รู้จัก ‘Legats’ สำนักงานภาคสนามของ FBI นอกสหรัฐฯ หน่วยงานด้านกฎหมายที่ทรงอำนาจกระจายอยู่ทั่วโลก

เราท่านต่างพอรู้และเข้าใจว่า FBI (Federal Bureau of Investigation) หรือ สำนักงานสอบสวนกลาง เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายภายใต้กระทรวงยุติธรรมของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีภารกิจคือ การต่อต้านการก่อการร้าย การต่อต้านข่าวกรอง และอาชญากรรมร้ายแรงในประเทศ มีขอบเขตอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายมากกว่า 200 หมวดหมู่ รายงานต่อทั้งอัยการสูงสุดสหรัฐฯ (United States Attorney General) ซึ่งก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (Director of National Intelligence : DNI) หากจะเปรียบเทียบกับบ้านเราให้เข้าใจอย่างง่ายคือ งานของ FBI จะคล้ายกับงานที่ของ 3 หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของไทยรวมกันได้แก่ กองบัญชาการสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม 

แม้ว่าบทบาทหน้าที่หลายอย่างของ FBI จะมีลักษณะเฉพาะ แต่ภารกิจด้านความมั่นคงของชาตินั้นเทียบได้กับ MI5 และ NCA ของอังกฤษ GCSB ของนิวซีแลนด์ และ FSB ของรัสเซีย ซึ่งแตกต่างจากหน่วยข่าวกรองกลาง (CIA) ซึ่งไม่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายและมุ่งเน้นการรวบรวมข่าวกรองในต่างประเทศ ด้วย FBI เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติการในประเทศเป็นหลัก โดยมีสำนักงานภาคสนาม 56 แห่งในเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐอเมริกา และหน่วยงานขนาดเล็กประจำอีกมากกว่า 400 แห่งในเมืองเล็ก ๆ และพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยสำนักงานภาคสนามของ FBI เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ FBI ของสำนักงานภาคสนามจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (DNI) ในเวลาเดียวกัน

แม้ว่า ขอบเขตอำนาจในการปฏิบัติหน้าที่ของ FBI จะจำกัดอยู่เฉพาะในดินแดนสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ เองก็เป็นหนึ่งประเทศในโลกที่มีอาชญากรรมร้ายแรงมากที่สุด มีเครือข่ายของบรรดากลุ่มผิดกฎหมายทั้งในและนอกประเทศ FBI จึงต้องมีสำนักงานภาคสนามในการดำเนินงานระดับนานาชาติที่สำคัญ โดยเป็นสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมาย (Legal Attaché Office : Legats) อยู่ 63 แห่งและสำนักงานย่อยอีก 27 แห่งประจำอยู่ในสถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐฯ ทั่วโลก และมีเจ้าหน้าที่พิเศษและเจ้าหน้าที่สนับสนุนประมาณ 250 นายประจำการอยู่สำนักงานต่างประเทศเหล่านั้น Legats ตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์หลักในการประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยด้านความมั่นคงของประเทศที่ประจำ และโดยปกติจะไม่ดำเนินการฝ่ายเดียวในประเทศนั้น ๆ แต่บางครั้ง FBI ก็ปฏิบัติการในภารกิจลับในต่างประเทศ Legats (Legal Attaché ) คือเจ้าหน้าที่พิเศษของ FBI ที่ได้รับมอบหมายให้ประจำสถานทูตหรือสถานกงสุลสหรัฐฯ ในต่างประเทศ ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลัก ระหว่าง FBI กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หน่วยข่าวกรอง และหน่วยงานความมั่นคงของต่างประเทศหน้าที่ของพวกเขาคืออำนวยความสะดวกในการร่วมมือระหว่างประเทศในการสืบสวนคดีอาญา การต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมทางไซเบอร์ และภัยคุกคามข้ามชาติอื่น ๆ เช่นเดียวกับ CIA ที่ภารกิจในประเทศก็ถูกจำกัด ซึ่งภารกิจเหล่านี้โดยทั่วไปต้องอาศัยการประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐของประเทศนั้น ๆ ด้วย

สำนักงาน Legats เกิดขึ้นในปี 1940 ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในชื่อว่า ‘หน่วยข่าวกรองพิเศษ’ ก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1941 ในเวลานั้น ประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt ได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในความพยายามเพื่อรวบรวมข่าวกรองตามภัยคุกคามที่เกิดจากฝ่ายอักษะ ดังนั้น FBI จึงตอบสนองต่อคำสั่งนั้น และเริ่มส่งเจ้าหน้าที่พิเศษไปประจำการทั่วละตินอเมริกาและอเมริกากลาง และพัฒนาหรือก่อตั้งหน่วยข่าวกรองพิเศษ หน้าที่แรกของหน่วยนี้คือ ในปี 1941 ที่กรุงโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมายของ FBI ในเวลานั้น FBI แบ่งปันข้อมูลกับประเทศต่าง ๆ ที่ให้ความร่วมมือเกี่ยวกับภัยคุกคามจากนาซี เยอรมัน ซึ่งสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญอยู่ ดังนั้นปฏิบัติการระหว่างประเทศของ FBI ในปัจจุบันจึงแตกต่างไปจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก แต่ภารกิจนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนทุกวันนี้

ดังที่ Robert Swan Mueller III อดีตผู้อำนวยการ FBI ได้กล่าวไว้ว่า “การก่ออาชญากรรมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการก่อการร้าย การค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ สินค้าผิดกฎหมาย และผู้คน หรืออาชญากรรมทางไซเบอร์ ล้วนต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก และนั่นหมายถึงการที่เจ้าหน้าที่ของเราจะต้องทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศโดยตรงในคดีที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่เพียงแต่เพื่อแก้ไขอาชญากรรมที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังเพื่อป้องกันอาชญากรรมและการก่อการร้ายด้วยการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์” ในอดีต การบังคับใช้กฎหมายเน้นไปที่อาชญากรรมที่ได้รับผลกระทบหรือเกิดขึ้นภายในดินแดนของแต่ละประเทศ ซึ่งปัจจุบันนี้ แนวคิดดังกล่าวไม่สามารถใช้ต่อไปได้อีกแล้ว เนื่องจากโลกาภิวัฒน์ที่ผนวกรวมกับความก้าวหน้าอย่างเหลือเชื่อในด้านเทคโนโลยี การเดินทาง การค้า และที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารได้ทำลายกำแพงเหล่านั้นและพรมแดนลง ส่งผลให้ภัยคุกคามกลายเป็นเรื่องทั่วโลกมากขึ้น และความจำเป็นในการร่วมมือกัน การแบ่งปันข้อมูล และการมีส่วนร่วมที่ดีขึ้นนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานและประเทศต่างๆ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามระดับโลกเหล่านี้ได้ดีขึ้น เหล่านี้จึงทำให้เกิดสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายกฎหมาย (Legal Attaché Office : Legats) 63 แห่ง และสำนักงานย่อย 27 แห่งในสถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐทั่วโลก

ภารกิจของสำนักงาน Legats ประกอบด้วย :

- การประสานงานการสืบสวน: ช่วยเหลือในการปฏิบัติการร่วม แบ่งปันข่าวกรอง และประสานงานกับพันธมิตรต่างประเทศในคดีที่ FBI รับผิดชอบแต่มีขอบเขตเกินกว่าขอบเขตของสหรัฐฯ

- การส่งผู้ร้ายข้ามแดนและกระบวนการทางกฎหมาย: อำนวยความสะดวกในการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน การรวบรวมหลักฐานจากเขตอำนาจศาลต่างประเทศ และการทำให้แน่ใจว่าผลประโยชน์ทางกฎหมายของสหรัฐฯ ได้รับการเป็นตัวแทนในต่างประเทศ

- การแบ่งปันข้อมูล: การแลกเปลี่ยนข่าวกรองและข้อมูลอาชญากรรมเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย อาชญากรรมที่เป็นองค์กร การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์

- การตอบสนองต่อเหตุวิกฤต: การช่วยเหลือพลเมืองสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายหรืออาชญากรรมร้ายแรงในต่างประเทศ และมีส่วนสนับสนุนการจัดการวิกฤตระหว่างประเทศ

- การประสานงานคำร้องขอความช่วยเหลือระหว่าง FBI กับประเทศที่สำนักงาน Legats รับผิดชอบ

- ดำเนินการสอบสวนร่วมกับรัฐบาลประเทศที่สำนักงาน Legats รับผิดชอบ

- การแบ่งปันข้อมูลและแนวทางการสืบสวน

- ประสานงานหลักสูตรการฝึกอบรม FBI ให้กับตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ตั้งแต่การต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมทางไซเบอร์ ไปจนถึงเทคนิคทางนิติวิทยาศาสตร์ การค้ามนุษย์ และสิทธิมนุษยชน

- บรรยายสรุปแก่หน่วยงานอื่น ๆ ของสถานทูต รวมถึงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและเอกอัครรัฐทูต

- การจัดการการขออนุมัติปฏิบัติในประเทศที่รับผิดชอบ

- การรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับพิธีการทางวัฒนธรรม

- การประเมินสภาพแวดล้อมทางการเมืองและความมั่นคง

- การประสานงานช่วยเหลือเหยื่อและด้านมนุษยธรรม

สำนักงาน Legats ในต่างประเทศอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานปฏิบัติการระหว่างประเทศ สำนักงานใหญ่ FBI ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สำนักงานนี้มีการติดต่อประสานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่น ๆ ตำรวจสากล เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างประเทศที่มีสำนักงานในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และชุมชนบังคับใช้กฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับบ้านเราแล้ว FBI มีสำนักงาน egats ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย มาตั้งแต่ ปี 1990 (พ.ศ. 2533) แต่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เข้ามาปฏิบัติการในบ้านเราก่อนหน้านั้นก็คือ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด (the Drug Enforcement Administration : DEA) อันเนื่องมาจากยาเสพติดประเภทเฮโรอีนและกัญชาได้แพร่ระบาดเข้าในสหรัฐฯ อย่างมากมายตั้งแต่ยุคสงครามเวียดนาม โดย DEA สนับสนุนการปราบปรามยาเสพติดให้กับหน่วยงานของไทยที่รับผิดชอบ อาทิ เงินทุนสนับสนุน การฝึกอบรม อุปกรณ์เทคโนโลยีที่สำคัญและจำเป็น แม้กระทั่งเงินที่ใช้สำหรับใช้ในการล่อซื้อยาเสพติด ฯลฯ โดย DEA มีสำนักงานย่อยในจังหวัดใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนและมีการค้ายาเสพติดในปริมาณมาก เช่น เชียงใหม่ ปัจจุบันสำนักงานของ DEA ในไทยยังเป็นสำนักงานภูมิภาคของ DEA ประจำทวีปเอเชียด้วย 

FBI โดยสำนักงาน Legats ประจำประเทศไทยและอีกหลายหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็น ผู้ก่อการร้าย ผู้ค้ามนุษย์ ผู้กระทำความผิดทางไซเบอร์ที่ประสงค์ร้าย และอาชญากรและศัตรูอื่น ๆ จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและชุมชนทั่วโลกเพื่อก่ออันตรายได้ง่ายดายขนาดนี้ ตัวอย่างเช่น กลุ่มอาชญากร MS-13 และ 18th Street ไม่ได้ปฏิบัติการเพียงแต่ในเมืองหรือภูมิภาคเดียวอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นกลุ่มที่ปรากฏตัวอยู่ทั่วโลก ยาเสพติดผิดกฎหมาย เช่น เฟนทานิล (Fentanyl) ไม่จำเป็นต้องหาซื้อด้วยตนเองอีกต่อไป เนื่องจากสามารถหาซื้อได้ง่ายบนเว็บมืด ดังนั้น สิ่งต่าง ๆ เช่นนั้น อาทิ การค้ามนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับเด็ก จึงกลายเป็นภัยคุกคามระดับโลก และต้องมีการตอบสนองหรือแนวทางในระดับโลก นอกจากการปราบปรามอาชญากรรมแล้ว FBI และรัฐบาลสหรัฐฯ ยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากล โดย FBI มีหน่วยปฏิบัติการที่จะสนับสนุนภารกิจในการต่อต้านการก่อการร้าย อาทิ หน่วยกู้ระเบิด (Bomb Technician) หน่วยตอบสนองต่อวัตถุพยานอันตราย (Hazardous Evidence Response Team) หน่วยตอบสนองต่อวิกฤต (Crisis Response Team) หน่วยเจรจาต่อรอง (Negotiation Team) หรือแม้แต่หน่วยสืบค้นใต้น้ำ (Underwater Search Team) จากทุกสิ่งตั้งแต่ การต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมทางไซเบอร์ การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติที่ก่อขึ้นเป็นองค์กร ความพยายามของ FBI ยังคงก้าวต่อไปข้างหน้าในปัจจุบันและดำเนินต่อไปในอนาคตอย่างไม่ลดละและหยุดยั้ง


เรื่อง: ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล 

👍 ติดตามผลงาน อาจารย์ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.ปุณกฤษ%20ลลิตธนมงคล