Tuesday, 24 June 2025
ค้นหา พบ 48997 ที่เกี่ยวข้อง

หลังจากมีโอกาสกวาดสายตาไปอ่านความคิดเห็นในทวิตเตอร์ของคนญี่ปุ่นบางส่วน ที่กำลังเผชิญกับภาวะโควิด-19 หนักหนากว่าไทยเรามากนักนั้น

ก็ทำให้แอบตกใจในความคิดของคนในประเทศเขา เพราะถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในประเทศเพื่อยกระดับป้องกันโควิด-19 ไประดับหนึ่ง แต่วิถีการใช้ชีวิต สภาพการเดินทางในขนส่งสาธารณะก็ยังเหมือนเดิม ซึ่งพฤติกรรมต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึง ‘การ์ดตก’ จากตัวเองล้วน ๆ

คำตอบของการแพร่ระบาดแบบไม่ลด มันเลยถูกชำแหละออกว่าทำไมหลายๆ​ ประเทศถึงไม่สามารถคุมเชื้ออยู่ และไม่มีโอกาสใดๆ เลยที่จะทำให้เกิดการหยุดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในระยะเวลาอันใกล้ได้

ว่าแล้ว!! ดีดออกจากรั้วชาวบ้าน แล้วมาดูรั้วบ้านเราบ้าง​ เพราะรั้วบ้านเราก็มีวิธีคิดไม่ได้ยิ่งหย่อนไปจากประเทศเขานัก

จากโพสต์เฟซบุ๊กของ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ศิษย์เก่าสงขลานครินทร์ ผู้จัดระบบและวางยุทธศาสตร์รับมือโควิด-19 ที่ได้เคยโพสต์เนื้อหาเชิง ‘ถาม-ตอบ’ เกี่ยวกับมุมคิดของคนไทยที่เริ่ม ‘การ์ดตก’ จนเกิดความหย่อนยานในการระวังตัวให้อ่าน

ในเนื้อหา ถาม - ตอบ ของ นพ.ธนรักษ์ มันทำให้รู้สึกถึงความน่ากังวล เพราะระหว่างที่คนกลุ่มหนึ่งกลัวและหาทางระวัง แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งพร้อมจะไม่สนใจ!!

หมอถาม: คนไทยรู้มั้ยว่าเรามีโอกาสที่โควิด จะกลับมาระบาดอีก?

ไทยตอบ: รู้

หมอถาม: คนไทยกลัวมั้ย ถ้าโควิด จะกลับมาระบาดอีก?

ไทยตอบ: รู้สึกว่าคนไทยจะไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่นะ สังเกตได้จากการปฏิบัติตัว

หมอถาม: สังเกตจากอะไร?

ไทยตอบ: จากการที่คนไทยบางคนเริ่มไม่ระมัดระวัง

- ร้านค้าไม่คัดกรอง

- ร้านค้าให้ความสำคัญกับเงินมากกว่าการป้องกัน

- ร้านค้าไม่ใส่ใจที่จะไม่ยอมให้คนไม่ใส่หน้ากากเข้าร้าน

- ร้านค้าไม่ยอมบอกให้ลูกค้าใส่หน้ากาก

- ลูกค้าก็มีความสุขที่จะไม่ต้องใส่หน้ากาก

***เห็นแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้แอบ ‘เบ้ปากมองบน’ ได้เหมือนกัน เพราะหากคนไทยมีมุมคิดแบบนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โควิดจะไหลไปแบบ Super Spread และยากเกินคุม จาก ‘พฤติกรรมของคนไทย’ ล้วน ๆ

แต่อันที่จริง ลองหันมามองมุมกลับและให้ความเป็นธรรมกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นมาบ้าง ซึ่งหากวิเคราะห์กันแบบฉาบฉวย เรื่องมันก็มาจาก ‘ความอัดอั้น’ ของคนนั่นแหละ!!

...แล้วอะไรคือ ‘ความอัดอั้น’?

แม้ประเทศไทยจะได้รับคำยกย่องชมเชยในการจัดการโควิดระยะแรกเมื่อปีก่อน (2563) ได้ดี แต่อย่าลืมว่าต้นตอของการแพร่ระบาดในแต่ละครั้ง มักมีปมมาจาก ‘รอบรั้วรัฐบาล’ เข้ามาเอี่ยวเกือบทั้งสิ้น

- สนามมวย คนของใคร?

- บ่อนระยอง คนจากที่ไหน?

- และไหนจะย่านสถานบันเทิงที่เปิดกันแบบไม่เกรง พรก.

แค่จั่วหัวแบบนี้ขึ้นมา วงเป้าของการ์ดที่ตกลง ก็คงจะไม่ใช่แค่ ‘พฤติกรรมคน’ อย่างเดียว

แต่มันเกิดขึ้นจาก ‘แรงเหวี่ยง’ ของความไร้สำนึกจากคนแค่บางกลุ่มที่เร่งกระตุ้นพฤติกรรมให้คนที่เคย​ 'ใส่ใจ'​ เริ่ม​ 'หมดใจ'​ ลุกลามจนคิดสั้นแบบชาติตะวันตกที่ว่าโควิดมันก็แค่เชื้อหวัดอย่างหนึ่ง​ แล้วก็​ 'ปลดการ์ด' ตนเองลง​ แม้จะมีภัยมาเยือนถึงตัวแบบ​ 'จ่อคอหอย'​

จนเชื่อได้ว่าวันนี้น่าจะมี​ 'คนไทย'​ บางกลุ่มเริ่มอยากตั้งคำถาม 'กันเอง' ที่อาจจะดูย้อนแย้งกับสิ่งที่ นพ.ธนรักษ์ โพสต์ไว้!!

ไทยถาม: คิดว่าทหาร ตำรวจ และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ เขาจะรู้ไหมว่าโควิดมีโอกาสที่จะกลับมาระบาดอีกครั้ง?

ไทยตอบ: รู้

ไทยถาม: แล้วคิดว่าหน่วยงานเหล่านี้เกรงกลัวหรือไม่ หากโควิดจะกลับมาระบาดอีกรอบ?

ไทยตอบ: อาจจะไม่ค่อยกลัวเท่าไรนะ เพราะเคยคุมอยู่แล้วครั้งหนึ่ง รอบนี้ก็คงเอาอยู่ ลองสังเกตดูได้จากการปฏิบัติตัวก็รู้แล้ว?

ไทยถาม: สังเกตจากอะไร?

ไทยตอบ: ก็จากการที่หน่วยงานของรัฐ ทหาร ตำรวจและอื่นๆ เริ่มไม่ค่อยระมัดระวังแล้วน่ะสิ

- เอาจากเรื่องคนเข้าประเทศแล้วไม่ต้องคัดกรองในบางกลุ่ม

- หน่วยงานของรัฐเริ่มไม่ใส่ใจ และยอมให้คนไม่ตรวจคัดกรองสามารถวางแผนเดินทางเข้าประเทศได้

- แถมหน่วยงานของรัฐอนุมัติให้เข้ามาไม่ควบคุมให้ผู้มาเยือนปฏิบัติตัวตามระเบียบ

- ยิ่งไปกว่าไอผู้มาเยือนก็มีความสุขที่จะไม่ต้องคัดกรอง ไม่ต้องอยู่ในที่จัดไว้ให้ โดยเจ้าหน้าที่ก็ยินยอมให้เป็นไปตามนั้น

- และยิ่งของยิ่งไปกว่านั้น ตอนเกิดเหตุแพร่ระบาดสถานที่ต่างๆ ที่เป็นตัวระบาด ก็มาจากความหละหลวมของรัฐที่ยังปล่อยให้ไปรวมตัวกันเหมือนครั้งสนามมวยรอบแรกเกือบทั้งสิ้น

หน่วยงานของรัฐบางหน่วยไม่มีสติ ไม่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน และต่อให้บางหน่วยอยากทักท้วง ก็ไม่กล้าพอที่จะพูดอะไร

***ฉะนั้นถ้าโควิดจะหนักจนเอาไม่อยู่ในรอบนี้ มันก็มีส่วนมาจากความหย่อนยานของหน่วยงานของรัฐด้วยเช่นกัน!!***

สรุปแล้ว ถ้ามองรอบด้าน มันคือความผิดที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะทั้งจาก ‘พฤติกรรมคน’ หรือแม้แต่ ‘พฤติกรรมรัฐ’

- มันจึงไม่น่าจะใช่แค่ใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ผิด

- เพราะมัน ‘ผิดทั้งคู่’

- แต่ผิดแล้ว ผิดอีก ไม่ว่าจะใครหรือใคร อันนี้แหละน่าเขกกะโหลก ทั้งนั้น!!

อยากให้คนไทยได้เที่ยวได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย และกลับมาช่วยกันดูแลธุรกิจ/เศรษฐกิจให้สามารถพอเดินไปได้

ก็อย่า ‘การ์ดตก’ จน ‘หย่อนยาน’

ทั้ง ‘คน’ ทั้ง ‘รัฐ’...นะจ๊ะ!!

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (9 มกราคม พ.ศ.2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 212 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 10,053 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 67 ราย รักษาหายเพิ่ม 291 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 5,546 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 4,440 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 212 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากเยอรมนี 4 ราย ,ตุรกี 3 ราย ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3 ราย ,ยูกันดา 1 ราย ,สหราชอาณาจักร 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 2 ราย

เดินทางมาจากต่างประเทศ ผ่านเส้นทางธรรมชาติ

เป็นคนไทย 4 ราย สัญชาติเมียนมา 1 ราย จากเมียนมา เข้ารับการรักษาตัวใน รพ.แม่สอด

ผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 187 ราย

ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 6 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 173 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 387 ราย รักษาหายแล้ว 365 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 8.08 แสน ราย รักษาหายแล้ว 6.67 แสน เสียชีวิต 23,753 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.31 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.05 แสน ราย เสียชีวิต 537 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.29 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.13 ราย เสียชีวิต 2,812 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.84 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.49 แสน ราย เสียชีวิต 9,364 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,836 ราย รักษาหายแล้ว 58,850 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,512 ราย รักษาหายแล้ว1,357 ราย เสียชีวิต 35 ราย

ไม่ใช่แค่เมืองไทย ประเทศบรูไนก็ใช้แอปฯ ติดตามการระบาดโควิด-19 แถมจัดเต็มตรวจทุกสถานที่

คอลัมน์ เสียงจากเกาะบอร์เนียวตอนเหนือ บรูไน

ประเทศไทยมีประเด็นข่าวเรื่องการโหลดแอปพลิเคชั่น ‘หมอชนะ’ เพื่อใช้ในการติดตามและป้องกันการระบาดโควิด-19 สำหรับที่ประเทศบรูไน มาตรการในการป้องกันโควิด-19 ก็ถือว่าเข้มงวดอย่างมาก โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศบรูไน ได้แจ้งว่า มาตรฐานการป้องกันโควิด-19 ของบรูไนถือว่าเข้มข้นที่สุด มีการปิดประเทศมาตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงตอนนี้ และจะไม่เปิดประเทศจนกว่าจะมีวัคซีน

ฉะนั้น ใครจะเดินทางเข้าออกบรูไนในช่วงนี้ ต้องทำหนังสือขออนุญาต และทุกคนต้องกักตัว นอกจากนี้เวลาไปไหนก็จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชั่นที่ชื่อ bruhealth ด้วยทุกครั้ง ทุกที่ เนื่องจากจะมีการขอตรวจดูอยู่ตลอดเวลา หากใครที่ไม่สแกนผ่านแอปพลิเคชั่นตัวนี้ จะมีโทษปรับหนัก

เคยมีกรณีตัวอย่างมาแล้ว คนไทยในบรูไน เข้ามาใช้บริการร้านอาหาร จะด้วยความลืมหรือความขี้เกียจก็สุดแท้ ปรากฎว่าไม่ได้สแกนตอนเข้ามา ซึ่งตามกฎระเบียบคือ ต้องสแกนก่อนเข้าร้านทุกครั้ง ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาปิดประตูร้าน ขอเช็กมือถือทุกคน สุดท้ายลูกค้าคนไทยถูกปรับไป 100 เหรียญบรูไน

แต่ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คือทางร้านก็โดนด้วย ถูกปรับไปถึง 200 เหรียญ! นี่คือตัวอย่างของการเอาจริงเอาจังของเจ้าหน้าที่ที่ประเทศบรูไน ปฏิบัติงานกันอย่างแข็งขันมาก เพื่อไม่ให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง


อะมีนะห์

สาวไทยมุสลิม เกิดใจกลางกรุงเทพ ชีวิตผกผันแต่งงานกับหนุ่มบรูไน ตั้งรกรากปากกัดตีนถีบแต่มีความสุขดี ยังชีพกับการเผยแพร่อาหารไทย มีความรักผูกพันบ้านเกิดทุกลมหายใจ เลี้ยงลูกสองคน วันนึงจะพาลูกมารู้จักแผ่นดินที่เเม่เกิดให้มากขึ้น แนะนำเพื่อนบ้านบรูไนจากกรุงเสรีเบการ์วันให้คนไทยรู้จักมากขึ้น

10 มกราคม พ.ศ. 2559 เดวิด โบวี่ ศิลปินชื่อดังของโลก เสียชีวิตในวัย 69 ปี

ย้อนเวลาไปวันนี้เมื่อ 5 ปีก่อน โลกต้องสูญเสียศิลปินระดับตำนานไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาคือ เดวิด โบวี่ นักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงมากความสามารถชาวอังกฤษ

ผู้คนยุคใหม่อาจจะพอคุ้ยเคยกับชื่อศิลปินระดับตำนานคนนี้อยู่บ้าง แต่หากลองถามเหล่าบรรดานักฟังเพลงตัวยง น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเดวิด โบวี่ เขาเริ่มเส้นทางสายดนตรีเมื่อปี ค.ศ. 1967 โดยออกอัลบั้มเดี่ยวในแนวเพลงป๊อป-ไซคีเดลิก ที่มีความแปลกใหม่ในยุคนั้น แต่ผลงานที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก นั่นคือ ซิงเกิลเพลง Space Oddity ซึ่งเพลงนี้เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงการสำรวจอวกาศของยานอพอลโล โดยเพลง Space Oddity ทะยานขึ้นไปติดอันดับที่ 5 ชาร์ตเพลงในสหราชอาณาจักรอีกด้วย

ช่วงทศวรรษที่ 70 เดวิด โบวี่ ยังมีอัลบั้มที่ชื่อ The Rise and Fall of Ziggy Stardust and the Spiders from Mars ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นงานเพลงที่ท้าทายและสร้างกระแสความคลั่งไคล้ให้กับแฟนเพลงในยุคนั้นเป็นอย่างมาก

โบวี่ถือเป็นศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานเพลงได้แบบไม่เคยตกยุค โดยในปี ค.ศ. 2013 เขาออกอัลบั้มที่ใช้ชื่อว่า The Next Day พร้อมถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ในสาขาอัลบั้มเพลงร็อกยอดเยี่ยมในปีต่อมา ส่วนอัลบั้มสุดท้ายที่เจ้าตัวฝากผลงานเอาไว้ คืออัลบั้ม Blackstar ในปี ค.ศ. 2016

เกียรติประวัติของโบวี่นั้นมากมายจริงๆ เขาเคยติดอยู่ในอันดับที่ 29 ของชาวอังกฤษที่ยอดเยี่ยมที่สุด รวมถึงมียอดจำหน่ายอัลบั้มสูงกว่า 136   ล้านชุด และยังเคยเป็นศิลปินลำดับที่ 39 จาก 100 คน ที่นิตยสารโรลลิ่งสโตนยกให้เป็นศิลปินร็อกยอดเยี่ยมตลอดกาล

วันนี้เมื่อ 5 ปีก่อน เดวิด โบวี่ เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตับ หลังจากต่อสู้กับโรคเป็นเวลากว่า 18 เดือน ซึ่งนับถึงวันนี้ แฟนเพลงที่ติดตามผลงานก็ยังคงระลึกถึงเขาอยู่เสมอ

11 มกราคม พ.ศ. 2552 ย้อนอดีตศึกเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ที่แข่งขันกันมันส์หยด

มาแน่ปีนี้ แต่เห็นทีต้องหมดโควิด-19 เสียก่อน กำลังพูดถึง ‘การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร’ ซึ่งช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีข่าวคราว เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครกันหลายค่าย หลายราย โปรดติดตามกันให้ดี ศึกเลือกตั้งพ่อเมืองหลวงหนนี้ น่าจะมันส์ไม่แพ้ครั้งไหน

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เราขอย้อนอดีตไปเมื่อ 12 ปีก่อน วันนี้คือวันที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เช่นเดียวกัน โดยเป็นการเลือกตั้งในครั้งที่ 9 ซึ่งครั้งนั้นถูกยกให้เป็นการเลือกตั้งที่มีผู้สมัครแข่งขันกันได้คู่คี่สูสี

เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะมีผู้สมัครระดับ ‘บิ๊กเนม’ ลงแข่งขันกันหลายราย อาทิ ลีน่า จังจรรจา ที่ลงสมัครในนามอิสระ  ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ปลื้ม ลงในนามอิสระเช่นกัน แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย และ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลงในนามพรรคประชาธิปัตย์

ก่อนการเลือกตั้ง ผลโพลออกมาคู่คี่สูสี เนื่องจากแต่ละคนก็มีฐานเสียงจำนวนไม่น้อย กระทั่งถึงวันเลือกตั้งจริง ผลการเลือกตั้งออกมาว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้คะแนนไป 934,602 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 45.41 ลำดับที่สอง คือ ยุรนันท์ ภมรมนตรี ได้คะแนนไป 611,669 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 29.72 ส่วน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ได้คะแนนไป 334,846 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 16.27

สุดท้ายกลายเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่คว้าเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ไปครอง รวมทั้งยังเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพคนที่ 15 ดำรงตำแหน่งต่อมาอีก 4 ปี ก่อนที่จะลงสมัครอีกครั้งในปี พ.ศ. 2556 และสามารถเอาชนะการเลือกตั้งไปได้อีกหน ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top