Wednesday, 2 July 2025
ค้นหา พบ 49144 ที่เกี่ยวข้อง

สุทธวรรณ ก้าวไกล ถามกลับ ทิพานัน ใครกันแน่อำมหิต จ้องดึงฟ้าต่ำใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองทุกครั้งที่มีโอกาส

นางสาว สุทธวรรณ สุบรรณ ณ. อยุธยา ส.ส.นครปฐม เขต3 พรรคก้าวไกล กล่าวถึง กรณีที่นางสาว ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี และอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลดำเนินการมาอย่างถูกต้อง โปร่งใส รอบคอบ และมีการกล่าวถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้หยุดพฤติกรรมอำมหิต นำกรณีวัคซีนและชีวิตความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง

จากรณีดังกล่าว ตนเห็นว่า สาระของนางสาวทิพานันคือการจับประเด็นมาขยายความเพื่อหาพื้นที่ให้ตัวเองเท่านั้น มิได้มีประโยชน์ต่อสังคมแต่อย่างใด ทุกครั้งที่มีการสื่อสารออกมาผ่านสื่อ มีแต่ความคิดเห็นที่กล่าวโทษผู้อื่นทั้งสิ้น ความอำมหิตที่คุณ ทิพานันกล่าวนั้นดิฉันว่า คนที่อำมหิตคือผู้ที่พยายามดึงฟ้ามาต่ำต่างหาก อย่าพยามเสี้ยมสอนผู้อื่นให้รู้จักที่ต่ำที่สูง หากตัวคุณทิพานันยังดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองทุกครั้งที่มีโอกาส ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นคุณทิพานันต่างหาก ที่มีความอำมหิต

อย่างไรก็ตาม อยากให้ทำความเข้าใจในสาระสำคัญที่พรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า รวมถึงผู้อื่นที่ออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนว่า การจัดซื้อวัคซีนใช้งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีประชาชน หากจะมีการตั้งคำถามเป็นเรื่องปกติที่เข้าใจได้ อีกทั้งยิ่งมีการตั้งคำถาม รัฐบาลเองยิ่งต้องเปิดเผย ชี้แจงต่อสาธารณะให้ได้ ยิ่งเปิดยิ่งโปร่งใส วัคซีนที่รัฐบาลจัดซื้อเข้ามาเป็นความหวังของพี่น้องประชาชน เป็นทางออกวิกฤติในครั้งนี้ ดังนั้นหน้าที่ของพวกคุณคือ ทำให้ชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบ มิใช่ไล่ชี้หน้าว่าเขาไม่จงรักภักดี หากมีความสงสัยเรื่องนี้

‘บิ๊กป๊อก’ เผย นายกฯ สั่งแก้ปัญหาจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุซ้ำซ้อน เบื้องต้นท้องถิ่นใช้วิธีเจรจารอมชอม ให้รับผลกระทบน้อยที่สุด พร้อมเตรียมหาวิธีทางกฎหมายที่เหมาะสม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ ว่า เรื่องทั้งหมดมีการจ่ายเงินซ้ำซ้อนกันเกิดขึ้น ซึ่งกรมบัญชีกลางเป็นผู้แจ้งมายังกระทรวงมหาดไทย หลังพบข้อมูลช่วงปลายปี 62 ว่ามีการจ่ายเงินผู้สูงอายุซ้ำกับคนที่เขารับเงินอื่นๆไปแล้ว พบผิดระเบียบกว่า 1.5 หมื่นคน ในหลายๆกรณี

ทั้งนี้ เป็นเรื่องทางกฎหมายที่ไม่สามารถทำได้ ส่วนกระแสที่เกิดขึ้นเพราะมีการไปสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ ที่ลูกเสียชีวิต และเขาก็ได้รับเงินซ้ำซ้อน ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้วก็จะหาทางออกด้วยกฎหมาย โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกัน

ขณะนี้เบื้องต้นเราหาทางออกด้วยวิธีเจรจารอมชอม เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่ทางกฎหมายได้มีคำสั่งให้หาวิธีที่เหมาะสม ต้องดูรายละเอียดกฎหมายว่าจะแก้ไขอย่างไร ในขั้นต้นท้องถิ่นใช้วิธีเจรจาไปก่อน

รมว.แรงงาน จ่อถกคลัง เยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 พิจารณารูปแบบการเยียวยา รอหารือข้อสรุปที่ชัดเจน เผย มีวินัยทางการเงินการคลังอย่างดี พร้อมจะพยุงช่วยเหลือทุกคนตามสิทธิที่ประโยชน์ที่ควรได้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการเรียกร้องให้เยียวยากลุ่มแรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะมีมาตรการเยียวยาหรือไม่ ว่า ผู้ประกันตนมาตราดังกล่าวมีประมาณ 11 ล้านคน ซึ่งขณะนี้เรากำลังดูว่ารูปแบบที่กระทรวงการคลังจ่ายเยียวยามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง ส่วนรายละเอียดขอให้รอผลสรุปก่อน

เนื่องจากต้องหารือกับทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมา (สศช.) ถึงรูปแบบและวิธีการและต้องหารือกับรมว.คลัง เนื่องจากงบประมาณที่จะใช้ดำเนินงานจะเป็นของกระทรวงการคลัง แต่ขณะนี้มีแนวโน้มสัญญาณที่ดี โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็เป็นห่วง จึงให้ไปหาวิธีการในการช่วยเหลือ

"มีนักการเมืองที่อาจจะไม่เข้าใจระบบประกันสังคม ไม่เข้าใจรัฐบาลแล้วบอกว่ารัฐบาลไม่เคยช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานทั้งที่รัฐบาลอุดหนุนเงินกองทุนประกันสังคมปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยไปอยู่ในกองทุนว่างงาน และกองทุนชราภาพ ซึ่งกลับไปให้กับผู้ใช้แรงงาน ที่ผ่านมาในอดีตกองทุนประกันสังคมได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 2.75 % แต่รัฐบาลที่ผ่านมาติดค้างยาวนานมูลค่าเป็น 1 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลนี้ได้อุดหนุนและใช้หนี้เก่าให้กองทุนมีสภาพคล่องมากขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน" นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวว่า ในการระบาดของโควิด-19 รอบแรกใช้เงินประกันสังคม 62% ในการช่วยเหลือแรงงานกว่า 9 แสนคน ครั้งนี้รัฐบาลก็พยายามที่จะช่วยเหลือเยียวยา โดยล่าสุดรัฐบาลจ่ายไปอีก 3 หมื่นกว่าล้านบาทให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบและปิดกิจการ โดยคำสั่งของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด ดังนั้นผู้ประกันตนในระบบไม่ต้องเป็นห่วง เรามีวินัยทางการเงินการคลังอย่างดีและจะพยุงช่วยเหลือทุกคนตามสิทธิที่ประโยชน์ที่ควรได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ทางกระทรวงแรงงาน จะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณารูปแบบการเยียวยา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะจ่ายเป็นเงินให้กับผู้ประกันตน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย และมีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งสอดคล้องกับเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจ่ายเยียวยา 7,000 บาท ทั้งนี้กรอบวงเงินที่จะเยียวยาจะต้องหารือถึงให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

คงต้องยอมรับว่าสนามมวย เป็นอีก ‘ต้นตอ’ ใหญ่ของการระบาดโควิด-19 ในเมืองไทยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563และคนในแวดวงมวยไทยก็ถูกยัดเยียดให้เป็น ‘ต้นตอ’ ก่อโรคไปเป็นที่เรียบร้อย แม้จะไม่ใช่ทุกค่ายมวยหรือทุกสนาม

บาป ที่ไม่ได้ก่อ แต่สุดท้ายก็โดนยาแรงแบบเต็ม Max จากรัฐบาลที่ต้องสั่งปิดสนิท ทำให้หนึ่งในธุรกิจด้านหมัดมวยชั้นนำของประเทศอย่าง ‘แม็กซ์’ มวยไทย ต้องถูกหางเลขไปด้วย

เมื่อสังเวียนปิด รายได้หด โอกาสไม่เหลือ การอยู่รอดแบบไหนที่ ‘อาสิระ เตาะเจริญสุข’ บิ๊กบอส แห่ง บริษัท แม็กซ์ มวยไทย จำกัด จะต้องทำ!!

...ปรับเชิง ‘ชก’ นอกสังเวียน

...ปั้นคอนเท้นท์ออนไลน์ ประคองธุรกิจจาก ‘บาป’ ที่ไม่ได้ก่อ

‘อาสิระ เตาะเจริญสุข’ หรือ ‘เพชร’ เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ขึ้นนั่งบัลลังก์บริหาร บริษัท แม็กซ์ มวยไทย จำกัด ตั้งแต่ยังวัยไม่ถึง 20 ปี

ช่วงแรกที่เพชรเข้ามารับตำแหน่งบริหารตามคำขอของคุณพ่อณวัธ เตาะเจริญสุข เรียกว่าท้าทายอย่างมาก เพราะตลาดกีฬามวยไทยยุคนี้ทั้งแข่งขันสูง แถมตนเองก็ไม่ได้ชื่นชอบมวยเป็นทุน

แต่แววนักธุรกิจในตัวของเด็กคนนี้ ถือว่าเด่นมาก เพราะเป็นคนที่คิดสร้างสิ่งต่างๆ จาก ‘ความเป็นไปได้’ อะไรคือโอกาส อะไรคือสิ่งที่ตอบโจทย์คนและตลาดได้อย่างว่องไว

โดยก้าวแรกที่เข้าสู่ธุรกิจแม็กซ์ฯ เพชร เลือกที่จะเรียนรู้กับสิ่งที่ไม่ได้ถนัด ภายใต้ความรับผิดชอบในภารกิจที่ได้รับ จนปั้นคอนเท้นท์ แม็กซ์มวยไทย ติดลมบนแบบเฉิดฉายบนช่องทีวีชั้นนำของประเทศอย่างช่อง 8 และขยายผลไปขายลิขสิทธิ์ แม็กซ์ มวยไทย ในระดับอาเซียนและเอเชียตามลำดับ

ประเด็นที่น่าสนใจของเพชรในการปั้นแม็กซ์ฯ จนน่าจะเป็นอีกกรณีศึกษาทางการตลาดที่น่าสนใจ คือ เขามองแกนหลักของมวยไทยออกที่ว่า มวยคือความบันเทิงของผู้ชม แต่ความบันเทิงของมวยในปัจจุบัน ที่ชกกัน 5 ยก มันยังไม่สะใจ เขาจึงกล้าที่จะปรับ แม็กซ์ มวยไทย ให้เป็นมวย 3 ยก เหตุผลเพราะมวย 3 ยก จะทำให้นักมวยซัดกันได้หมดแม็กซ์ ไม่ต้องมาเต้นฟุตเวิร์คติ๊ดชึ่งให้เสียเวลา

ผลคือ แม้คนที่ไม่เคยดูมวยไทยมาก่อน ก็รู้สึกได้ถึงความมันส์ของทุกคู่ชก ที่ไหลเวียนกันขึ้นมาฟาดปากกันราว 7 คู่ต่อวัน (ตลอดสัปดาห์) จนเข้าถึงกลุ่มคนส่วนใหญ่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

เมื่อแนวคอนเท้นท์หมัดมวยโดนใจในระดับหนึ่ง คราวนี้ เพชร ก็หันมาปรับ สนามแม็กซ์มวยไทยที่ตั้งอยู่พัทยา ให้มีความแตกต่างจากสนามมวยทั่วไป ด้วยการสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตา ผ่านแต่งแสงสีเสียง และความบันเทิงเข้ามาผสมผสาน มีกิมมิคให้นักมวยเดินทักทายกับแฟนๆ มีเครื่องดื่ม อาหารจำหน่าย และเพลงประกอบสนามให้คึกกคักอย่างเร้าใจ ซึ่งให้อารมณ์ของการเป็น Sport Complex มากกว่าเวทีมวยทั่วไปภายใต้เวลาไพรม์ไทม์ที่ 18.00-20.00 น.

สีสันเหล่านี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากๆ ของแม็กซ์ฯ เพราะทำให้ช่อง 8 ของเฮียฮ้อ ที่เดิมให้แม็กซ์ฯ ออนแอร์ช่วงวันอาทิตย์นั้น หันมาออนแอร์ให้ช่องทุกวัน เนื่องจากมองเห็นความเป็น ‘ซุปเปอร์คอนเท้นท์’ ที่สามารถเรียกฐานผู้ชมในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่า เพชร เองก็ตอบรับจากช่อง 8 แบบไม่ลังเล แต่เขาก็คิดอยู่ในใจว่าโจทย์นี้มันก็ไม่ง่าย เพราะการออนแอร์ทุกวัน นั่นเท่ากับคนก็จะเห็นการชกแบบเดิมๆ ทุกวัน แล้วมันจะทำให้คนดูแอบเบื่อหรือไม่?

เมื่อเป็นเช่นนั้น กลยุทธ์การทำมวย 7 วันให้คนดูติดตลอดทั้งสัปดาห์จึงเกิดขึ้นในหัวของเขา

เพชร เลือกปรับรูปแบบการชกทั้งหมด โดยใส่ ‘ธีม’ เข้ามาในแต่ละวัน ดังนี้

    • จันทร์ - อังคาร The Fighter เฟ้นหานักมวยใหม่

    • พุธ – พฤหัสบดี The Global Fight แชมป์ชนแชมป์ของรุ่นน้ำหนักนั้นๆ

    • ศุกร์ The Battle ค่ายชนค่าย

    • เสาร์ The Champion ต่อยแบบทัวร์นาเม้นท์ จบใน 1วัน ซึ่งรายการนี้คนนิยมมาก และนักมวย 1 คน ต้องฟิตมาก ท้าทายสุดๆ เพราะเท่ากับต้องต่อยไม่ต่ำกว่า 6 ยกใน 1 วัน

    • สุดท้าย อาทิตย์ ซึ่งฮิตแบบสุดๆ กับรายการ ‘Max มวยไทย’ เป็นการพบกันระหว่างนักชก ไทย VS ต่างชาติ

เหล่านี้ช่วยให้แฟนมวยที่เข้ามาในสนาม เกิดความตื่นเต้น ติดตามชม และจดจำแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น รายการที่ออนแอร์ก็เรตติ้งดี โฆษณาเข้าเป็นกอบเป็นกำ และทำให้เกิดความอยากมีส่วนร่วมของนักชกจากค่ายต่างๆ และนักชกต่างชาติมาร่วมการแข่งขัน ซึ่งปัจจุบันมีนักมวยไหลเวียนบนแม็กซ์มวยไทยมากถึง 1,500 คนกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ‘พายุฝน’ หลังฟ้าใส ก็ย่างกรายเข้ามา เมื่อโควิด-19 ระบาดหนักในเมืองไทย ซึ่งเพชรได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ช่วงนั้นว่า...

“ผมจำได้ว่าช่วงนั้นมีการแพร่ระบาดที่ค่ายมวยในเมืองกรุงและรอบข้าง รัฐบาลจึงสั่งไม่ให้จัดทุกสนาม ถึงแม้ว่านักมวยที่วนเวียนอยู่ในค่ายของผมจะไม่มีส่วนข้องเกี่ยว เพราะผมคุมเข้มไม่ให้ไปต่อยข้ามเวทีอยู่แล้ว แต่ปิดก็คือปิด

“ตอนนั้น ผมเองก็ยังไม่กังวลอะไรมาก เพราะคิดว่าหยุดแข่งสักพัก ก็ยังมีเทปมารีรันไปออนแอร์ ซึ่งทางช่อง 8 ก็กรุณาให้ออนแอร์ เพราะไม่อยากให้รายการของเราหายไปจากหน้าจอ

“แต่สิ่งที่ผมรู้สึกแย่มากๆ คือ นาทีนั้นภาพลักษณ์ของวงการมวยถูกครหาหนัก นักมวยในค่ายผม ไปกินข้าว เจ้าของร้านข้าวยังไล่กลับเลย เพราะเป็นนักมวย ทำไมถึงเกลียดนักมวยทั่วประเทศเหล่านั้น พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ไม่ควรเหมารวม เพราะในความเป็นจริงนักมวยทุกคนไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้น เรียกว่าตอนนั้นเจอแต่เรื่องเกินจินตนาการจริงๆ แต่อย่างว่าเราทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องอยู่นิ่งๆ รอจังหวะกลับมา”

แน่นอนว่าธุรกิจต้องมีรายได้ แต่เมื่อโควิดทำให้เวทีแม็กซ์มวยไทยต้องปิด และช่วงนั้นรายได้ของแม็กซ์ก็มาจาก 2 เส้นเลือดใหญ่ ได้แก่ จากโฆษณาที่ออนแอร์ในช่องทีวี และรายได้จากการขายบัตรแก่ผู้เข้าชม ทำให้ เพชร บอกตรงๆ กับ The States Times ว่า รายได้ในช่วงนั้น ‘จาก 100 เหลือ 0’ ทันที

“ตอนนั้นทุนผมยังมี ก็ยังประคองธุรกิจไป เน้นใช้จ่ายประหยัดเอา (หัวเราะ) และเราก็หากิจกรรมยามว่าง เช่น บริจาคอาหารให้กับชาวบ้านในท้องถิ่น และก็ทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยให้ทีมงานและนักมวยได้มีกิจกรรมทำแทน

“จากนั้นข่าวดีก็มา พอเข้าถึงเดือนสิงหาคม 2563 โควิดเริ่มจาง รัฐบาลก็ไฟเขียวให้เปิดสนามมวยได้อีกครั้ง แต่ก็จัดได้แบบไม่ปกติ ต้องมีข้อบังคับจากกระทรวงสาธารณสุข นักมวย กรรมการ เจ้าหน้าที่ต้องมีใบรับรองแพทย์ ซึ่งเราก็ทำตามเงื่อนไขเต็มที่ และก็ยังเข้มงวดกันเองทั้งพนักงานและนักมวย ให้กักตัวก่อนมาทำงาน มีการทำซุ้มทางเข้า มีการเว้นระยะห่าง และมีหมอเข้ามาตรวจตลอด

“แต่ผมก็ต้องบอกตามนี้ว่า รายได้มันไม่กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งผมก็พอเข้าใจได้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังเข้ามาไม่ได้ ความคึกคักแบบวันเก่าๆ มันก็ยังกลับมาไม่สุด”

เปิดเวทีได้ไม่นาน ในปลายเดือนธันวาคม 2564 ก็เป็นอีกช่วงเวลาที่คราวนี้ เพชร เริ่มกุมขมับอย่างจริงจัง หลังจากเกิดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ รอบนี้สนามมวยถูกสั่งปิดเหมือนเคย

ยอมแพ้ คือ ล้ม!! นั่นคือสิ่งที่ เพชร บอกกับตัวเอง ในรอบนี้ และจากประสบการณ์ปิดธุรกิจในรอบแรกของโควิดระบาด บอกกับ เพชร ว่า ‘มีอะไรก็ต้องทำไปก่อน’

เขาไม่ยึดติดกับคอนเท้นท์ยิ่งใหญ่บนสังเวียนมวย แต่พยายามหาวิธีต่อยอดสิ่งที่มีเพื่อสร้างโอกาสใหม่ขึ้นมา

“งวดนี้ผมบอกก่อนว่าลำบากเกินจินตนาการในการจะรอโอกาสให้แม็กซ์มวยไทยกับมาฟุตเวิร์คได้เหมือนเดิม ผมจึงคิดแบบเร็วๆ และไม่รอ โดยมองวัตถุดิบของคอนเท้นท์จากแม็กซ์มวยไทย ที่มีเยอะมากมาปรับทำอะไรไปก่อน โดยเริ่มต้นจากการทำแฟนเพจ Facebook: MAX Muay Thai และ ช่อง YouTube: MAX Muay Thai Official ซึ่งผมใช้วิธีคัดเลือกคอนเท้นท์เพื่อมาขยี้เป็นไฮไลท์ เช่น นักมวยคนนี้ดัง ก็นำเอามาทำไฮไลท์ หรือช็อตเด็ดต่างๆ ก็นำมาทำเป็นรวมสุดยอดคอนเท้นท์ด้านนั้นด้านนี้

“ผลปรากฎ คือ มีคนชอบเป็นจำนวนมาก และเราก็ได้ฐานคนดูเพิ่มมามหาศาล เพราะส่วนหนึ่งอาจจะเพราะ การวางฐานให้มวย 3 ยกของเราซัดกันมันส์ มันช่วยให้เรามีคอนเท้นท์ดีๆ อยู่ในมือเพียบ และบางคนที่อาจจะไม่เคยเห็นคอนเท้นท์เก่าๆ เหล่านี้ ก็นำมาแชร์กันต่อจนเกิดเป็นปากต่อปาก ผลลัพธ์ คือ ยอดผู้ติดตามทั้ง 2 ช่องทางของเราทะลุหลัก 7 แสนในช่วงเวลาไม่กี่เดือน จนกล้าเคลมว่ารายการกีฬาออนไลน์ที่เกี่ยวกับมวยในเมืองไทย ของเราเป็นเบอร์ 1 และเราเชื่อว่าปลายปีนี้จะมีผู้ติดตามทั้ง 2 ช่องทางหลักล้านอย่างแน่นอน”

อย่างไรก็ตาม แม้การปั้นช่องทางออนไลน์เข้ามาเสริมในช่วงวิกฤติโควิดจะพาธุรกิจแม็กซ์ฯ ให้มีที่ยืนใหม่ได้ และพอจะเป็นแสงสว่างแก่เพชร แต่เขาก็มองว่าอาจจะไม่ได้ใหญ่มากพอจะช่วยให้ประคองธุรกิจและบริษัทได้ในระยะยาว เพราะสุดท้ายคนติดแม็กซ์มวยไทย ที่ความเร้าใจแบบสดๆ ซึ่งเขาก็หวังว่าวิกฤตินี้จะผ่านไปแล้วได้กางผ้าใบอีกรอบโดยเร็ว

สำหรับบรรยากาศในเมืองพัทยา ณ ปัจจุบัน เพชร ได้ทิ้งท้ายคำเดียวสั้นๆ ว่า ‘เงียบ’ โดยจำนวนนักท่องเที่ยว 100% คิดเป็นคนไทย 20% ที่เหลือชาวต่างชาติ เช่น จีน 50% แล้วก็ฝรั่งอีก 30% ตอนนี้หายเรียบ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ แต่เขาก็เชื่อว่าถ้ารัฐบาลเปิดให้นักท่องเที่ยวมาไทยได้ ผู้รับชมคงกลับมาเยี่ยมแม็กซ์ฯ แน่นอน เพราะมั่นใจในแบรนด์ที่ทำไว้อย่างแข็งแรง

“ผมเชื่อว่าตอนนี้คนไทยทุกคน ธุรกิจทุกธุรกิจ ลำบากหมด แต่อยู่ที่เราจะยอมแพ้ไหม? อย่างผมเองไม่อยากแพ้ และยิ่งไม่อยากแพ้ให้คนรอบข้างเห็นด้วย เพราะเขาจะหมดกำลังใจหากเห็นเราล้ม ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง อะไรที่ทำได้ทำไปเถอะ อย่าล้มไปตามสถานการณ์” เพชร ทิ้งท้าย


ติดตามคลิปสัมภาษณ์ฉบับเต็ม

เพชร – อาสิระ เตาะเจริญสุข

‘บิ๊กบอส’ แห่ง บริษัท แม็กซ์ มวยไทย จำกัด

ผู้ปั้นวงการมวยไทย จนติดใจคนทั่วโลก ได้ใน ‘Game Changer เก่งพลิกเกม’

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 เวลา 23.00 น.

วันนี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ที่มีชื่อว่า สมัคร สุนทรเวช โดยได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศไทยในขณะนั้น

นายสมัคร สุนทรเวช ก้าวขึ้นสู่การเป็นนายกฯ ของประเทศไทย จากการนำพาพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2550 โดยสามารถกวาดที่นั่งในสภาได้กว่า 233 ที่นั่ง มีพรรคประชาธิปัตย์ ได้เก้าอี้ สส. ตามมาไม่ห่างกันนัก

จากนั้นในที่ประชุมสภา วาระการเลือกนายกรัฐมนตรี ได้มีการเสนอชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ผลการโหวตในครั้งนั้น นายสมัครสามารถเอาชนะไปได้ 310 ต่อ 163 เสียง งดออกเสียง 3 และไม่อยู่ในที่ประชุม 1 ทำให้นายสมัคร สุนทรเวช ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551 แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย

นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียง 223 วัน ก่อนจะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ว่ากระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ จากการรับงานเป็นพิธีกรในรายการทำอาหาร ‘ชิมไปบ่นไป’ และ ‘ยกโขยงหกโมงเช้า’ ซึ่งขัดต่อมาตรา 267 ที่ห้ามไว้ ทำให้นายสมัครสิ้นสุดการเป็นนายกฯ ในทันที ภายหลังการลงจากตำแหน่ง นายสมัครก็ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ ก่อนจะเสียชีวิตลงในวันที่ 24 พ.ย. 2552 หรือเพียงหนึ่งปีเศษ หลังการได้ขึ้นสู่เป็นผู้นำประเทศไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top