‘เพื่อไทย’ อัด ‘ประยุทธ์’ ทำลาย ศก.ไทยพังยับ ชี้!! ที่ผ่านมาเอื้อแต่นายทุน - ไม่ช่วยเกษตรกร

(30 ม.ค. 66) นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ได้รับเสียงสะท้อนถามกลับมาว่าเมื่อไหร่จะเลือกตั้ง อยากเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว เพราะหากยังเป็นรัฐบาลนี้ประชาชนคงอดตายแน่ ๆ ทั้งนี้ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาก โดยเฉพาะราคาข้าวเปลือก ขายข้าวเปลือก 1 กิโลกรัม ซื้อมาม่ากินไม่ได้ ราคาข้าวเปลือกที่โรงสี รับซื้ออยู่ที่ 6,500-7,000 บาทต่อตัน ขณะที่ต้นทุนการเพาะปลูกพุ่งเกิน 6,500 บาทต่อไร่ ส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนตั้งแต่ขาย ปัจจัยสำคัญมาจากการที่รัฐบาลปล่อยให้ต้นทุนสินค้าจำเป็นในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวปรับขึ้นไปหลายเท่าตัว โดยเฉพาะราคาปุ๋ยจาก 600 บาทต่อกระสอบปรับราคาขึ้นไป 3 เท่าตัวไปอยู่ที่ราคา 1,800 บาทต่อกระสอบ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีปีไหนเลยที่เกษตรกรมีความสุข  เพราะรัฐล้มเหลวในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร 

นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล บริหารแบบข้าเก่งที่สุด ไม่ฟังใคร ผลที่ออกมาคือเศรษฐกิจพังพินาศ นโยบายของรัฐบาลไม่สามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้เลย เอสเอ็มอีปิดกิจการนับหมื่นราย หลายพื้นที่ถูกขายให้ต่างชาติ จนไม่เหลือผู้ประกอบการ ความเหลื่อมล้ำเพิ่มสูงขึ้น เพราะนายทุนตักตวงผลประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลที่ประกาศออกมา ระบบการเงินหมุนเพียงรอบเดียว ส่งผลให้กระแสเงินสดในประเทศไหลเข้าสู่นายทุนเจ้าสัว ไม่หมุนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งผิดหลักการเศรษฐศาสตร์มาก ยิ่งหมุนน้อยค่าของเงินก็ลดลง

“พล.อ.ประยุทธ์ประกาศว่าขอเวลาอีก 2 ปี จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้น แล้วที่ผ่านมา 8 ปีมัวไปทำอะไรอยู่ เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาในการเดินสายหาเสียงมากกว่าการแก้ปัญหาประเทศที่มีอยู่ ประชาชนมองว่าหมดเวลาของพล.อ.ประยุทธ์นานแล้ว ควรไปได้แล้ว การมีอยู่ของพล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยช่วยให้ประชาชนดีขึ้น มีแต่แย่ลงทุกวัน หากปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์รั้งอำนาจต่อไป ประชาชนคงไร้ความสุขอย่างแน่นอน” นายกฤษฎา กล่าว