Monday, 30 June 2025
ค้นหา พบ 49099 ที่เกี่ยวข้อง

การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศปรับการเดินรถชั่วคราว ให้สอดคล้องตามสถานการณ์โควิด-19 งดเดินรถเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการน้อยหรือขบวนรถที่มีความจำเป็นไม่มากต่อประชาชน

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีนโยบายขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยง หรือชะลอการเดินทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

การรถไฟฯ จึงต้องปรับการให้บริการเดินรถใหม่ให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของ ศบค. โดยมีการงดการให้บริการขบวนรถเชิงสังคม ได้แก่ ขบวนรถธรรมดา ขบวนรถท้องถิ่น และขบวนรถชานเมืองที่ไม่ได้วิ่งให้บริการในชั่วโมงเร่งด่วน จำนวน 57 ขบวน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนการให้บริการการเดินรถในครั้งนี้ การรถไฟฯได้คำนึงถึงความเหมาะสมในการให้บริการแก่ประชาชน โดยพิจารณางดเดินรถเฉพาะเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการน้อย หรือเป็นขบวนรถที่มีความจำเป็นไม่มากต่อประชาชนและไม่ได้วิ่งให้บริการในชั่วโมงเร่งด่วน โดยการรถไฟฯ ยังมีขบวนรถโดยสารให้บริการรองรับการเดินทางของประชาชนในทุกเส้นทางอย่างครบถ้วน

อีกทั้งการรถไฟฯ ยังได้มีการดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยกำหนดจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารก่อนเข้าในพื้นที่สถานี การตั้งจุดบริการแอลกอฮอล์ล้างมือ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง พร้อมกับให้สแกนแอพพลิเคชันไทยชนะ ก่อนและหลังใช้บริการ แต่หากผู้โดยสารไม่สามารถใช้แอพพลิเคชันไทยชนะ สามารถกรอกข้อมูลการเดินทางแทนได้ สำหรับประชาชนที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย

สำหรับขบวนรถเชิงสังคมที่งดให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2564 ประกอบด้วย

สายเหนือ จำนวน 13 ขบวน

  • ขบวนรถธรรมดาที่ 207/208 กรุงเทพ – นครสวรรค์ – กรุงเทพ
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 209/210 กรุงเทพ – บ้านตาคลี – กรุงเทพ
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 211/212 กรุงเทพ – ตะพานหิน – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 303/304 กรุงเทพ – ลพบุรี – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 317/318 กรุงเทพ – ลพบุรี – กรุงเทพ
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 401/402 ลพบุรี – พิษณุโลก – ลพบุรี
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 409 อยุธยา – ลพบุรี

สายตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 18 ขบวน

  • ขบวนรถธรรมดาที่ 233/234 กรุงเทพ – สุรินทร์ – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 339/340 กรุงเทพ – ชุมทางแก่งคอย – กรุงเทพ
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 417/416 นครราชสีมา – อุดรธานี – นครราชสีมา
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 419/420 นครราชสีมา – อุบลราชธานี – ลำชี
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 423/424 ลำชี – สำโรงทาบ – นครราชสีมา
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 427/428 นครราชสีมา – อุบลราชธานี – นครราชสีมา
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 433/434 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอย
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 437/438 ชุมทางแก่งคอย – ลำนารายณ์ – ชุมทางแก่งคอย
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439/440 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอย

สายใต้ จำนวน 12 ขบวน

  • ขบวนรถธรรมดาที่ 251/252 ธนบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ – ธนบุรี
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 259/260 ธนบุรี – น้ำตก – ธนบุรี
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 261/262 กรุงเทพ – หัวหิน – กรุงเทพ
  • ขบวนรถท้องถิ่นที่ 455/456 นครศรีธรรมราช – ยะลา – นครศรีธรรมราช
  • ขบวนรถรวมที่ 485/486 ชุมทางหนองปลาดุก – น้ำตก – ชุมทางหนองปลาดุก
  • ขบวนรถรวมที่ 489/490 สุราษฎร์ธานี – คีรีรัฐนิคม – สุราษฎร์ธานี

สายตะวันออก จำนวน 14 ขบวน

  • ขบวนรถธรรมดาที่ 275/276 กรุงเทพ – ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก – กรุงเทพ
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 277/278 กรุงเทพ – กบินทร์บุรี – กรุงเทพ
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 279/280 กรุงเทพ – ด่านพรมแดนบ้านคลองลึก – กรุงเทพ
  • ขบวนรถธรรมดาที่ 281/282 กรุงเทพ – กบินทร์บุรี – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 367/368 กรุงเทพ – ชุมทางฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 379/380 กรุงเทพ – หัวตะเข้ – กรุงเทพ
  • ขบวนรถชานเมืองที่ 389/390 กรุงเทพ – ชุมทางฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ

นักลงทุนแห่จองหุ้น OR ปตท.วันแรกท่วมท้น!! ส่งผลแอปฯ - เว็บฯ 3 แบงก์ล่ม ด้าน KTB ยืนยันระบบจองซื้อหุ้น OR ทำงานได้ปกติ แจงเหตุขัดข้อง-ล่าช้า เพราะคนเข้าจองพร้อมกัน แนะทยอยจองวันอื่น ย้ำไม่มียอดจองเต็ม จัดสรรให้นักลงทุนทุกคน

จากการที่บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) ได้เปิดให้จองซื้อหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ผ่าน 3 ธนาคารใหญ่  ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ของวันนี้ (24 ม.ค. 64 ) และจะเปิดให้จองไปจนถึงเวลา 12.00 น.วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยเปิดให้จองซื้อผ่านออนไลน์ได้ด้วย นอกจากสาขาของ 3 ธนาคาร ผ่านเว็บไซต์ K-My Invest  ของธนาคารกสิกรไทย , ผ่านเว็บไซต์ Money Connect ของธนาคารกรุงไทย และผ่านโมบายแอปพลิเคชัน ธนาคารกรุงเทพ

ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มเปิดจองในเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา ทั้งเว็บไซต์ที่ให้ทำการจองซื้อหุ้น OR กับแอปพลิเคชันของ 3 ธนาคารดังกล่าว พบว่าไม่สามารถให้บริการได้ มีความล่าช้าในการใช้บริการ และบางช่วงติดขัดไม่สามารถทำรายการใด ๆ ได้ เนื่องจากมีผู้สนใจจองซื้อหุ้น OR เป็นจำนวนมาก

สำหรับการจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยนั้น ทั้ง 3 ธนาคารแนะนำให้ทำรายการในช่วงระหว่างวันที่ 26-28 มกราคม 2564 เพื่อหลีกเลี่ยงความหนาแน่นในช่วงแรก และช่วงท้ายของระยะเวลาการจองซื้อ

ทางด้านธนาคารกรุงไทย (KTB) ได้ออกมาชี้แจงว่า ระบบ Money Connect by Krungthai สามารถจองซื้อหุ้น OR ได้ตามปกติ เนื่องจากธนาคารได้เตรียมความพร้อมในการจองซื้อไว้ล่วงหน้า จึงยกระบบการบริการและเพิ่มระบบงานไอทีให้รองรับธุรกรรมการจองซื้อครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเช้าวันที่ 24 มกราคม 2564 เวลา 9.00 น. (เวลาเริ่มเปิดจองซื้อ) มีผู้ที่สนใจเข้ามาจองซื้อหุ้น OR ผ่านช่องทาง Money Connect by Krungthai พร้อมกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนรายใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาใช้บริการครั้งแรกจำนวนไม่น้อย ซึ่งต้องกรอกข้อมูลตั้งต้นสำหรับการจองซื้อหลักทรัพย์ เช่น ชื่อ ที่อยู่ วิธิการรับหลักทรัพย์ กรอกข้อมูลการลงทุนและแบบประเมินความเสี่ยงการลงทุนในระบบ ทำให้ใช้เวลาอยู่ในระบบนาน จึงอาจส่งผลให้ระบบมีความล่าช้า ทำให้ลูกค้าบางท่านไม่สามารถทำรายการได้

ทั้งนี้ จึงขอแนะนำให้ผู้ใช้บริการกด refresh และลองใหม่อีกครั้ง หรือทยอยทำรายการจองซื้อหุ้น OR ในวันอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาจองซื้อในวันนี้ เนื่องจากสามารถจองซื้อหุ้น OR ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน https://moneyconnect.krungthai.com

และจองผ่านสาขากรุงไทยทั่วประเทศ ได้จนถึงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยไม่ปิดการจองซื้อก่อนกำหนด และไม่มียอดจองซื้อเต็ม ทุกคนมีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น เพราะใช้วิธิ Small Lot First โดยจะเป็นการจัดสรรหุ้นแก่นักลงทุนที่ต้องการอย่างทั่วถึงที่สุด

 

‘ธนกร’ มั่นใจ ‘บิ๊กตู่’ รับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจได้สบาย ติงฝ่ายค้าน อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เพราะประชาชนกำลังเดือดร้อนจากโควิด-19 เชื่อชาวบ้านสนใจให้รัฐช่วยแก้ปัญหาปากท้องมากกว่า พร้อมดักคออย่าฉายหนังม้วนเก่า

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการยื่นอภิปรายไม่วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น รัฐบาลไม่ได้วิตกกังวลอะไร เพราะที่ผ่านมามั่นใจว่ารัฐบาลบริหารงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความตั้งใจที่จะทำงานให้กับประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย เป็นรูปธรรมชัดเจนประชาชนจับต้องได้

การที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นอภิปรายในครั้งนี้ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นเวลาที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก เนื่องจากขณะนี้ประเทศกำลังประสบปัญหาวิกฤตโควิด ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในหลายๆ ด้าน รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเต็มที่เพื่อให้ประเทศผ่านวิกฤติในครั้งนี้

นายธนกร กล่าวอีกว่า การใช้เวทีสภาฯ ตรวจสอบรัฐบาลเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตย ซึ่งตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่จะเป็นเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ประชาชนก็เฝ้ามองอยู่ เพราะเท่าที่ตนทราบการอภิปรายในครั้งนี้ไม่ได้มีข้อมูลใหม่อะไร เท่าที่โหมโรงมาก็เป็นเรื่องเก่า เกรงว่าประชาชนจะเบื่อหน่าย ยิ่งถ้าเอาเรื่องความล้มเหลวของการบริหารโควิด-19มาอภิปรายก็คงไม่ใช่ เพราะรัฐบาลบริหารจัดการได้ดีจนทั่วโลกชื่นชม

ส่วนการระบาดระลอกใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ก็บริหารจัดการจนสถานการณ์ผ่อนคลายลงเรื่อย ๆ และประชาชนชื่นชมที่ไม่ได้ล็อกดาวน์ อย่างน้อยก็สามารถผ่อนคลายความเดือดร้อนไปได้บ้าง เศรษฐกิจก็ไม่ได้แย่มาก อย่างไรก็ตาม เห็นพรรคร่วมฝ่ายค้านจุดพลุว่าดุเดือดเลือดพล่าน แต่คงเหมือนฉายหนังเก่า ประชาชนเดาได้ว่าตอนจบไม่มีอะไรใหม่ ระวังพระเอกตายตอนจบ

ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์สามารถชี้แจงได้ทุกเรื่องเพราะรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานโดยใช้หลักธรรมาภิบาล จึงไม่กลัวการตรวจสอบ แต่ไม่อยากให้ฝ่ายค้านใช้วาทกรรมหรือข้อมูลเท็จโจมตีรัฐบาล เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์ อยากให้อภิปรายอย่างสร้างสรรค์

พรรคประชาธิปัตย์ ระดม ส.ส.- อดีต ส.ส. เตรียมความพร้อมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. บ่ายพรุ่งนี้ โวมีผู้สนใจสมัคร ส.ก.ในนามพรรคฯ จำนวนมาก

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวเตรียมจัดทำนโยบายกรุงเทพมหานคร ว่า วันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) เวลา 14.00 น นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค กรุงเทพมหานคร ได้นัดประชุมร่วมกันระหว่าง ส.ส. อดีต ส.ส. อดีตผู้สมัคร  เพื่อหารือ ระดมความคิดเห็น ในเรื่องนโยบายกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) การเตรียมความพร้อมในเรื่องนโยบายซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการจะเข้าไปทำงานไม่ว่าจะในส่วนของ บุคคลที่จะไปทำหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะเป็นผู้บริหาร และในส่วนของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ส.ก.ซึ่งจะเข้าไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ

ทั้งสองส่วน มีความสำคัญที่จะต้องมีนโยบายเป็นหลักการทำงานพื้นฐานที่สำคัญ การระดมความคิดเห็นทุกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีหลายเรื่องที่จำต้องมีนโยบายใหม่เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด มีหลายเรื่องที่ต้องปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น และเรื่องใดที่เป็นของเดิมที่ดีอยู่แล้วก็จะมีการสานต่อและทำให้ดียิ่งขึ้น เพื่อนำเสนอนโยบายที่ดี ในการทำงานให้กับพี่น้องชาว กทม ต่อไป

นายราเมศ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เปิดให้ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ในส่วนของการเลือกตั้ง ส.ก.ได้มีผู้ที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก หลายคนเป็นคนมีศักยภาพ อยู่ใกล้ชิดทำงานให้กับพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว มีส่วนของคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจเข้ามาอาสารับใช้ประชาชนก็มีหลายคนความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรค การดำเนินการมีการดำเนินการรอบคอบ ผ่านการคิดที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม นโยบายที่จะนำไปใช้ต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครอย่างแท้จริง

 

‘เพื่อไทย’ อัดกลับ ‘แรมโบ้’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ คนเดียวก่อหนี้มากกว่า 28 นายกฯในอดีต ซัดเลิกโทษรัฐบาลอื่น กลบเกลื่อนผลงานไร้ประสิทธิภาพตลอด 7 ปีที่ผ่านมา  

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาพาดพิง รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สร้างหนี้ให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาตามใช้ว่า ความจริงประเด็นที่ถกแถลงกัน คือ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ 7 ปีไร้ประสิทธิภาพ สู้โจ ไบเดนที่ทำงาน 1 วันไม่ได้นั้นจริงหรือไม่ ก็เป็นสิทธิที่แต่ละฝ่ายจะให้ความเห็นที่แตกต่างกันกับประชาชนได้ แต่ไม่เห็นประโยชน์ที่เครือข่ายระบอบประยุทธ์ จ้องแต่จะโยนความไร้ประสิทธิภาพทั้งหมดใน 7 ปีของระบอบประยุทธ์ ว่า เป็นเพราะ 2 อดีตนายกฯ อยู่ร่ำไป พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะใช้งบประมาณแผ่นดินครบ 20,824,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2564 นับจากวันที่ยึดอำนาจและเข้าบริหารประเทศตั้งแต่ปี 2557 และได้จัดทำงบประมาณแผ่นดินมา 7 ปี แต่น่าแปลกใจที่เงินจำนวนมหาศาลนั้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้น้อยมาก เพียง 3 ล้านล้านบาทเท่านั้น

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวก่อหนี้มากกว่า 28 นายกฯ และอาจต้องใช้เวลายาวนานถึง 70 ปี จึงชำระหนี้ที่รัฐบาลประยุทธ์ก่อไว้ในช่วง 7 ปีคืนได้หมด เวลา 7 ปีนานเกินกว่าที่พล.อ.ประยุทธ์ จะหันหลังกลับไปโทษรัฐบาลใดได้ เครือข่ายระบอบประยุทธ์จะอธิบายว่าไม่ไร้ประสิทธิภาพอย่างไร ก็สื่อสารกับประชาชนไป แต่การโยนความล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพทุกเรื่องว่าเป็นเพราะรัฐบาลเก่า ที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการบริหารราชการแผ่นดินมา 7 ปี ฟังไม่ได้ ถือเป็นการอธิบายเกินจากกรอบของเรื่องไปมาก

“นายสุภรณ์มักใช้วิธีด่านายเก่า เพื่อเอาใจนายใหม่ ให้ตัวเองได้ดิบได้ดี มีความมั่นคงในหน้าที่การงาน แต่ขอให้รับรู้ว่าเป็นพฤติกรรมที่คนไทยรับไม่ได้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ใช้ผ้าขี้ริ้วสกปรกมาถูพื้น จะหวังให้พื้นสะอาดได้อย่างไร อย่าขจัดคราบสกปรก ด้วยสิ่งปฏิกูล มีข้อเท็จจริงอะไรก็สื่อสารกับประชาชนไป แต่การใช้คนต้นทุนติดลบมาอยู่ใกล้ตัว คอยแก้ต่างให้ มีแต่จะทำให้ตัวพล.อ.ประยุทธ์มอมแมมไปด้วย" นายอนุสรณ์ กล่าว

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top