'อ.พงษ์ภาณุ' ชี้!! Q2 'การคลัง-การเงิน-การท่องเที่ยว' เดินหน้าเต็มตัว ปลุกเศรษฐกิจไทยฟื้น คลายทุกข์คนไทย ต่างชาติสนใจแห่ลงทุน

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'การคลัง-การเงิน-การท่องเที่ยว แรงผลักเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวไตรมาส 2' เมื่อวันที่ 7 เม.ย.67 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้...

การเติบโตที่น่าผิดหวังของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 และต่อเนื่องมายังไตรมาสแรกของปี 2567 ทำให้หลายสำนักต้องปรับการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลงมาเหลือไม่ถึง 3% ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการค้าการลงทุนในประเทศเป็นอย่างมาก

แต่ท่ามกลางความหดหู่และความมืดมัว เริ่มมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ปรากฏขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 โดยวันที่ 10 เมษายน รัฐบาลจะแถลงความชัดเจนของมาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ซึ่งถือเป็นมาตรการ Flagship ของรัฐบาลนี้ 

หลายฝ่ายรวมทั้งฝ่ายค้านมัวหลงประเด็นอยู่ที่เรื่องแหล่งที่มาของเงิน แต่ข้อเท็จจริงคือ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณแผ่นดินหรือกฎหมายให้อำนาจรัฐบาลกู้เงิน แหล่งเงินดิจิทัลวอลเล็ตก็จะต้องมาจากเงินกู้ทั้งนั้น เพราะขณะนี้เรามีงบประมาณขาดดุล เนื่องจากรายได้ไม่พอกับรายจ่าย การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจึงต้องมาจากการกู้เงินเท่านั้น หากไม่ออกกฎหมายให้อำนาจกู้เงิน ก็อาจออกเป็นงบประมาณกลางปี ซึ่งก็ดูจะเหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ประเด็นอยู่ที่จังหวะเวลา หากออกมาได้เร็วก็จะช่วยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี

ในเรื่องแหล่งเงิน ระยะต่อไปรัฐบาลต้องปฏิรูปภาษีอากรเพื่อเพิ่มรายได้ และลดการพึ่งพาการกู้เงิน แต่ไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหนกล้าแตะประเด็นนี้เลย

พร้อมกันในวันที่ 10 เมษายน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็จะประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลงประมาณ 0.25-0.50% ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขความผิดพลาดเชิงนโยบาย (Policy Blunder) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วยเสริมมาตรการทางการคลังที่กล่าวข้างต้นในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี แต่จะให้ดีกว่านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยควรจะต้องออกมาขอโทษประชาชนที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศเดือดร้อนจากความผิดพลาดของตนเอง

แผนงาน Ignite Tourism Thailand ของรัฐบาล ซึ่งได้ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ เริ่มปรากฏผลชัดเจนขึ้น เมื่อการท่องเที่ยวไทยเริ่มกลับมาคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาสแรก และคงจะคึกคักไปตลอดทั้งปี รัฐบาลไทยลงทุนด้านการท่องเที่ยวไปมากในรูปของรายได้จากค่าธรรมเนียมวีซ่าที่สูญเสียไป รายได้ภาษีสุราที่สูญเสียจากการลดอัตราจัดเก็บภาษีสุรา ดังนั้นต้องดูแลให้นโยบายการท่องเที่ยวเกิดผลสัมฤทธิ์และสร้างรายได้กลับคืนคลัง

เชื่อมั่นว่าด้วยการผสมผสานนโยบายการคลัง นโยบายการเงิน และนโยบายการท่องเที่ยวให้ไปในทิศทางเดียวกัน ปี 2567 นี้จะเป็นปีทองของการลงทุนไทยอย่างแน่นอน