะทำงานที่กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งขึ้น ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในและนอกกระทรวง ทั้งด้านวิชาการ กฎหมาย การเงิน เพื่อร่วมกันพิจารณาเงื่อนไขของการทำข้อตกลงสั่งจองวัคซีน จึงเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานระหว่างผลประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพราะอาจจะไม่ได้รับวัคซีนหากการพัฒนาไม่สำเร็จ ล่าช้า และจำเป็นต้องเสียเงินค่าจองล่วงหน้า

นอกจากนี้ หากประเทศในอาเซียนที่จัดอยู่ในระดับที่มีรายได้ปานกลางจนถึงระดับสูง อย่างเช่น ไทย บรูไน สิงคโปร์ และมาเลเซีย จะไม่เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือให้ได้รับวัคซีนฟรี หรือให้ซื้อได้ในราคาถูกจากโครงการ COVAX เนื่องจากรายได้ของไทยอยู่ในระดับปานกลาง

ทั้งนี้ มี 6 ประเทศในอาเซียนที่ได้รับวัคซีนฟรี ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ประเทศไทยหากต้องการเข้าร่วมโครงการการจัดซื้อจัดหาวัคซีนผ่าน COVAX จะต้องจ่ายเงินซื้อวัคซีนเองด้วยงบประมาณที่สูงและมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก โดยเป็นการจ่ายเงินจองล่วงหน้าไปก่อน แต่ไม่ทราบแหล่งที่มาของผู้ผลิต และไม่สามารถระบุวันเวลาที่แน่ชัดสำหรับการรับวัคซีนด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อพิจารณาถึงข้อจำกัดที่มีทั้งหมดในการเข้าร่วมโครงการ COVAX แล้ว การที่ประเทศไทยทำความตกลงซื้อวัคซีนโควิด-19 จากผู้ผลิตโดยตรง จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นกว่า สามารถต่อรองราคาและเงื่อนไขได้โดยตรงกับผู้ผลิต

‘สถานทูตจีน’ ประจำวอชิงตัน สวนเดือด หลังทำเนียบขาว ตั้งแง่ไม่เชื่อผลสืบสวนต้นตอโควิด-19 ของ WHO พร้อมเรียกร้องให้จีนเปิดเผยข้อมูลของวันแรก ๆ ในการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

เจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลงว่า มันจำเป็นที่รายงานต้องมีความเป็นอิสระและปราศจากการดัดแปลงแก้ไขจากรัฐบาลจีน สะท้อนความกังวลที่หยิบยกขึ้นมาโดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งตัดสินใจถอนสหรัฐฯพ้นองค์การอนามัยโลกจากประเด็นดังกล่าว

ซุลลิแวน เน้นว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัดสินใจอย่างรวดเร็วสำหรับนำสหรัฐฯกลับเข้าร่วมองค์การอนามัยโลก แต่บอกว่าอีกด้านหนึ่งพวกเขาก็จำเป็นต้องปกป้องความน่าเชื่อถือขององค์กรแห่งนี้เช่นกัน "การกลับเข้าร่วมองค์การอนามัยโลก ยังหมายถึงความการยกระดับองค์กรสู่มาตรฐานสูงสุด" เขากล่าว "เราแสดงความกังวลใหญ่หลวงเกี่ยวกับแนวทางสื่อสารผลการสืบสวนโควิด-19ในเบื้องต้น และมีข้อสงสัยต่างๆเกี่ยวกับกระบวนการที่ใช้สำหรับเข้าถึงผลการสืบสวน"

อย่างไรก็ตามทางโฆษกสถานทูตจีนประจำวอชิงตัน ตอบโต้กลับด้วยถ้อยแถลงที่ใช้ถ้อยคำที่แข็งกร้าว โดยบอกว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯคือผู้ทำลายความร่วมมือพหุภาคีและองค์การอนามัยโลก และไม่ควรมีหน้ามากล่าวโทษจีนและประเทศอื่นๆซึ่งสนับสนุนองค์การอนามัยโลกระหว่างวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่

โฆษกบอกว่าจีนยินดีที่สหรัฐฯตัดสินใจเข้าร่วมองค์การอนามัยโลกอีกครั้ง วอชิงตันควรให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานระดับสูงสุดของตนเองเอาไว้ แทนที่จะเล็งเป้าคอยเล่นงานประเทศอื่นๆ

เทดรอส แอดฮานอม เกรเบเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เมื่อวันศุกร์(12ก.พ.) บอกว่าทุกสมมติฐานยังคงเปิดกว้างเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโควิด-19 หลังวอชิงตันบอกว่าต้องการทบทวนข้อมูลจากคณะทำงานที่นำโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งลงพื้นที่ในจีน ดินแดนที่พบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นครั้งแรก เพื่อตรวจสอบหาแหล่งที่มาของไวรัส

คณะผู้เชี่ยวชาญที่นำโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งใช้เวลา 4 สัปดาห์ในจีน เพื่อตรวจสอบต้นกำเนิดของโควิด-19 ระบุเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว ว่าจะไม่ตรวจสอบเพิ่มเติมในข้อสงสัยที่ว่าไวรัสอาจหลุดจากห้องปฏิบัติการวิจัย เนื่องจากพวกเขามองว่ามันแทบไม่มีความเป็นไปได้เลย

ข้อสรุปดังกล่าวสวนทางกับคำกล่าวอ้างของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สงสัยว่าไวรัสอาจหลุดออกจากห้องปฏิบัติการวิจัยหนึ่งๆของจีน แต่ทางปักกิ่งปปฏิเสธอย่างหนักแน่น

จากข้อมูลของหนึ่งในทีมสืบสวน ระบุว่าจีนปฏิเสธให้ข้อมูลดิบเกี่ยวกับเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19รายต้นๆแก่คณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกที่ตรวจสอบแหล่งต้นตอของโรคระบาดใหญ่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่มันจะก่อความยุ่งยากซับซ้อนในความพยายามเรียนรู้ทำความเข้าใจว่าโรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร

โดมินิก ดไวเยอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชาวออสเตรเลียและสมาชิกคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก บอกกับรอยเตอร์สว่า คณะทำงานได้ร้องขอข้อมูลดิบเคสผู้ติดเชื้อ 174 เคส ที่จีนพบในช่วงต้นๆของการแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่นในเดือนธันวาคม 2019 เช่นเดียวกับเคสอื่นๆ แต่ได้รับกลับมาเพียงแค่รายงานสรุปเท่านั้น

"มันจำเป็นที่รายงานนี้ต้องมีความเป็นอิสระ การค้นพบของผู้เชี่ยวชาญต้องปราศจากการแทรกแแซงหรือดัดแปลงแก้ไขจากรัฐบาลจีน" ซุลลิแวนกล่าว "เพื่อให้เข้าใจโรคระบาดใหญ่ได้ดีขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับโรคระบาดใหญ่โรคถัดไป จีนต้องเปิดทางให้เข้าถึงข้อมูลของพวกเขา ในวันแรกๆของการแพร่ระบาด"
 



ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9640000014600
https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-usa-china/china-fires-back-at-washington-after-it-raises-concerns-about-who-covid-report-idUSKBN2AE00H

‘แรมโบ้’ ซัดม็อบ 3 นิ้ว พกอาวุธเข้าที่ชุมนุม พร้อมยั่วยุให้เจ้าหน้าที่ก่อเหตุ ส่วนปมแพทย์อาสาถูกทำร้ายต้องตรวจสอบภาพก่อน ชี้อาจเกิดจากการชุลมุนไม่ได้ตั้งใจทำร้าย

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะกันในการชุมนุมของกลุ่มราษฎร เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า คนไทยรู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่มีเหตุชุลมุนปาระเบิดปิงปองและวุ่นวาย แต่การชุมนุมของกลุ่มราษฎรไม่ได้ยึดหลักสันติ แม้จะบอกว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความรุนแรง แต่พิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความอดทนจนถึงที่สุดแล้ว แม้แกนนำจะประกาศยุติการชุมนุม แต่กลุ่มการ์ดและมวลชนที่เหลืออยู่ ก็ยังไม่ยอมหยุดสร้างความวุ่นวายและความรุนแรง จนเจ้าหน้าที่ต้องทำการกดดันและจับกุมได้เป็นบางคน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ตนขอฝากว่านี้คือการชุมนุมที่ถูกกฎหมายตามหลักรัฐธรรมนูญ หรือเป็นการชุมนุมที่เรียกร้องตามสิทธิเสรีภาพหรือไม่ หลายครั้งแล้วที่จัดการชุมนุมอย่างต่อเนื่องเพื่อกดดันให้ศาลปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน บ้านเมือง มีกฎหมายมีขื่อมีแป กลุ่มผู้ชุมนุมเหล่านี้ ไม่อยู่ในกฎระเบียบของบ้านเมืองเหมือนบ้านนี้เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน นักเคลื่อนไหวหลายกลุ่ม อย่าบอกว่ารัฐบาลคุกคามสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเหล่านี้มีอาวุธมีระเบิดปิงปองทำลายทรัพย์สินของราชการและลงมือก่อเหตุรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ก่อน

เมื่อถามถึงกรณีที่สังคมกำลังประณามภาพที่มีการเผยแพร่ผ่านโลกโซเชียลเป็นภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจลักษณะคล้ายรุมทำร้ายแพทย์อาสา  นายสุภรณ์ กล่าวว่า ในช่วงชุลมุนวุ่นวาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศตลอดว่าขอให้เจ้าหน้าที่สื่อมวลชนถอยไปอยู่จุดที่ปลอดภัย บางครั้งการชุลมุนคงไม่ใช่เรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปกระทำพยาบาล แต่ในช่วงชุลมุนเราก็ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องการเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อยและภาพที่ออกมานั้นเราก็ต้องตรวจสอบว่าเกิดข้อผิดพลาดอย่างไร แต่การชุมนุมที่ก่อเหตุรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสิ่งที่ประชาชนควรประนาม

เมื่อถามว่าแกนนำได้ประกาศขีดเส้น 7 วันให้ปล่อยผู้ต้องขังทั้ง 4 คน นายสุภรณ์ กล่าวว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ม็อบกลุ่มนี้พยายามกดดันตำรวจ จาบจ้วงสถาบันและกดดันอำนาจตุลาการ มันเป็นไปไม่ได้บ้านเมืองมีขื่อมีแป กฎหมายต้องเป็นกฎหมายไม่มีใครสามารถทำตามข้อเรียกร้องได้ ฝากประชาชนเมื่อเราทำตามกฎหมายแล้วคนกลุ่มนี้ก็พยายามลุกลามกฎหมายให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ตนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเอาอยู่

‘ศรีสุวรรณ’ เตรียมทวงถาม ‘บิ๊กตู่’ ลงโทษ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ สมัยเป็นนายก อบจ.สงขลา ตามที่ ป.ป.ช.วินิจฉัย หรือยัง ชี้หากไม่ลงโทษตามที่กฎหมายกำหนด อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักตรวจเงินแผ่นดินสงขลา ตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา สมัยที่มีนายนิพนธ์ บุญญามณี เป็นนายก อบจ.สงขลา และอดีตนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสงขลา กว่า  34 ล้านบาท ที่นำไปอุดหนุนให้กับสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสงขลา ประจำปีงบประมาณ 2558-2559 โดยมิชอบ 

ต่อมาคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน มีมติเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2560 ว่าเป็นการอุดหนุนเงินงบประมาณเกินอำนาจหน้าที่และเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงินฯ 2543 และต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มีหนังสือลงวันที่ 3 ก.ค. 2560 พ้องด้วยกับข้อทักท้วงของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยสรุปว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ที่มีนายนิพนธ์ บุญญามณี เป็นนายกฯ ตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสงขลาเกินอำนาจหน้าที่และการใช้จ่ายไม่ถูกต้องนั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว มีการร้องเรียนกล่าวโทษนายนิพนธ์ ไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และต่อมาเมื่อเดือน ต.ค. 2563 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิด นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในขณะดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนตาม พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด และได้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจแต่งตั้งหรือถอดถอนของผู้ถูกร้อง ดําเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอํานาจ ตาม ม.64 แห่ง พรป.ป.ป.ช.2561 ตั้งแต่ พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีวี่แววว่านายนิพนธ์ จะถูกลงโทษหรือดําเนินการทางวินัยตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 ม.160(4)(6)(8) ประกอบ ม.98(8) บัญญัติไว้ชัดเจนว่า รัฐมนตรีจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีประวัติหรือกระทำการอันมีลักษณะการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.)ตาม พ.ร.บ.มาตรฐานทางจริยธรรม 2562 ซึ่งมีอำนาจตาม ม.13 ประกอบ ม.19 ซึ่งจะต้องดำเนินการลงโทษนายนิพนธ์ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติได้ส่งเรื่องมาให้ดําเนินการทางวินัย

แต่หากเพิกเฉย นายกรัฐมนตรีก็อาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ป.อ.มาตรา 157 และหรืออาจถูกฝ่ายค้านนำไปอภิปรายในญัตติไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ได้  สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะเดินทางไปยื่นหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีว่าได้ดำเนินการลงโทษนายนิพนธ์ ตามครรลองของกฎหมายที่ ป.ป.ช.แจ้งมาแล้วหรือไม่ อย่างไร หรือนายกรัฐมนตรีจะ “เลือกปฏิบัติ” เสียเอง ในวันจันทร์ที่ 15 ก.พ.64 เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาล

อดีตเพื่อน ‘ธนาธร’ สะกิดแกนนำม็อบ 3 นิ้ว หลายฝ่ายเริ่มเอือมระอา ชี้ไม่ได้มีแค่คนเห็นต่างเท่านั้น แต่แนวร่วมและมวลชนคนกันเอง ก็เริ่มออกอาการเอือมเช่นกัน

นายพิชิต ไชยมงคล อดีตเพื่อน นายธนาธร ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวใน สนนท. ด้วยกัน ชี้ม็อบอาศัยภาพความรุนแรงซ้ำซาก เชื่อเป็นการทำลายการเคลื่อนไหว-ความเสมอภาคในระยะยาว พร้อมตั้งคำถามถึงวุฒิภาวะของผู้นำอย่าอ้างเด็ก ลั่นคนเริ่มเอือมระอา และไม่ได้มีแค่คนเห็นต่าง มันมาจากแนวร่วมและมวลชนพวกคุณเองแล้ว
 
นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตเพื่อน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวในสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ด้วยกัน ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Pichit Chaimongkol" ระบุว่า

ข้อสังเกตุหลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎรเช่นนี้ คือ

1.การ์ดทะเลาะกันเอง แกนนำควบคุมไม่ได้
2.เมื่อควบคุมไม่ได้ แกนนำ ประกาศ ยุติชุมนุม
3.หลังยุติชุมนุม แกนนำประกาศชัยชนะ หนีกลับบ้าน ไม่ยอมรับความรุนแรง แล้วออกแถลงการณ์ว่าเป็นมือที่ 3 ก่อความวุ่นวาย
4.องค์กรสิทธิ์ฯต่างๆก็จะออกมาปกป้อง
5.แต่ไม่เป็นไร การใช้ความรุนแรง เป็นเครื่องมือเพื่อลด ช่วงชั้น ตาม ศ.นิธิ ฯ กล่าวไว้
6.นักการเมืองที่เคยโหนเด็ก เพื่อเป็นเครื่องมือ ช่วงนี้ก็จะรูดซิบปาก ซักหน่อย เห่า หอน ไม่ค่อยเสียงดัง
7.พรุ่งนี้ ทีวี สื่อ แนวร่วม ก็จะเสนอความรุนแรงอีกด้าน แต่เสียงจะเบาลง
8.ผู้ใหญ่ทางจิตวิญญาณ เริ่มหายลดไปทางสังคม หรือพูดน้อยลง เพราะทิศทางลมของเด็กๆ มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
9.ระเบิดกลายเป็นเครื่องมือลดช่วงชั้น แทน มือตบ ตีนตบ นกหวีด
10.หลังจากนี้ผู้ชุมนุมถูกจับ นักวิชาการ นักกฎหมายก็จะลงชื่อเรียกร้องปล่อยตัว

การผลิตซ้ำความรุนแรงทางภาษา กริยา โดยที่สื่อ นักวิชาการ องค์กรสิทธิ์ฯ บางสำนักเหล่านี้ รับรองว่าเป็น เสรีภาพ ที่สามารถทำได้ และเป็นการแสดงออกที่ควรเคารพนั้น ถือเป็นการทำลาย การเคลื่อนไหวในระยะยาว และเป็นการทำลาย ความเสมอภาค ที่คนอื่นควรจะได้รับเช่นกัน และถือได้ว่าเป็นการช่วยยกระดับความรุนแรงให้มาใช้อาวุธมากขึ้น

วันนี้ต้องถามถึง วุฒิภาวะ ของผู้นำการเคลื่อนไหวต่อการรับผิดชอบต่อสังคม อย่าอ้างว่าเป็นเด็กเลยครับ เมื่อก้าวมานำ คุณต้องแบกรับ ผลกระทบทางสังคมจากการเคลื่อนไหวด้วย ไม่ใช่คิดจะปลุกคนออกมาทำอะไรก็ได้ อย่าปล่อยให้ อารมณ์นำเช่นนี้อีกเลย ความเอือมระอาไม่ได้มีแค่คนเห็นต่างพวกคุณ มันมาจากแนวร่วมและมวลชนพวกคุณเองแล้ว
#มาร้อยนับล้าน



ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000014616
https://www.facebook.com/100002212974152/posts/3732595033490892/?d=n


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top