ปักหมุดไทยทุ่มพันล้าน เปิดโรงงานแห่งแรก ชิงส่วนแบ่งรถบรรทุก ตั้งเป้าเริ่มผลิต 1,800 คันต่อปี
(2 ธ.ค. 67) “โฟตอน” ค่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์รายใหญ่ของจีน ได้ร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดโรงงานผลิตรถบรรทุก “โฟตอน ซีพี มอเตอร์” (FOTON CP Motor) แห่งแรกในประเทศไทย ณ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท โรงงานนี้จะเป็นฐานการผลิตรถบรรทุกรุ่นพวงมาลัยขวา โดยมีแผนผลิต 1,800 คันต่อปี สำหรับตลาดในประเทศ 80% และส่งออก 20% คาดว่าภายใน 3 ปีจะสามารถผลิตได้ไม่น้อยกว่า 7,200 คัน
การเปิดโรงงานในครั้งนี้ตอกย้ำการเติบโตของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ในประเทศไทย และเปิดโอกาสสำหรับการขยายตลาดไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยในปีนี้ยอดขายของ “ซีพี โฟตอน” เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
นายชาง รุ่ย (Mr. Chang Rui) ประธานโฟตอน มอเตอร์ กรุ๊ป กล่าวว่า การเปิดโรงงานในไทยเป็นการขยายความร่วมมือระหว่างโฟตอนและเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยโรงงานนี้จะผลิตทั้งรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปและยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) เพื่อรองรับความต้องการของตลาดไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายนพดล เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการ กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม (จีน) เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวเสริมว่า การจัดตั้งโรงงาน “โฟตอน ซีพี มอเตอร์” จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์และโลจิสติกส์ของไทยให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค พร้อมกับการขยายฐานการผลิตและความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในอุตสาหกรรม เช่น Foton Cummins และ Yuchai
นายชัชชัย นาคประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี โฟตอน เซลส์ จำกัด กล่าวถึงการตั้งโรงงานในไทยว่าเป็นการตอกย้ำความมั่นคงในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ในประเทศไทย โดยยอดจำหน่ายรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า (EV) ของบริษัทเติบโต 260% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การเปิดโรงงาน “โฟตอน ซีพี มอเตอร์” ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์และโลจิสติกส์ของไทยสู่อนาคต โดยเฉพาะในด้านพลังงานสะอาดและการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตลาดโลจิสติกส์ในเอเชียแปซิฟิกและขยายฐานการผลิตไปยังตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
การตั้งโรงงานในประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของ “โฟตอน มอเตอร์ กรุ๊ป” ในการขยายธุรกิจทั่วโลก โดยในปี 2023 โฟตอนสามารถส่งออกรถยนต์ได้ 131,000 คัน และตั้งเป้าหมายส่งออก 150,000 คันในปี 2024 รวมถึงมุ่งหวังเพิ่มจำนวนการผลิตให้ถึง 300,000 คันในปี 2030
การร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-จีน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในด้านพลังงานใหม่และโลจิสติกส์แห่งอนาคตอย่างยั่งยืน