CEO กลุ่มธุรกิจ TCP หวังการเมืองไทย มีเสถียรภาพ  มองการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ธุรกิจรายใหญ่สามารถปรับตัวได้

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 66 ในงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2023 นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงภาพรวมธุรกิจภายหลังการเลือกตั้งไว้ว่า...

"หากพูดถึงกลุ่มธุรกิจ TCP ก็ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ หลังจากการเลือกตั้ง เนื่องจากธุรกิจในกลุ่ม TCP ไม่ได้ทำธุรกิจหรือสัมปทานกับภาครัฐ ถ้าจะห่วงก็คงเป็นสถานการณ์ในต่างประเทศมากกว่า เพราะธุรกิจส่วนใหญ่ของกลุ่ม TCP มีฐานลูกค้าอยู่ที่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากประเมินแล้วมีความเสี่ยงสูง ก็จะชะลอการดำเนินงานไปก่อน อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญที่อาจต้องจับตาในไทย คงเป็นเสถียรภาพทางการเมืองมากกว่า เพราะถ้าการเมืองมีเสถียรภาพ ธุรกิจต่าง ๆ ก็จะเดินหน้าไปได้ ฉะนั้นถ้าการเมืองตอนนี้เป็นไปตามกระบวนการ ก็ไม่น่ามีอะไรให้ต้องกังวล"

เมื่อถามถึงประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของพรรคก้าวไกล นายสราวุฒิ กล่าวว่า "นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทนั้น จะกระทบหรือไม่ ต้องไปดูตามตัวบทกฎหมาย อีกทั้งทางภาคธุรกิจยังมีคณะไตรภาคีที่จะพิจารณาเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่โดยส่วนตัว ผมมองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากธุรกิจของ TCP ใช้เครื่องจักรในการผลิตสินค้าเป็นส่วนใหญ่จำนวนแรงงานที่ใช้จึงไม่ได้เยอะ แต่ปัญหาการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะไปเป็นภาระหนักของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางมากกว่า ส่วนธุรกิจรายใหญ่สามารถปรับตัวได้หมดเนื่องจากสามารถลงทุนด้านเครื่องจักรได้"

เมื่อถามถึงภาพรวมความสัมพันธ์กับต่างประเทศ หลังพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล จะมีผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกับประเทศจีนหรือไม่ นายสราวุฒิ มองว่า "ในแง่ของภาคเอกชนที่ได้ดำเนินธุรกิจในต่างแดน ย่อมต้องสร้างสัมพันธ์อันดีทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องกับประเทศต่าง ๆ ตลอดอยู่แล้ว กลับกันในส่วนของภาครัฐนั้นจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่า แต่ก็แน่นอนว่า ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดี ภาคเอกชนก็จะสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น"

เมื่อถามถึงเรื่องเร่งด่วนที่อยากฝากถึงรัฐบาลให้ดำเนินการ นายสราวุฒิ กล่าวว่า "ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ผมอยากให้ช่วยเข้าไปพัฒนาในเรื่องของระบบการศึกษาให้ดีขึ้นกว่านี้ ทำให้เยาวชนไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ ไม่ใช่แค่กระทรวงศึกษาธิการหรือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงวิธีการเรียนรู้ของเยาวชนไทย เพราะภาคธุรกิจจะเดินหน้าไม่ได้ หากไม่มีทรัพยากรมนุษย์ที่เก่งและเชี่ยวชาญมารองรับธุรกิจต่าง ๆ ตนไม่อยากเห็นภาพที่คนต่างชาติเข้ามาทำงานในเมืองไทยมากกว่าที่จะเป็นคนไทยทำงานในเมืองไทยกันเอง"