‘พีระพันธุ์’ ถกแก้ กม. คุมราคาน้ำมันเบนซิน ลั่น!! ค่าการตลาดไม่ควรเกิน 2 บาทต่อลิตร

เมื่อวานนี้ (3 ต.ค. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ผลการหารือร่วมกับหน่วยงานในสังกัด เกี่ยวกับการควบคุมค่าการตลาดน้ำมันที่กำหนดไว้ที่ 2 บาทนั้น โดยได้เชิญผู้แทนสำนักงานกฤษฎีกา ปลัดกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานกระทรวงพลังงานในการหารือกรณีการดูแลราคาน้ำมันเบนซิน เพราะส่วนที่มีปัญหาและทำให้ราคาสูงขึ้น มาจากค่าการตลาด 

ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานของกระทรวงพลังงานได้คิดคำนวณจากข้อมูลพื้นฐาน พบว่าควรอยู่ที่ 2 บาทต่อลิตร แต่ความจริงตอนนี้ผู้ประกอบการกำหนดค่าไว้ในระดับที่สูงมาก โดยกระทรวงพลังงานได้เคยหารือกับกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อน้ำมันอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม ก็ขอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยดำเนินการในส่วนของค่าการตลาดนี้ เพื่อให้อยู่ในกรอบที่กระทรวงพลังงานกำหนด 

แต่กระทรวงพาณิชย์แย้งว่ากระทรวงพลังงานมีกฎหมายเฉพาะอยู่แล้ว และมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดว่า กระทรวงพลังงานมีกฎหมายเฉพาะอยู่แล้ว จึงไม่ได้ดำเนินการให้ โดยกฎหมายเฉพาะนี้ได้เข้าไปพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นกฎหมายเฉพาะที่อ้างอิง ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2562 ที่เกิดวิกฤตน้ำมัน คำพิพากษาศาลจึงออกมาในตอนนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงคิดว่ายังเป็นกฎหมายเฉพาะอยู่ ทำให้ต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ

โดยหากกระทรวงพลังงานมองว่ากฎหมายแท้ ๆ ของกระทรวงไม่มีอำนาจ แต่กระทรวงพาณิชย์มองว่ามีและยืนยันว่ามี ทำให้ต้องหาทางดำเนินการต่อไป อาทิ การแก้ไขกฎหมาย ในการกำหนดค่าตลาดว่าให้กระทรวงพลังงานเป็นผู้กำหนด ซึ่งปัจจุบันกระทรวงพลังงานเห็นว่าค่าการตลาดที่เหมาะสมอยู่ที่ 2 บาทต่อลิตรในทุกผลิตภัณฑ์

“ที่ผ่านมาเคยขอความร่วมมือผู้ประกอบการในการกำหนดค่าตลาดที่ไม่เกิน 2 บาท แต่ผู้ประกอบการบางรายยังคิดค่าตลาดในบางสินค้าเกิน 4 บาทด้วย ทำให้เวลานี้คงมาดูในเรื่องการแก้ไขกฎหมายหากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษอย่างไร เพราะที่ผ่านมาเป็นการขอความร่วมมือผ่านการกำหนดราคาจากกระทรวงพลังงาน แต่หากผู้ประกอบการไม่ทำตามจะทำอย่างไร เพราะไม่มีกฎหมายกำกับควบคุมให้ดำเนินการตามในส่วนนี้” นายพีระพันธุ์กล่าว

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการหารือร่วมกับคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อวางแนวทางในการปรับแก้กฎหมายแล้ว โดยจะพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อดูแลราคาน้ำมันในประเทศ เพราะช่วงที่ผ่านมาได้พยายามหารือกับผู้ประกอบการไปแล้วว่าต้นทุนควรเป็นเท่าไหร่ แต่ไม่ได้รับการชี้แจงในรายละเอียด เพราะอ้างเป็นความลับทางการค้าซึ่งในส่วนนี้ยืนยันด้วยว่า ข้อมูลต่าง ๆ สามารถเปิดเผยได้ และไม่ควรอ้างการค้าเสรีเพื่อเป็นอุปสรรคต่อการกำกับดูแลค่าการตลาดที่เหมาะสมในทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันในประเทศไทย