‘เพื่อไทย’ ชี้!! ขึ้นค่าแรงเป็นการร่วมมือของ ‘รัฐ-เอกชน’ ยัน!! หากได้เป็นรัฐบาล มีแผนหารายได้เข้าประเทศคู่กันไป

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 65 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่ผู้ประกอบการมีข้อกังวลเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ในขณะที่เศรษฐกิจประเทศไทยมีแนวโน้มยังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดว่า หากพิจารณาเพียงมุมต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้นเพียงด้านเดียว โดยรายได้ไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย ในหมวกของผู้ประกอบการเองก็คงต้องกังวลและสามารถเข้าใจได้ว่า พรรคเพื่อไทยกำลังจะหาเสียงแบบผลักภาระให้กับภาคเอกชน ในข้อเท็จจริงแล้วหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล สิ่งที่จะดำเนินการควบคู่กันไปคือการหารายได้ให้กับประเทศ ดังนี้

1. การปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็นการปรับตามค่าครองชีพ และการขยายตัวของเศรษฐกิจ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SME มีรายได้มากขึ้น เมื่อมีรายได้มากขึ้น ผู้ประกอบการก็สามารถจ่ายค่าแรงที่เพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับการปรับค่าแรงไม่ได้ขึ้นทีเดียว จะปรับขึ้นตามเพดานสูงสุดในปี 2570 คืออีก 5 ปีข้างหน้า ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการจึงจะมีเวลาปรับตัว

2. หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ประเทศกลับคืนสู่ประชาธิปไตย จะสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้มากขึ้น ผ่านการยกระดับอุตสาหกรรมเปลี่ยนจากประเทศที่ดึงดูดนักลงทุนจากค่าแรงที่ถูกเป็นแรงงานศักยภาพสูง ซึ่งเพื่อไทยจะผลักดันนโยบายเขตธุรกิจใหม่ 4 ภาค เพื่อมาต่อยอดกลุ่มธุรกิจ SME ในไทยที่เน้นนวัตกรรม และเทคโนโลยี ให้เกิดการสร้างรายได้ใหม่ เกิดการสร้างงานใหม่จำนวนมากที่ใช้และถ่ายทอดทักษะแรงงานขั้นสูงให้กับแรงงานไทย

3. ภายใต้การนำของรัฐบาลเพื่อไทย ภาคการเกษตร ภาคบริการและการท่องเที่ยวจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อคนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็จะสามารถจ่ายต้นทุนค่าแรง และค่าครองชีพอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นได้ตามไปด้วย 

4. ที่ผ่านมาสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์มีการผ่อนปรนภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% ในปีแรก และในปีต่อมาเป็น 20% เพื่อชดเชยกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น พรรคเพื่อไทยในวันนี้ก็มีแนวคิดที่ออกมาตรการส่งเสริมสนับสนุนภาคเอกชนและผู้ประกอบการ SME ด้วยเช่นกัน 

5. พรรคเพื่อไทยยังมีแนวคิดที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะให้กับแรงงาน ที่ยังคงมีทักษะไม่สูงมากนัก และเพิ่มผลิตภาพแรงงานให้สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคต

“หากเรามองประเทศในวันนี้ภายใต้การนำของรัฐบาลประยุทธ์ที่กักขังศักยภาพของประเทศไทยเอาไว้ การขึ้นค่าแรงก็ทำให้ผู้ประกอบการไปไม่รอด แต่การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำภายใต้การนำของรัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้เป็นการผลักภาระให้เอกชน แต่เป็นการร่วมมือกันกับภาครัฐที่มีเคยประสบความสำเร็จในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจมาแล้วในอดีต เพื่อกลับมาสร้างรายได้ให้ประเทศ ให้ภาคเอกชน และประชาชนทุกคนอีกครั้ง จึงอยากขอร้องให้ผู้ประกอบการมองภาพใหญ่ของประเทศด้วยแพ็กเกจนโยบายที่นำเสนอโดยรวมซึ่งทำหน้าที่เสมือนฟันเฟืองต่าง ๆ ของรถยนต์ร่วมกัน การจะขับเคลื่อนประเทศได้นั้น คงใช้เพียงเฟืองตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้” นายกฤษฎา กล่าว