'ภูมิธรรม' รอง นรม. และ รมว.กห. ตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ 'มุ่งเน้นพัฒนากองทัพเรือ ให้มีความเจริญก้าวหน้าและทันสมัย'
รอง นรม. และ รมว.กห. ตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ “มุ่งเน้นพัฒนากองทัพเรือให้มีความเจริญก้าวหน้าและทันสมัย ทั้งในเชิงศักยภาพ ขนาดกองทัพ ภารกิจ และเทคโนโลยีนวัตกรรมทางทหาร มีศักยภาพความพร้อมในการพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ ตลอดจนเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส”
พลตรี ธนาธิป สวางแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในโอกาสที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและรับทราบภารกิจของกองทัพเรือ โดยมี พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ รวมถึงนายทหารระดับสูงและหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน
โดย รอง นรม./รมว.กห.ได้ถวายสักการะพระอนุสาวรีย์ พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ก่อนขึ้นแท่นรับการเคารพและตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ หลังจากนั้นรอง นรม. และ รมว.กห. เข้าร่วมประชุมฯ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุป ภารกิจ การจัด และบทบาทหน้าที่ของกองทัพเรือ
โดย ผบ.ทร. ได้กล่าวรายงาน พร้อมเน้นย้ำการปฏิบัติภารกิจของ กองทัพเรือตามนโยบายของ กห. ทั้งในด้านความมั่นคง อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพ ให้มีขนาดกะทัดรัดทันสมัย การดูแลกำลังพลชั้นผู้น้อยทุกระดับ การเน้นย้ำให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ ปฏิบัติต่อทหารกองประจำการ ด้วยความเสมอภาคและคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชน เพื่อเป็น กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
ในโอกาสนี้ รอง นรม. / รมว.กห. ได้กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและขอบคุณกองทัพเรือ ที่ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งชี้แจงศักยภาพและความพร้อมของกองทัพเรือ ในการปฏิบัติภารกิจหลักของกองทัพ โดยเฉพาะการปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของชาติ ซึ่งเป็นภารกิจที่มีความสำคัญยิ่ง เนื่องจากประเทศไทย มีพื้นที่ทะเลที่กว้างใหญ่ มีทรัพยากรธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์ และเส้นทางการเดินเรือที่เชื่อมต่อการค้าระหว่างประเทศ การรักษาความปลอดภัยในน่านน้ำเหล่านี้ จึงไม่เพียงแต่ช่วยให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยเสริมสร้างบทบาทของประเทศไทย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในเวทีโลก ตลอดจนสนับสนุนการปฏิบัติตามนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลและ กห.
โดยขอชื่นชม กองทัพเรือ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญที่มีบทบาทในการรักษาความมั่นคง พร้อมเน้นย้ำการพิจารณาการจัดหายุทโธปกรณ์ที่มีความจำเป็นและการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลกำลังพลชั้นผู้น้อย
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึง “ภัยคุกคามใหม่” ซึ่งครอบคลุมการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม หน้าที่หลักของทหารในสถานการณ์ความมั่นคงรูปแบบใหม่คือการมีบทบาทในการบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ภัยธรรมชาติ (เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม แผ่นดินไหว) และภัยที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ (เช่น การก่อการร้าย การฉ้อโกงผ่านคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติด) ซึ่งที่ผ่านมากองทัพ ได้ปฏิบัติภารกิจเหล่านี้อย่างแข็งขัน
ทั้งนี้ รอง นรม. และ รมว.กห. ได้ชื่นชมการทำงานของหน่วยซีลและนาวิกโยธิน ซึ่งได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังในการการลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย หนองคาย นครพนม และสตูล ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เห็นถึงความเสียสละ ความมุ่งมั่น และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการช่วยเหลือประชาชน
ภายหลังการประชุมฯคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์บรรเทาสาธารณภัยฐานทัพเรือกรุงเทพและอู่ทหารเรือธนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จอดเรือพระที่นั่งทั้ง 4 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งเอนกชาติภุชงค์ ในการเสด็จพระราชดำเนิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 ต.ค. 2567 นี้ โดย รอง นรม. / รมว.กห. ได้รับทราบความพร้อมกองทัพเรือในการเตรียมขบวนเรือพระราชพิธี การถวายความปลอดภัยทางน้ำ
ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้เตรียมความพร้อมกรณีเกิดสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยมีแผนรองรับในทุกด้าน ทั้งนี้ กำลังพลทุกนายของกองทัพเรือ พร้อมถวายความปลอดภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์สูงสุด และจะถวายงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้การจัดขบวนพยุหยาตรา ทางชลมารค เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สง่างาม และสมพระเกียรติ
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี