Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48172 ที่เกี่ยวข้อง

วันนี้เมื่อ 57 ปีก่อน เป็นวันถึงแก่อสัญกรรมของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของประเทศไทย สิริอายุ 67 ปี

จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีนามเดิมว่า แปลก ขีตตะสังคะ เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2440 เริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี จนเมื่ออายุ 12 ปี ได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนนายร้อยทหารบก จนได้เป็น ‘ว่าที่ร้อยตรี’ สังกัดเหล่าปืนใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.2458

จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นหนึ่งในคณะเปลี่ยนแปลงการปกครองสยาม พ.ศ.2475 ต่อมาในปี พ.ศ.2481 ก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย โดยเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงประเทศหลายประการ อาทิ การเปลี่ยนชื่อจากประเทศ ‘สยาม’ เป็น ‘ไทย’ รวมถึงการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ เป็นวันที่ 1 มกราคม หรือการให้ใช้คำว่า สวัสดี เป็นการกล่าวทักทายกัน ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแบบวัฒนธรรมตะวันตก และทำให้ประเทศมีความทันสมัยยิ่งขึ้น

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2487 เนื่องจากแพ้เสียงส่วนใหญ่ในการร่างกฎหมายสำคัญในสภา แต่ต่อมาในปี พ.ศ.2490 หลังการทำรัฐประหาร เขาก็ได้รับการทาบทามให้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง กระทั่งในปี พ.ศ.2500 เกิดการรัฐประหาร นำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นเหตุให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องลี้ภัยทางการเมืองไปยังประเทศญี่ปุ่นในเวลาต่อมา

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ชื่อว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุด เป็นระยะเวลารวม 14 ปี 11 เดือน ต่อมาเจ้าตัวได้ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2507 ณ บ้านพักส่วนตัว ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สิริอายุ 67 ปี โดยมีการจัดพิธีฌาปนกิจที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะมีการนำอัฐิกลับสู่ประเทศไทยในวันที่ 27 มิถุนายน ปีเดียวกัน พร้อมพิธีต้อนรับจากทั้งสามเหล่าทัพ
 

ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/แปลก_พิบูลสงคราม


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โควิดทุบความเชื่อมั่นเอกชนหดตัว 2 เดือนติด

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประจำเดือนพ.ค. 2564 ว่า ดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ 24.7 หลังจากภาคธุรกิจยังคงมีความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ รวมถึงได้รับผลกระทบจากการที่ภาครัฐออกมาตรการควบคุมการระบาดของโรค ทำให้มีการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สั่งปิดกิจการหลายประเภท ธุรกิจเริ่มขาดสภาพคล่องและปิดกิจการ ส่งผลให้มีการปลดคนงานเพิ่มขึ้นหรือมีการลดเงินเดือน 

ส่วนดัชนีวัดความสุขในการดำรงชีวิตปัจจุบันมีค่าดัชนี 27.7 ลดลงจากเดือนเม.ย. อยู่ที่ 30.6  ต่ำที่สุดในประวัติการณ์นับตั้งแต่สำรวจมาเดือน พ.ค. 49 หรือ 193 เดือน หรือ 16 ปี 1 เดือน สอดคล้องกับความคาดหวังความสุขในการดำเนินชีวิตในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย. – ส.ค.) ต่ำเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคมีความกังวลความไม่แน่นอนในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด -19 

“ภาคธุรกิจอยากเห็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในเรื่องของการกระจายวัคซีนในทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงเพื่อให้มีเพียงพอกับจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนไว้ ทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชนกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง รวมถึงเร่งการหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในคลัสเตอร์ต่างๆหลายพื้นที่ให้ได้โดยเร็ว และเร่งขับเคลื่อนการส่งออกของประเทศเพื่อเพิ่มระดับการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมามีรายได้ทันทีเมื่อประชาชนได้รับวัคซีนและมีภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ”

ก.แรงงาน ปล่อยกู้สูงสุด 1 ล้านบาทปลอดดอกเบี้ย เพิ่มทักษะแรงงานช่วยสถานประกอบกิจการ สู้วิกฤตโควิด-19 ระลอก 3

กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ปล่อยกู้ปลอดดอกเบี้ยต่อเนื่องถึงสิงหาคม 64 ช่วยสถานประกอบกิจการใช้หมุนเวียนในการพัฒนาทักษะฝีมือลูกจ้าง สู้วิกฤตโควิด-19 ระลอก 3 นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ กพร.ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เยียวยาความเดือดร้อนของกำลังแรงงานในประเทศที่กำลังเผชิญอยู่ โดยให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการที่ต้องการพัฒนาทักษะฝีมือลูกจ้างเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานสามารถกู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน ปลอดดอกเบี้ย (ดอกเบี้ย 0%) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม หรือทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน

อธิบดี กพร. กล่าวต่อไปว่า กพร.ได้จัดสรรงบประมาณจากเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานให้แก่สถานประกอบกิจการกู้ยืมแบบไม่มีดอกเบี้ยต่อเนื่องจนถึง 31 สิงหาคม 2564 ในวงเงินกู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท ในปี 2564 กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดสรรเงินจำนวน 30 ล้านบาท จากกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน สำหรับให้สถานประกอบกิจการกู้ยืมไปใช้ในการพัฒนาทักษะ หรือนำไปใช้ในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติให้แก่พนักงาน แบบไม่มีดอกเบี้ย ตั้งแต่ 16 กรกฎาคม 2563-31 สิงหาคม 2564 ซึ่งปัจจุบัน ณ 31 พฤษภาคม 2564 ได้อนุมัติให้เงินกู้ยืมไปแล้ว 28 บริษัท เป็นเงินกว่า 17 ล้านบาท และมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ได้แก่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) ทั้ง 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร ให้บริการรับคำขอกู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน

ด้าน คุณอัชฌารี บัวมี Training & Audit Manager บริษัท กรีน ลาเท็กซ์ จำกัด เป็นสถานประกอบกิจการที่ผลิตที่นอนยางพารา หมอน เบาะ ตุ๊กตา และเครื่องนอน กล่าวถึงเงินกู้ดังกล่าวว่า การให้เงินกู้ยืมเป็นประโยชน์มาก ต่อสถานประกอบกิจการ เป็นเงินก้อนช่วยเหลือ รักษาการจ้างงาน ทำให้สถานประกอบกิจการดำเนินการจัดอบรมต่อไปได้ตามแผนประจำปีอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพพนักงานได้รับการพัฒนาและมีความพร้อม กลับมาช่วยบริษัทสู้กับวิกฤตโควิด-19

ส่วน คุณธิดาทิพย์ จำปาแดง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนเชอรัลเอ็นเนอร์ยีเทค จำกัด ในนามศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเนเชอรัล เป็นศูนย์ทดสอบฯ เอกชนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 1 ได้กล่าวขอบคุณกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่ให้กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อนำมาปรับปรุงสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ให้เป็นที่ยอมรับ และรักษามาตรฐานให้เป็นไปตามที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนด และเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการทดสอบด้วย

“การให้กู้ยืมดังกล่าวเป็นมาตรการจูงใจเพื่อให้สถานประกอบกิจการมีส่วนร่วมในการพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่แรงงานที่เป็นลูกจ้างของตนเองเพื่อให้มีทักษะฝีมือเพิ่มสูงขึ้น สถานประกอบกิจการที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้ยืมได้ที่ สพร. และ สนพ. ทุกแห่งทั่วประเทศ โดยสามารถยื่นคำขอกู้พร้อมหลักฐานได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 15 กรกฎาคม 2564 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สพร. และ สนพ.ทุกจังหวัด หรือกองส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน 0 2643 6039” อธิบดี กพร. กล่าวทิ้งท้าย
 

มุกดาหาร - “อุ๊บ” เชื่อตำรวจออกหมายจับถูกตัว แจงไม่ได้เป็นนกสองหัว ยังเป็นคนเดิมที่ยืนอยู่กับความถูกต้อง

นายวิริยะ พงษ์อาจหาญ หรือ “อุ๊บ วิริยะ” นักปั้นดารามือทอง อดีตกัลยาณมิตรของลุงพล ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจแม่และพ่อน้องชมพู่ที่จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า วันนี้มาให้กำลังใจพ่อและแม่น้องชมพู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ให้กำลังใจมาโดยตลอด เคยมาที่กกกอกแล้วกว่า 10 ครั้ง ทุกครั้งที่มาก็จะมาเยี่ยมทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายพ่อแม่น้องชมพู่และลุงพล แต่ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจเลือกที่จะอยู่ข้างฝ่ายที่ถูกต้อง ฝ่ายที่เรารู้สึกมีความสุขกับการที่จะมาพบปะเยี่ยมเยียน วันนี้ถือว่าเป็นวันดีวันหนึ่งเนื่องจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และทีมทนายความที่ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือกับครอบครัวแม่น้องชมพู่ ในส่วนตัวขอชี้แจงว่าไม่ได้เป็นนกสองหัวไปฝ่ายนู้นทีฝ่ายนี้ที ยังเป็นคนเดิมที่ยืนอยู่กับความถูกต้อง

อุ๊บ วิริยะ กล่าวว่า มีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าขอออกหมายจับถูกต้องแล้วเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานเก็บรวบรวมหลักฐานมาเป็นระยะเวลาถึง 1 ปี ถ้าหลักฐานไม่หนักแน่นจนชี้ชัดมัดตัวคนร้ายได้ก็คงไม่มีหมายจับออกมา เราเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของตำรวจว่ามีความถูกต้อง จากการมาที่กกกอกกว่า 10 ครั้ง และติดตามข่าวจากทุกสื่อ ทุกโซเชียล ทำให้สามารถวิเคราะห์แยกแยะออกได้ว่าใครดีใครชั่ว ใครที่กระทำความผิดมันก็เห็นชัดจากพฤติกรรมของคนบางคนที่แสดงออกมาให้เราเห็น ฉายาคน 2 ซิมเป็นเรื่องจริงล้านเปอร์เซ็นต์ และน่ากลัว ตั้งแต่เกิดมา 62 ปี ในชีวิตนี้ไม่เคยเจอคนแบบนี้ และเมื่อมาเจอก็ทำให้คิดว่าคนเราเป็นไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ น่ากลัว อยู่ห่างไกลไว้เป็นดีที่สุด


ภาพ/ข่าว  ชุด ฉก.พญาอินทรีย์ / เดวิท โชคชัย จ.มุกดาหาร

“สมศักดิ์-อนุชา” รุดขึ้นตึกไทย ท่ามกลางกระแสปรับโครงสร้างพปชร.ปรับเลขาฯ พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้าท่ามกลางกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรคในการประชุมสามัญประจำปีวันที่ 18 พ.ค.นี้ ที่จ.ขอนแก่น โดยนายสมศักดิ์ กล่าวเพียงสั้นๆ อย่างอารมณ์ดีระหว่างเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าว่า​ “ไปร่วมบันทึกเทปเรื่องยาเสพติด ไม่ใช่ข่าวการประชุมพรรคนะ” 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของนายอนุชา เข้าพบนายกฯเพื่อรายงานความคืบหน้ากรณี สถานีวิทยุโทรทัศแห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) กรมประชาสัมพันธ์ุได้รับลิขสิทธิการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 หรือ ยูโร 2020 ที่จะมีขึ้นเวลา 02.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top