‘นพดล’ วอนหยุดปั่นกระแสไทยเสีย ‘เกาะกูด’ ย้ำชัด เกาะเป็นของไทย อย่าใช้ความเท็จโจมตีดั่งกรณีเขาพระวิหาร
‘นพดล’ วอนหยุดปั่นกระแสไทยเสียเกาะกูด หยุดใช้ความเท็จโจมตีอย่างที่ตนเคยถูกใส่ร้ายเรื่องเขาพระวิหาร แต่พอศาลยกฟ้องกลับเงียบหายไปหมด
เมื่อวันที่ (3 พ.ย.67) นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการปั่นกระแสว่าไทยจะเสียเกาะกูด และเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก เอ็มโอยู 44 รวมทั้งพาดพิงตนให้คนเข้าใจผิดเรื่องเขาพระวิหารแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า ตนขอใช้สิทธิถูกพาดพิง คนที่เป็นห่วงโดยสุจริตก็มี และบางคนเป็นคนที่เคยร่วมจุดกระแสคลั่งชาติในปี 2551 โดยใช้ความเท็จใส่ร้ายว่าตนซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น ทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา ทั้ง ๆ ที่ไทยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาตามคำตัดสินศาลโลกไปแล้วตั้งแต่ปี 2505 ต่อมาในปี 2551 กัมพูชาเอา 1.ตัวปราสาทและ 2.พื้นที่ทับซ้อนไปขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่รัฐบาลและตนเจรจาจนกัมพูชายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออก และยอมขึ้นทะเบียนมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาทซึ่งเป็นของเขามาเกือบ 50 ปีแล้ว แต่ตนถูกโจมตีใส่ร้ายเท็จว่าขายชาติและไปฟ้องเอาผิดตน ซึ่งต่อมาในปี 2558 ศาลฎีกาก็ได้พิพากษายกฟ้องตน และในคำพิพากษาก็ได้ระบุว่าสิ่งที่ตนทำถูกต้องและประเทศจะได้ประโยชน์จากการกระทำของตน ข้อเท็จจริงคือตนไม่ได้ขายชาติ แต่คือคนที่ปกป้องชาติ แต่คนบางกลุ่มยังไม่สำนึกว่าการจุดกระแสคลั่งชาติเรื่องเขาพระวิหารในปี 2551 ทำให้มีการปะทะตามแนวชายแดน มีทหารเสียชีวิต และทำให้ในปี 2554 กัมพูชากลับไปศาลโลกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อยื่นตีความคำพิพากษาศาลโลกปี 2505 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมทรามลงในเวลานั้น ถามว่าคนเหล่านี้จะรับผิดชอบอย่างไร
นายนพดล กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่เรียกร้องให้ไทยยกเลิกเอ็มโอยู 44 นั้น คำถามคือถ้ามันจะทำให้ไทยเสียหายจริง นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีต่างประเทศที่ไปลงนามเอ็มโอยู 44 จะไปเซ็นได้อย่างไร นอกจากนั้นมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงและกฎหมาย 3 เรื่องใหญ่ที่ต้องตอบคือ 1.การกล่าวหาว่าเอ็มโอยู 44 จะทำให้เสียเกาะกูดนั้นก็ไม่จริง เกาะกูดเป็นของไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ไม่มีใครสามารถยกเกาะกูดให้กัมพูชาได้ เกาะกูดเป็นอำเภอหนึ่งของไทยและไปเที่ยวได้ตลอด 2.กล่าวหาว่าเอ็มโอยู 44 ไปยอมรับเส้นเขตไหล่ทวีปที่กัมพูชาประกาศ และจะทำให้ไทยเสียสิทธิทางทะเล ก็ไม่เป็นความจริงอีก เนื่องจากเนื้อหาของเอ็มโอยู 44 ไม่ได้ยอมรับเส้นที่กัมพูชาลากแต่อย่างใด เพราะถ้ายอมรับ แล้ว เราจะไปเจรจากันทำไม โดยเฉพาะที่ต้องเน้นคือเนื้อหาในข้อ 5 ของเอ็มโอยู 44 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าตราบใดที่ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องการแบ่งเขตพื้นที่ทางทะเล ให้ถือว่า เอ็มโอยู 44 และการเจรจาตาม เอ็มโอยู 44 จะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของทั้งไทยและกัมพูชา
นายนพดล กล่าวต่อว่า และ 3.ส่วนที่กล่าวหาว่ารัฐบาลนี้มุ่งแต่จะเจรจากับกัมพูชา เพื่อขุดน้ำมันและแก๊สในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนก่อน โดยไม่สนใจพื้นที่ทางทะเลนั้น ก็เป็นข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริง เนื่องจากไม่สามารถทำได้ตามกรอบเอ็มโอยู 44 เพราะ ก) การเจรจาแบ่งพื้นที่ทางทะเล และ ข) การเจรจาพื้นที่พัฒนาร่วมหรือ JDA ต้องทำคู่ผูกติดกันไป แยกจากกันไม่ได้ (indivisible package) ตามที่ระบุในข้อ 2 ของ เอ็มโอยู 44
“ผมสงสัยว่ารัฐบาลที่ผ่านมาก็เจรจาโดยใช้เอ็มโอยู 44 ไม่เห็นมีการประท้วง ผมเห็นว่าพี่น้องคนไทยควรได้รับทราบข้อเท็จจริง ไม่ใช่การให้ความเห็นที่ไม่ถูกต้อง คนที่แสดงความห่วงใยโดยสุจริต รัฐบาลคงพร้อมรับฟัง ส่วนคนที่บิดเบือนใส่ร้ายก็ขอยุติได้แล้ว บางคนเคยร่วมจุดกระแสคลั่งชาติเรื่องเขาพระวิหาร ยังไม่สำนึกรับผิดชอบต่อความเสียหายที่ทำขึ้น ผมเคยถูกใส่ร้ายเรื่องเขาพระวิหาร ทำลายผม ครอบครัวผม แต่พอศาลฎีกาท่านยกฟ้องตนและคำพิพากษาระบุว่าสิ่งที่ผมทำถูกต้องและประเทศจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ตนทำ กลับเงียบหายไปหมด” นายนพดล กล่าว