Monday, 23 June 2025
ค้นหา พบ 48971 ที่เกี่ยวข้อง

โรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่น...แหล่งรวมความสนุก และสร้างให้เด็กเติบโตอย่างสร้างสรรค์

คุณพ่อคุณแม่ที่น่ารักคะ วันนี้จะพาไปส่องโรงเรียนอนุบาลของประเทศหนึ่ง เรามาทายกันเถอะว่า นี่คือการเรียนของเด็กอนุบาลในประเทศอะไร

ไม่มีการบ้าน ไม่สอนอ่านเขียน กิจกรรมคือ เล่น เล่น และเล่น ตอนเช้าวาดรูประบายสี ตอนบ่ายเต้น ตอนเย็นวิ่ง วันต่อมา ดูการ์ตูน ประดิษฐ์ของขวัญ แปะสติ๊กเกอร์ตามโต๊ะตามสมุด ปลูกผัก ทำกับข้าว เด็กอนุบาลที่นี่ทำกับข้าวเองได้ด้วย บางวันโรงเรียนพาไปเที่ยวข้างนอก ไปดูคนตกปลา ไปเล่นกับข้าวนา หรือไปดูคนท้องถิ่นแล้วแต่ว่าโรงเรียนตั้งอยู่แถวไหน ตกเย็นเด็กวิ่งเล่นกลับบ้านเอง ถ้าเด็กล้ม ครูจะยืนดูก่อน ให้เด็กลุกเอง ถ้าลุกเองไม่ได้ เพื่อน ๆ จะมาช่วย

ถึงตรงนี้แล้วทายกันได้หรือยัง ใบ้ต่ออีกนิดนะคะ

เด็กอนุบาลที่นี่ ชอบไปโรงเรียน เขาจะพกเบนโตะน้อยๆ ไปทานตอนกลางวันด้วย เด็กกล้าแสดงออก ชอบยกมือถามและตอบ ชอบแสดงความคิดเห็น เด็กมีความสุข เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ ไม่กลัวถูกผิด ชอบเรียนรู้ วางแผน ตั้งใจ มีวินัย และอดทน ทีนี้พอจะทายกันถูกมั้ยคะ 

ใช่แล้ว ที่นี่คือโรงเรียนอนุบาลในประเทศญี่ปุ่นค่ะ

ที่นี่น่าจะเป็นโรงเล่นมากกว่าโรงเรียน แต่รายละเอียดนั้นเต็มไปด้วยการฝึกฝนเด็ก ๆ และติดตามวัดผลตลอด การ์ตูนที่เด็กดูสอดแทรกเรื่องจริยธรรม สติ๊กเกอร์บนโต๊ะ ติดให้รู้ว่าโต๊ะนี้ของเรา เราต้องดูแลนะ คุณครูและผู้ปกครองจะรู้จักสติ๊กเกอร์ของเด็ก ๆ และสติ๊กเกอร์คือคะแนนจากคุณแม่ มีคาบเรียนที่คุณแม่มาโรงเรียนกับลูก คุณพ่อคุณแม่และคุณครูทำงานร่วมกันเป็นทีม เด็ก ๆ ประดิษฐ์ของขวัญเพื่อนำไปให้คุณพ่อคุณแม่ก่อนปิดเทอม และการเล่นในทุก ๆ วัน คือการเรียนรู้

ที่นี่ยังมีคาบเรียนสนุกๆ อย่างคาบเรียนภัยพิบัติ

คาบเรียนแห่งการเรียนรู้เพื่ออยู่ได้ เด็กๆ ในโรงเรียนสามารถปรุงอาหารทานเองไปจนกระทั่งปลูกผักเอง เรียนรู้การเอาตัวรอดในช่วงวิกฤติภัยพิบัติทางธรรมชาติ เด็ก ๆ วัยอนุบาลมีศักยภาพที่สูงมาก มากซะจนผู้ใหญ่งงไปเลยค่ะ และการพาเด็กไปดูงานเรียนรู้จากพื้นที่ท้องถิ่น ช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้ธรรมชาติ วิถีชีวิต เศรษฐกิจสังคมแบบของจริงไม่อิงตำรา แถมยังสนุกตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ ๆ ไปด้วย ความรู้ที่ได้ก็วนกลับมาเป็นการยกมือตั้งคำถาม หาคำตอบในห้องเรียน เป็นระบบเรียนรู้ที่ครบวงจร เรียนรู้ตามธรรมชาติ

ล้ม ลุกได้ ลุกไม่ไหว เพื่อนช่วย

เด็กเล่นสนุกย่อมมีล้มบ้าง ชีวิตผู้ใหญ่ยังมีล้มบ้างลุกบ้าง สำคัญที่ลุกขึ้นเองได้ ลุกขึ้นเองเร็ว คุณครูญี่ปุ่นจึงเพียงเฝ้ามองไกล ๆ แต่ถ้าไม่ไหว เด็กคนอื่น ๆ จะกรูเข้าไปช่วยพยุงกันใหญ่ทันที คุณครูคือตัวช่วยสุดท้ายของเด็กๆ  นอกจากนั้น เด็กที่ทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว จะไปช่วยเด็กคนอื่นเสมอ แล้ววันไหนเด็กคนที่ได้รับการช่วยเหลือทำงานเสร็จก่อน ก็จะไปช่วยเพื่อน ๆ เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ประเทศญี่ปุ่นยังครองอันดับประเทศที่มีการฆ่าตัวตายสูง ปัจจัยหลักของเด็กนักเรียนที่นำไปสู่การคิดสั้นคือการถูกบูลลี่ในโรงเรียน ญี่ปุ่นยังคงพยายามแก้ไขกันอยู่

คนญี่ปุ่นสร้างคนจากเด็กวัยอนุบาล เพราะเค้าเชื่อว่าเด็ก 3 - 7 ขวบเป็นยังไง โตไปเป็นผู้ใหญ่ก็จะเป็นแบบนั้น วัยอนุบาลจึงเป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญมาก ถ้าคุณมีลูกวัย 3 - 7 ขวบอยู่ ก็ระลึกไว้เลยค่ะว่า นี่คือเวลาทองของการสร้างคน เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนนะคะ


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก  

หัวข้อ: สร้าง EF ฉบับเด็กญี่ปุ่น 

Link https://www.facebook.com/299800753872915/videos/2767178306905258

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์

วิธีการแก้ปัญหาการบูลลี่ในเด็กที่พ่อแม่ควรรู้

ตอนเราเป็นเด็ก ๆ เคยมีประสบการณ์ล้อเล่นชื่อพ่อชื่อแม่บ้างไหมคะ เคยถูกเพื่อนเปิดกระโปรงหรือไปเปิดกระโปรงเพื่อนเอง หรือถูกเพื่อนแกล้งด้วยการเอาของเราไปซ่อน ดูเป็นการเล่นสนุกของเด็กทั่วไป แต่ลึก ๆ แล้วสะท้อนพฤติกรรมบางอย่างในเด็กที่ตอนนี้เราเรียกรวม ๆ ว่า บูลลี่ (bully)

การบูลลี่ คืออะไร

นพ. โกวิทย์ นพพร แพทย์ชำนาญการด้านจิตวิทยาโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ระบุว่า การบูลลี่ (bully) คือพฤติกรรมรุนแรง กลั่นแกล้ง รังแกผู้อื่นทั้งทางวาจาและร่างกาย หากเกิดในชีวิตจริงมักเป็นการล้อเลียนรูปร่างหน้าตา สถานะทางสังคม รวมถึงการทำร่ายร่างกาย ส่วนโลกออนไลน์ส่วนใหญ่เกิดจากการประจานกันทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งหลายครั้ง การบูลลี่สร้างผลกระทบทางด้านความรู้สึกมากมายจนอาจเกิดเป็นแผลในใจฝังลึกจนยากเยียวยา หรืออาจลุกลามไปจนเกิดการปะทะและสร้างบาดแผลทางกายได้ 

บูลลี่นั้นพบได้ในทุกเพศทุกวัย 

ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ไปจนเกษียณอายุ ในประเทศไทยก็พบปัญหานี้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน การบูลลี่ในเด็กนั้น เหล่านักโค้ชเด็กหรือลูกมองว่า เกิดจากปัญหาของเด็ก ซึ่งแบ่งเป็น 4 ประเภท เรียกว่า SPEC ประกอบด้วย social, problem solving, emotion, และ communication

S = social คือความสามารถในการเข้าสังคม

P = problem Solving คือความสามารถในการแก้ปัญหา

E = emotion คือความสามารถในเข้าใจอารมณ์ตนเอง

C = communication คือความสามารถในการสื่อสาร

ในวัยเรียนรู้ของเด็ก ๆ จะได้ฝึกฝนทั้ง 4 ด้านไปพร้อมกันในสถานการณ์ต่างๆ โดยมี C หรือความสามารถในการสื่อสารเป็นตัวเชื่อมทักษะอื่น ๆ 

เตรียมพร้อมก่อนลูกโดนบูลลี่

หากลูกเราโดนบูลลี่หรือได้รับผลกระทบทางจิตใจ สมองส่วน amygdala ซึ่งทำหน้าที่รับรู้ความทรงจำด้านอารมณ์จะเกิดความวิตกอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่อาจเตรียมเสริมทักษะการป้องกันตัวลูกได้ด้วยการเล่นกับลูกให้รู้สึกผ่อนคลาย หรืออาจจะเล่นบทบาทสมมติว่า ถ้าลูกโดนเพื่อนแกล้ง หรือเพื่อนทำให้ไม่พอใจ ลูกจะจัดการอย่างไร ฝึกให้ลูกประเมินสถานการณ์ แยกได้ว่าอะไรคือก้าวร้าว อะไรคือเข้มแข็ง หากเกินความสามารถของลูก ก็สามารถแจ้งคุณครูให้ทราบได้ ในสถานการณ์ที่ลูกโดนเพื่อนบูลลี่นั้น ลูกจะได้ฝึกทักษะทั้ง 4 ด้านไปพร้อมกัน คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมสร้างความมั่นใจโดยการเล่นสร้างสถานการณ์สมมติกับลูกได้ 


แล้วหากลูกไปบูลลี่คนอื่น

เด็กที่บูลลี่หรือใช้ความรุนแรงกับคนอื่นนั้นมีหลายเหตุปัจจัย อาจเป็นปัจจัยทางสังคม ความมั่นคงภายในจิตใจ การหนี การแสวงหาความสำเร็จ อยากให้คุณพ่อคุณแม่เปรียบเด็ก ๆ เหมือนกับการปลูกดอกไม้ หากอยากให้ดอกไม้สวยไม่ได้แก้ที่ดอกไม้ แต่แก้ที่สภาพแวดล้อม น้ำ ดิน แดด ดอกไม้จะปรับรูปร่างตามสภาพแวดล้อมที่ตัวเองอยู่ 

หากลูกเราชกต่อยหรือทำร้ายร่างกายกับเด็กคนอื่น ๆ อย่าเพิ่งดุลูกนะคะ เติมสิ่งดีๆ ก่อนโดยการหาวิธีชมเขาก่อน เช่น ลูกเป็นนักสู้ ลูกเข้มแข็ง แล้วชวนลูกหาเหตุผลของการกระทำ และหาผลลัพธ์ของการกระทำ ลูกคิดยังไง รู้สึกอย่างไร เพื่อนจะเป็นอย่างไร จะคิดยังไง ให้ลูกลองคิดและเรียนรู้เอง 

ยิ่งลูกหัวร้อน พ่อแม่ยิ่งต้องมีสติ

คุณพ่อคุณแม่อาจคิดวีธีพูดกับลูกไม่ทัน ให้ตั้งสติก่อน แล้วเริ่มด้วยการชมลูก แล้วถามลูกว่าจะทำอะไรต่อไป จะเกิดอะไรหลังจากนี้ ชวนปรับปรุง ลูกสามารถทำอะไรที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ให้ลูกเรียนรู้ไปเองค่ะ


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก  

หัวข้อ: ติดอาวุธให้พ่อแม่กับแม่เก่ง https://www.facebook.com/299800753872915/videos/2545549342411257

หัวข้อ: ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกด้วยการเล่น

https://www.facebook.com/299800753872915/videos/955352284963952 

ข้อมูลอ้างอิง: https://www.sanook.com/health/18825/ 

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์ 

รัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันที่ 6 พ.ค. 2566 พร้อมเสนอพระนามให้ยูเนสโกประกาศยกย่องพระเกียรติคุณ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบให้รัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ วันที่ 6 พ.ค.2566 และเสนอพระนามให้องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(องค์การยูเนสโก) ประกาศยกย่องและร่วมเฉลิมฉลองพระเกียรติคุณเป็นบุคคลสำคัญของโลก ในปี 2566

โดยให้มีแผนการดำเนินงานและกิจกรรมการเฉลิมฉลอง 3 ระยะ ได้แก่ แผนการดำเนินงานระยะสั้น กลาง และยาว แบ่งกิจกรรมการเฉลิมฉลองออกเป็นระดับกระทรวงต่าง ๆ และระดับภาคประชาชน ภาคเอกชน และมูลนิธิต่าง ๆ ในพระอุปถัมภ์ โดยไม่ขอผูกพันงบประมาณ

ทั้งนี้ในวันที่ 6 พ.ค.2566 จะเป็นวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯซึ่งพระองค์ทรงประกอบพระกรณียกิจนานัปการด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่ที่จะทำอะไรให้เมืองไทย ทรงยึดมั่นในคุณค่าของมนุษย์และศักยภาพของการพัฒนา จึงทรงงานและทรงอุปถัมภ์กิจการทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับด้านการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ การแพทย์และการสาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านสัมพันธไมตรี การสื่อสารและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ด้านการศาสนาและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนและพสกนิกรชาวไทย และทรงเป็นเจ้านายฝ่ายในพระองค์แรกที่ทรงงานในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเวลา 13 ปี 10 เดือน ในฐานะสมเด็จพระอาจารย์

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า "สำหรับกิจกรรมสำคัญที่จะดำเนินการ เช่น การจัดประชุมวิชาการนานาชาติเพื่อสดุดีพระเกียรติคุณสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ในด้านภาษาฝรั่งเศสศึกษาในบริบทของสังคมพหุวัฒนธรรม การประชุมวิชาการระดับนานาชาติเรื่อง กัลยาณิวัฒนาวิวิธ การผลิตสื่อและวีดิทัศน์เผยแพร่พระกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ กับงานด้านพัฒนาสังคมและสังคมสงเคราะห์ นิทรรศการเผยแพร่พระกรณียกิจด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม ณ สำนักงานใหญ่ยูเนสโก เป็นต้น"

โควิด-19 ระบาดใหม่ ไทยสูญเสียอะไรบ้าง?

จากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ที่เริ่มต้นจากตลาดกุ้งในสมุทรสาคร ขณะเดียวกันก็พบจำนวนผู้ติดเชื้อที่กระจายตัวเป็นวงกว้างไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในหลายจังหวัดของประเทศไทย มีการประเมินว่าภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจะได้รับความสูญเสียราว ๆ 45,000 ล้านบาทในกรอบเวลา 1 เดือน

โปรเจครถไฟความเร็วสูง มาเลย์-สิงคโปร์ ล่ม! เซ่นพิษโควิด-19

ในที่สุดก็ล่มจนได้ กับเมก้าโปรเจคร่วมระหว่าง มาเลเซีย และสิงคโปร์ในการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกันระหว่างกัลลาลัมเปอร์ด่วนตรงถึงใจกลางสิงคโปร์ เนื่องจากทั้งสองประเทศไม่อาจบรรลุข้อตกลงในการลงทุนร่วมกันในขั้นสุดท้ายได้

โปรเจครถไฟความเร็วสูง หรือ Malaysia-Singapore High-Speed Rail (HSR) เป็นโครงการที่เริ่มคุยกันมาตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายิบ ราซัค ที่ต้องการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่าง 2 ประเทศเศรษฐกิจหลักในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมระยะทางยาวถึง 350 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ในฝั่งมาเลเซีย 335 กิโลเมตร และในสิงคโปร์ 15 กิโลเมตร ที่จะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์จากเดิม 4 ชั่วโมงเหลือเพียง 90 นาทีเท่านั้น

หากโครงการนี้ตกลงเริ่มสร้างกันตั้งแต่ที่เจรจากันในช่วงแรก ก็จะสามารถสร้างให้แล้วเสร็จได้ภายในปี 2026 โดยใช้ประมาณในการก่อสร้างสูงถึง 8 พันล้านริงกิต (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งอันที่จริงมีการเซ็นข้อตกลงความเข้าใจร่วมกันไปแล้วตั้งแต่ปี 2016

แต่โครงการมาหยุดชะงักชั่วคราวเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจาก นายิบ ราซัค มาเป็นดร. มหาเธร์ มูฮัมหมัด ที่ชนะเลือกตั้งเข้ามาได้อย่างพลิกล็อคถล่มทลายในปี 2018 และก็เป็น ดร.มหาเธร์ ที่เป็นผู้สั่งระงับโครงการเนื่องจากงบประมาณก่อสร้างสูงเกินไป จึงนำรายละเอียดทั้งโครงการมาพิจารณาใหม่ ปรับงประมาณ ปรับรูปแบบสถานี ที่จะทำให้ใช้งบน้อยลง และยืดระยะเวลาการชำระเงินให้นานขึ้นให้กับมาเลเซีย

ซึ่งการเจรจาระงับโครงการอยู่ในช่วงระยะเวลา 2 ปี สิ้นสุดภายในปี 2020 นี้ ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จาก ดร. มหาเธร์ มูฮัมหมัด เป็นนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน จึงมีการหยิบยกโปรเจคนี้ขึ้นมาพิจารณากันใหม่

และหลังจากการประชุมร่วมกันระหว่าง นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน กับ นาย ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในช่วงโค้งสุดท้าย ก็ปรากฏว่ายังตกลงที่จะเดินหน้าโครงการต่อไม่ได้ เนื่องจากงบประมาณ และผลพวง Covid-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศอย่างหนัก มาเลเซียจึงตัดสินใจเทโปรเจครถไฟความเร็วสูง มาเลย์-สิงคโปร์ไปด้วยประการฉะนี้

เมื่อมาเลเซียไม่สานต่อโครงการที่เคยตกลงว่าจะทำร่วมกันมานานเกือบ 10 ปี ทางสิงคโปร์อาจต้องดำเนินเรื่องปรับเงินเป็นค่าฉีกสัญญา หรือที่บ้านเรามักเรียกว่า "ค่าโง่" เป็นเงินกว่า 250 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือราวๆ 5.6 พันล้านบาท

แต่ทั้งนี้ ชาวมาเลเซียบางส่วนก็โล่งใจมากกว่า ที่โครงการนี้พับลงไปได้ เพราะเรื่องงบประมาณที่สูงบีบหัวใจ และคิดว่าคนมาเลเซียอาจได้รับผลประโยชน์จากเส้นทางนี้น้อย ไม่คุ้มค่าในการลงทุน เมื่อการเดินทางโดยเครื่องบินอาจเป็นทางเลือกที่สะดวกอยู่แล้ว ซึ่งค่าตั๋วโดยสารของสายการบิน Low cost ก็มีความใกล้เคียงกับตั๋วรถไฟความเร็วสูง

แต่ว่าค่าโง่ที่ต้องจ่าย อาจต้องมาคุยกันอีกยาว


แหล่งข่าว

https://news.cgtn.com/news/2021-01-01/Malaysia-Singapore-high-speed-rail-project-terminated-WH5zVeT2jm/index.html

https://www.malaymail.com/news/malaysia/2021/01/01/malaysia-to-pay-singapore-compensation-as-high-speed-rail-hsr-contract-term/1936420

https://asia.nikkei.com/Politics/International-relations/Singapore-and-Malaysia-terminate-high-speed-rail-project


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top